xs
xsm
sm
md
lg

เปิดมิตรภาพ“ป๋าเปรม-เนวิน” เพื่อนต่างวัย-ศัตรู นช.ทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง


การขับเคลื่อนของคนเสื้อแดง บนแคมเปญ “โค่นอำมาตย์-ล้มสองมาตรฐาน”ยังเดินหน้าต่อไป หลังเสร็จภารกิจ “ประจาน”พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี กรณีบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ เขายายเที่ยง

 ตามด้วยการบุกเขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เพื่อ “ทิ่มแทง” พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและกลุ่มตระกูลโสภณพนิช จากธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) กลุ่มทุนที่ถูกมองว่าใกล้ชิดกับขั้วอำนาจปัจจุบัน ซึ่งมีพลเอกเปรมเป็นประธานที่ปรึกษา

โดยเป้าหมายต่อไป บนคำประกาศของแกนนำเสื้อแดง คือการเตรียมบุกสนามกอล์ฟ รอยัล เชียงใหม่ กอล์ฟ รีสอทร์ท ที่รู้กันดีว่าเจ้าของคือ วาริน พูนศิริวงศ์ เจ้าของหนังสือพิมพ์แนวหน้า ซึ่งเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบความเลวร้ายของระบอบทักษิณและเสื้อแดงมาตั้งแต่วันแรกที่ทักษิณลงเล่นการเมือง

คนเสื้อแดงอ้างว่า มีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ในจ.เชียงใหม่และเป็นสนามกอล์ฟที่พลเอกเปรมเคยเดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดสนามกอล์ฟ จึงเป็นการยิงนกทีเดียวได้สองตัวคือ

แทง พล.อ.เปรม-ดิสเครดิตบุคคลที่เห็นว่าเป็นศัตรูฝ่ายตรงข้าม

 จากนั้นปฏิทินคนเสื้อแดงจะลงภาคใต้เพื่อบุกสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งใน อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ที่คนเสื้อแดงอ้างว่ามีเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่แต่ครอบครองสิทธิโดยไม่ถูกต้อง

สาเหตุที่เสื้อแดงบุกสนามกอล์ฟภูเก็ตดังกล่าวเป็นเพราะต้องการกระทบชิ่งไปถึง”คนใกล้ชิดพลเอกเปรม”เนื่องจากเจ้าของสนามกอล์ฟดังกล่าวคนเสื้อแดงอ้างว่า เป็นอดีตสมาชิกวุฒิสภาคนหนึ่งซึ่งแนบแน่นกับกลุ่มอำมาตย์และยังเป็นเครือญาติกับรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลปัจจุบัน แต่การตรวจสอบไม่คืบหน้าหลังจากเคยมีการส่งเรื่องไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบ แต่เรื่องยังคงเงียบอยู่

การบุกสนามกอล์ฟทั้งที่เชียงใหม่และภูเก็ตของคนเสื้อแดง เป้าหมายจึงเห็นได้ชัดว่าต้องการหวังทุบเครือข่ายพลเอกเปรมให้น่วมก่อนทำศึกใหญ่กลางเดือนกุมภาพันธ์นี้

เชื่อว่าเป้าหมายต่อไปในอนาคต ของแกนนำเสื้อแดงที่ต้องการ ประจาน”สองมาตรฐาน-โค่นอำมาตย์”กำลังมองไปที่การนัดชุมนุมใหญ่ที่เขากระโดง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งกลุ่มตระกูล “ชิดชอบ”ถูกการรถไฟแห่งประเทศไทยแจ้งความดำเนินคดีและทวงคืนที่ดินสาธารณะดังกล่าวอยู่ หลังจากถูกตรวจสอบว่าที่ดินดังกล่าวของกลุ่มตระกูลชิดชอบ รุกที่สาธารณะโดยมิชอบ

แต่จนบัดนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งการรถไฟฯ-กรมที่ดิน-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งชัย ชิดชอบและภรรยา เคยเดินทางไปให้ปากคำกับตำรวจจังหวัดบุรีรัมย์ ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ กับที่ดินดังกล่าว กลุ่มเสื้อแดงจึงต้องการไปปักหลักตั้งเวทีประจานผ่านทีวีเสื้อแดงเพื่อชี้เป้าให้แนวร่วมเสื้อแดงทั่วประเทศได้เห็นกันว่า

ศัตรูคือใคร ฐานที่มั่นอยู่ที่ไหน และมีความชั่วร้ายอย่างไร

 ทั้งหมดแสดงให้เห็นชัดว่า ศึกนี้กลุ่มคนเสื้อแดงโดยการบัญชาการของทักษิณ ชินวัตร หวัง”ทุบ”พลเอกเปรมและเครือข่าย-คนใกล้ชิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ให้แหลกคามือแน่นอน !


เมื่อเจอรุกหนักเช่นนี้ ย่อมทำให้กลุ่มที่โดนตีขนาบ สุดท้ายต้องจับมือกันเป็น “แนวร่วมการเมือง”ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการจับมือเป็นพันธมิตรกันของ

 “พล.อ.เปรม บ้านสี่เสาฯกับเนวิน เสื้อน้ำเงิน”

ที่ระยะหลังมีเสียงร่ำลือกันในทางการเมืองว่ามีผู้พบเห็นทั้งสองคน คบหาติดต่อกันทางการเมืองกันทั้งแบบเปิดเผยและปิดลับ ผ่านวงสนทนาเล็กๆ ในบ้านสี่เสาฯและโทรศัพท์เคลื่อนที่”เบอร์สเปเชี่ยล”ของทั้งสองฝ่าย

  ถ้าเป็นเช่นนี้ ย่อมถือว่า เนวินได้รับไม้สานสัมพันธ์กับผู้ยิ่งใหญ่บ้านสี่เสาฯ ต่อจากบิดา ชัย ชิดชอบซึ่งถือว่าเป็นคนรู้จักเก่าแก่กับพลเอกเปรมมาหลายสิบปี เพียงแต่ไม่ได้สนิทสนมคบหากันจริงจัง เหตุเพราะพลเอกเปรม เป็นที่รู้กันว่าไม่ค่อยชอบคบนักการเมืองเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยไว้วางใจ ไม่เหมือนกับทหาร ที่ป๋าเปรมจะต่อสายสัมพันธ์เรื่อยมาไม่ว่ากี่รุ่นต่อกี่รุ่น

สำหรับเหตุที่ พล.อ.เปรมกับชัย ชิดชอบ สนิทรู้จักคุ้นเคยกันก็เพราะ ชัย เคยสร้างวีรกรรมการเมืองช่วยเหลือไม่ให้  “พล.อ.เปรมถูกชำแหละกลางสภาฯ”ในช่วงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจสมัยปี 2529

ที่ตอนนั้น ชัย เป็น ส.ส.โนเนม จังหวัด บุรีรัมย์ พรรคสหประชาธิปไตยของ บุญเท่ง ทองสวัสดิ์ อดีตประธานสภาฯ และเวลานั้นพลเอกเปรม ถูกพรรคฝ่ายค้านเวลานั้น ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ปรากฏว่า ชัย ชิดชอบ ได้เป็น ส.ส.คนสุดท้ายจาก 13 คนของฝ่ายค้าน ที่ลงชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอกเปรมไปแล้ว

แต่ในช่วงวันสุดท้ายก่อนการเปิดอภิปราย ฤทธิ์เดชของ”ตู้เอทีเอ็มเคลื่อนที่”เมืองสุพรรณบุรี และฝีมือการประสานสิบทิศของพลตรีชวลิต ยงใจยุทธ (ยศในขณะนั้น) ทำให้ญัตติดังกล่าวตกไป จากการที่เสียงส.ส.ฝายค้านไม่ครบตามจำนวนที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

ทำให้พล.อ.เปรม เป็นนายกรัฐมนตรีแปดปีโดยไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเลย

หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงร่ำลือกันไปทั่วพื้นที่อีสานใต้ ว่า ชัย ชิดชอบ ซึ่งมีพื้นเพเป็นคนสุรินทร์ สร้างเนื้อสร้างตัวได้แล้วจากกิจการสัมปทานโรงโม่หินใน จ.บุรีรัมย์ ที่อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ จนทำให้ชัย ชิดชอบ กลายเป็นส.ส.บุรีรัมย์และชิดชอบ กลายเป็นตระกูลใหญ่ในอีสานใต้นับแต่นั้น


 อย่างไรก็ตาม เมื่อพล.อ.เปรม พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและอยู่ในสถานะที่ปลอดจากการเมือง ก็ทำให้พล.อ.เปรม ห่างไกลนักการเมือง-พรรคการเมืองไปโดยปริยาย

แต่แล้วความสัมพันธ์ทางการเมืองของพลเอกเปรมกับกลุ่มเสื้อน้ำเงิน เริ่มถูกพูดถึง หลังจากมีผู้พบเห็น ชัย นั่งรถโฟลค์สีดำติดฟิลม์ดำทั้งรถ มุดเข้าบ้านสี่เสาฯในช่วงก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดียุบพรรคพลังประชาชนและตอนนั้น ชัย เป็นประธานสภาผู้แทนราษฏรแล้ว

 จนต่อมา เนวินนำพลพรรคกลุ่มเพื่อนเนวินแยกตัวออกมาจากพรรคเพื่อไทยกว่า 32 ชีวิตออกมาหนุนอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี หลังเนวินนำแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันไปร่วมหารือตั้งรัฐบาลกันที่เซฟเฮ้าส์ค่ายทหาร

จนเวทีเสื้อแดงนำไปพูดหลายต่อหลายครั้งโดยการอ้างอิงข้อมูลที่เป็นคำบอกเล่าของทักษิณ ชินวัตร ยามเมื่อ ส.ส.เพื่อไทยหรือแกนนำคนเสื้อแดงเดินทางไปพบทักษิณที่ต่างประเทศทุกครั้งว่า

คนที่เป็นผู้กำกับการแสดงหนังเรื่อง  “ลูกน้องทรยศเจ้านาย-เนวินหักทักษิณ ” ก็คือ ผู้มากบารมีทางการเมืองตัวจริงแห่งบ้านสี่เสาฯ

จึงไม่แปลกที่ เวทีคนเสื้อแดง-รายการทีวีคนเสื้อแดง เกือบทุกครั้งที่กล่าวโจมตีพลเอกเปรม ก็จะต้องพ่วงด่าเนวิน ชิดชอบไปด้วยทุกครั้ง

เช่นคำแถลงของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงที่ระบุในช่วงก่อน “สงกรานต์เลือด”หนึ่งวัน ว่า การที่เนวิน ชิดชอบ ไปยึดห้องแถลงข่าว ณ โรงแรมสยามซิตี้ เพื่อเรียกร้องไม่ให้คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวใหญ่ก่อนสงกรานต์เลือด จนเนวินน้ำตาคลอเบ้าเรียกร้องให้ทักษิณหยุดการเคลื่อนไหวการเมือง ว่า ก่อนที่เนวินจะออกมาแสดงบทบาทชนิดดาราตุ๊กตาทองยังอายหนึ่งวันคือ  6 เมษายน 2552 เนวิน ชิดชอบได้ไปพบพลเอกเปรม ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ และมีการร้องขอจากคนในบ้านสี่เสาฯให้เนวิน ชิดชอบออกมาแถลงข่าวดังกล่าว

มาวันนี้เมื่อทั้ง “พล.อ.เปรม-เนวิน”คือ ศัตรูการเมืองอันดับต้นๆของทักษิณ-คนเสื้อแดง จึงย่อมทำให้ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในสภาพเดียวกัน คือต่างฝ่ายต่างพึ่งพาอาศัยกันและกัน เพื่อต้านพลังเสื้อแดงและล้มระบอบทักษิณให้สิ้นซาก

เพราะ พล.อ.เปรม ครั้นจะหวังพึ่งอำนาจของทหารในกองทัพอย่างเดียวก็ไม่ได้ เขาจำเป็นต้องมีกลไกการเมืองที่พร้อมเกื้อหนุนและออกหน้าให้ตลอดเวลา ซึ่งการทุ่มหมดตัวแบบนี้ พล.อ.เปรมรู้ดีว่า ประชาธิปัตย์-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พึ่งไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

ยิ่งอำนาจกองทัพในยุคพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ก็แสนจะอ่อนแอ ปวกเปียก ขนาดลูกน้องยศนายพลยังขู่จะกระทืบกลางกองทัพบก

พลเอกเปรม จึงจำเป็นต้องมี อำนาจการเมือง ที่พร้อมคอยขับเคลื่อนให้อยู่ข้างหลัง ซึ่งตัวเลือกเวลานี้

เนวิน-เสื้อน้ำเงิน-อำนาจใหม่


กลุ่มนี้คือ “ตัวช่วย”ที่ดีที่สุดของบ้านสี่เสาฯในสถานการณ์ปัจจุบันเพราะแม้มีส.ส.ในมือไม่มาก แต่เนวินเป็นพวกสายแข็ง แถมจัดตั้งมวลชนได้รวดเร็ว มีเครือข่ายคนของตัวเองทั้งในกองทัพ-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง

บนกระแสข่าวว่า เนวินเองก็ภูมิใจและมักบอกเล่าให้คนใกล้ชิดเพียงไม่กี่คนรู้ว่า เขาได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ที่เป็นรุ่นพี่สวนกุหลาบคอนเน็คชั่น ในการเรียกไปใช้งานหลายครั้ง และคอยช่วยเหลือในยามที่เนวินอยู่ในสภาพหน้าสิ่วหน้าขวานทางการเมือง

จนทำให้เนวินผุดไอเดียใช้กลไกอำนาจรัฐเพื่อลดทอนพลังของฝ่ายทักษิณ โดยใช้กลไกกระทรวงมหาดไทย รณรงค์โครงการปกป้องสถาบัน ที่ให้ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยไปเปิดงานปกป้องสถาบันทุกจังหวัดทั่วประเทศตลอดปี 2552

และปี 2553 เนวิน ก็จะทำโครงการ4D Visual Light & Sound หรือการฉายภาพยนตร์ 4 มิติ ทั่วประเทศ โดยจังหวัดแรกที่จะเริ่มเปิดแคมเปญนี้ เนวินก็เลือก จ.นครราชสีมา ซึ่งพลเอกเปรม มีบ้านพักไร้กังวล ที่มักใช้หลบลมร้อนการเมืองมาพักที่บ้านพักแห่งนี้ โดยเฉพาะในช่วงที่เสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งใกล้กับบ้านสี่เสาเทเวศร์     

นี่คือสายสัมพันธ์การเมืองของ “คนสองภาค-เพื่อนสองวัย”

ด้วยอายุ พล.อ.เปรม ถือได้ว่าเป็นระดับรุ่นพ่อเนวินได้เลย และด้วยพื้นฐานพื้นเพถิ่นกำเนิด เปรม คนใต้ สงขลา เนวิน คนอีสาน เชื้อเขมร 

แต่เมื่อวันนี้ทั้งสองคนกำลังถูกขึ้นบัญชีดำ หมายหัวจากทักษิณ-เสื้อแดงเหมือนกัน ความแตกต่างใดๆ จึงไม่มีผลอะไรทั้งสิ้นกับการตั้งรับแล้วโต้กลับของสองคนนี้ มีแต่จะยิ่งทำให้ทุกก้าวย่างต้องสุขุมรอบคอบมากขึ้น –จับมือกันแน่นแฟ้นมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นยามเมื่อภัยมาเยือนถึงหน้าประตูบ้าน –ที่ทำการพรรค

 มิเช่นนั้น คำว่าแพ้ก็อาจน้อยเกินไป

สำหรับการเอาคืนจากทักษิณ กับ “พล.อ.เปรม-เนวิน”

กำลังโหลดความคิดเห็น