“น้องเดียว” ใช้สื่อรัฐแจงข้อมูลชาวบ้าน ถาม “จิ๋ว” รู้ได้ไงยึดเงิน “แม้ว” บางส่วน

“สาทิตย์” หนุน “ปู่จิ้น” เปิดทีวีมหาดไทย หวังใช้ปกป้องสถาบัน แต่ระวังอย่าเป็นเครื่องมือสร้างความขัดแย้ง ยังไม่พบกระทรวงอื่นขอทำบ้าง เล็งใช้สื่อรัฐแจงชาวบ้านก่อนถึงวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ “นช.แม้ว” 8-25 ก.พ.นี้แก้ปัญหา “ปลวกแดง” บิดเบือนข้อมูลปั่นหัวประชาชน ถาม “จิ๋ว” รู้ได้ไงศาลยึดเงิน “แม้ว” บางส่วน

วันนี้ (3 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงมหาดไทยจะเปิดสถานีโทรทัศน์ว่า ขณะนี้ต้องยอมรับว่าเรามีจำนวนช่องที่มีการเปิดมาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะโทรทัศน์ดาวเทียม ซึ่งปัญหาใหญ่คือโทรทัศน์ดาวเทียมยังไม่มีกติกากำกับดูแลเรื่องผังรายการและเนื้อหาอย่างชัดเจน เพราะอนุกรรมการของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่รัฐบาลได้พยายามประสานงานไปหลายครั้ง ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นการโฆษณาเกินจริง กรณีป้าเช็ง ต้องใช้กฎหมายของหน่วยงานอื่นเข้าไปดูแล คือกฎหมายองค์การอาหารและยา

“การเปิดโทรทัศน์ดาวเทียมขึ้นมา ถ้าเป็นของส่วนราชการ เช่น กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้เปิด การกำกับดูแลเนื้อหาคงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะกระทรวงมหาดไทยจะดูแลเนื้อหาที่เผยแพร่ให้สร้างสรรค์และปกป้องสถาบัน ผมเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องมีรายการที่มีเนื้อหาปกป้องสถาบัน เพราะเมื่อเหตุการณ์การชุมนุมรุนแรงมากขึ้น ทั้งเว็บไซต์ การเผยแพร่เอกสารใต้ดิน ซีดี มีการพาดพิงสถาบันจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการแก้ไขด้วยการชี้แจงบ้าง ปราบปรามบ้าง และจัดงานฉลองพระเกียรติบ้าง ดังนั้นหากมีสถานีโทรทัศน์ที่มีเนื้อหาปกป้องสถาบันเป็นการเฉพาะถือเป็นเรื่องที่ดี” นายสาทิตย์กล่าว

นายสาทิตย์กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่นักวิชาการเป็นห่วงว่าจะเป็นเครื่องมือทางการเมืองนั้น คนที่ทำหน้าที่ดูแลในเรื่องนี้ก็ต้องระวังด้วย ไม่ให้โทรทัศน์ดาวเทียมนี้มีเนื้อหาในทางที่ให้ร้ายกันหรือเติมความขัดแย้ง มากขึ้น ส่วนหากกระทรวงอื่นจะทำบ้างจะได้หรือไม่นั้น คงเป็นเรื่องที่แต่ละกระทรวงไปพิจารณาเอง แต่โดยหลักการดำเนินการเรื่องนี้ก็ใช้งบประมาณไม่น้อย ดังนั้นเท่าที่ฟังดูก็ไม่มีกระทรวงอื่นที่จะดำเนินการเรื่องนี้

นายสาทิตย์กล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์หน้าเครือข่ายสื่อของรัฐจะเสนอรายการเพื่อการชี้แจงในหลากหลายรูปแบบ ทั้งสกู๊ปและเสวนา เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบใน 2 เรื่อง คือ คดีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีการโจมตีว่าพิจารณา 2 มาตรฐานหรือไร้มาตรฐาน การให้ร้ายกระบวนการยุติธรรม และคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และการดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยรายการดังกล่าวมีกำหนดนำเสนอผ่านสื่อรัฐในวันที่ 8-25 ก.พ. มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการบิดเบือนจนนำไปสู่การสร้างสถานการณ์ทางการเมือง เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนเข้าใจมากยิ่งขึ้น

“ยืนยันว่าการชี้แจงในรายการดังกล่าวไม่ต้องการให้เกิดความเคลื่อนทางการเมือง แต่ต้องการให้ประชาชนเข้าใจในสถานการณ์ต่างๆ และรัฐบาลไม่ได้ใช้สื่อรัฐมาเป็นเครื่องมือของตัวเอง ขณะนี้มีการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอต่อสาธารณะ เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการปลุกระดมให้เกิดความสับสนมาโดยตลอดว่าการดำเนิน คดีต่างๆ ไม่ยุติธรรม และมีการบิดเบือนแบบกระบวนการใต้ดิน เช่น ทำใบปลิวเถื่อน ซีดีเถื่อน” นายสาทิตย์กล่าว

ทั้งนี้ นายสาทิตย์ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต จงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ระบุว่าคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีการยึดทรัพย์บางส่วนด้วยว่า ท่านทราบได้อย่างไรว่าจะมีการยึดทรัพย์ทั้งๆ ที่ยังไม่มีการพิพากษา เป็นการตั้งข้อสังเกตล่วงหน้า เราเองไม่อยากจะพูดให้ความเห็นเพราะเป็นการละเมิดก้าวล่วงศาล ขณะนี้รู้สึกเป็นห่วงในสิ่งที่กลุ่มคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทยทำ คือ การบิดเบือนข้อเท็จจริงจนนำไปสู่เงื่อนไขการปลุกระดม