xs
xsm
sm
md
lg

บี้ “สุรยุทธ์”บุก“เขายายเที่ยง” “แดง”เหิมเปิดเกมขยี้อำมาตย์

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง


นัดหมายใหญ่ครั้งแรกในรอบปี 2553 ของคนเสื้อแดง ที่หน้าบ้านพักพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี ที่เขายายเที่ยง ในวันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2553

เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายนี้ แม้แกนนำ นปช.-คนเสื้อแดง จะอ้างว่าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อต้องการบอกให้สังคมรู้ว่า

ประเทศไทยปกครองด้วยกฎหมาย 2 มาตรฐาน

ถ้าเป็นคนธรรมดา ใครที่บุกรุกที่โดยผิดกฎหมายจะต้องถูกเพิกถอนและโดนดำเนินคดีทางกฎหมาย แต่กับพลเอกสุรยุทธ์ ซึ่งเป็นองคมนตรี กลับไม่มีการดำเนินการสอบสวนใดๆ ทั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ และองค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มีคนไปยื่นเรื่องให้ตรวจสอบตั้งแต่สมัยพลเอกสุรยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี

แต่จนถึงบัดนี้ กลับไม่มีความคืบหน้าในการชี้มูลความผิดใดๆ

ทั้งนี้ สามารถมองทะลุเข้าไปถึงเป้าหมายที่แท้จริงได้ไม่ยากว่า “บิ๊กแอ้ด” นั่นแค่เป้าเล็ก เป้าจริงที่เสื้อแดง หวังกระทบชิ่งไปให้ถึงในยามที่ตรึงพื้นที่เขายายเที่ยง ตอกไม้ตั้งเวทีปราศรัยใหญ่ และยิงถ่ายทอดสดทุกนาทีการชุมนุมใหญ่ในวันดังกล่าวผ่านทีวีเสื้อแดงได้สำเร็จ

ก็คือ “พี่ชายที่แสนดี” ของ “บิ๊กแอ้ด” นั่นก็คือ คนที่เสื้อแดงเรียกขานว่า ”อำมาตย์ใหญ่” พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี

บนความเคลื่อนไหวในวันดังกล่าว แกนนำเสื้อแดงวางแผนกันไว้แล้วว่า จะให้แกนนำเสื้อแดงระดับจังหวัดในพื้นที่ใกล้เคียงทั่วประเทศ แต่เน้นหลักที่เสื้อแดงอีสาน ให้มาเจอกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า ที่ถนนมิตรภาพ ปากทางเข้าเขายายเที่ยง จากนั้นก็ขนเสื้อแดงไปตั้งเวทีปราศรัยด้วยการเสนอข้อมูลแบบ

ความเท็จผสมความจริง

โดยรูปแบบการปราศรัยยังเน้นหนักในเรื่องเดิมที่ทำมาก่อนหน้านี้ คือการเปิดศึกถล่ม

“ระบอบอำมาตย์” และ “สองมาตรฐาน”

อันเป็นสองประเด็นหลักของการขับเคลื่อนใหญ่ของเสื้อแดงในปี 2553 นี้ ที่เบื้องต้นพบว่า การรับไม้-ส่งไม้ของผู้ปราศรัย จะไม่ต่างจากเวทีเสื้อแดงก่อนหน้านี้ คือการมุ่งโจมตีว่า พลเอกเปรม คือบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 และมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้พลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน อดีตประธาน คมช. เสนอชื่อพลเอกสุรยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี

อันเชื่อได้ว่าจะต้องมีการเอ่ยถึงการเคลื่อนไหวของพลเอกสุรยุทธ์ ก่อนหน้า 19 ก.ย. 49 โดยเฉพาะการไปร่วมรับประทานอาหาร และหารือการเมืองกันของบุคคลสำคัญทางการเมืองและตุลาการกันที่บ้านพักย่านสุขุมวิท ของนายปีย์ มาลากุล

จากนั้นก็จะส่งแกนนำนปช. ปาก(ถ่อย)จัด ทั้งหลายอาทิ อดิศร เพียงเกษ วีระ มุกสิกพงศ์ จตุพร พรหมพันธ์ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ขึ้นเวทียำใหญ่ถล่ม พลเอกเปรม-พลเอกสุรยุทธ์ โดยที่หน้าเวทีแกนนำเสื้อแดงจะเปิดพื้นที่ให้กลุ่มผู้ไร้ที่ดินทำกินทั่วประเทศ ที่จะเข้าร่วมชุมนุมด้วยตามคำกล่าวอ้างของแกนนำเสื้อแดงสายอีสานว่าไม่น้อยกว่า 10,000 คน

เพื่อต้องการเปรียบเทียบให้เห็นว่า กลุ่มเกษตรกรดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ต่างๆ มาหลายสิบปีตั้งแต่เกิด ยังไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง แต่พลเอกสุรยุทธ์ กลับมีบ้านพักสูดอากาศ เลขที่ 10 ในเนื้อที่ 15 ไร่ บนเขายายเที่ยง ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวนสวยงามโดยไม่มีความผิดใดๆ แต่ประชาชน-ชาวบ้านธรรมดาซึ่งครอบครองที่บริเวณตีนเขา ใกล้เคียงกันกับกลับถูกศาลพิพากษาจำคุก เช่นเดียวกับกรณี ทักษิณ ชินวัตร –พจมาน ณ ป้อมเพชร ซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ โดยประมูลถูกต้องตามกฎหมายแต่กลับถูก “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ตัดสินจำคุก

จากนั้นทั้งหมดจะวกกลับมาว่า สาเหตุที่เสื้อแดงทั่วประเทศต้องออกมาเคลื่อนไหวก็เพราะทนเห็นความแตกต่างของกฎหมายที่เลือกปฏิบัติกับคนบางกลุ่ม จนทำให้เกิดระบบอภิสิทธิ์ชนไม่ได้

เป็นธงรบของคนเสื้อแดงในปี 2553 อย่างที่ นช.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่เสื้อแดงปลุกเร้ามาตลอดว่า สองมาตรฐาน เสื้อแดงทำอะไรก็ผิด แต่ฝ่ายตรงข้าม ทำผิดก็บอกว่าถูก

เรื่องแบบนี้ ต้องบอกว่าสำหรับสังคมแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และสามารถปลุกเร้าให้คนเกิดความรู้สึกร่วม และเห็นดีเห็นงามไปกับ ทักษิณ-เสื้อแดงได้ไม่ยาก เพียงแต่ยังคาดเดาได้ยากว่า แกนนำเสื้อแดง จะนำอารมณ์ของผู้ร่วมชุมนุมไปในทางไหน


หากปราศรัย-ด่าทอกันเสร็จแล้วก็กลับ ก็คงไม่เกิดเหตุรุนแรงใดๆ แต่หากปลุกเร้าให้เกิดความรู้สึกร่วม และต้องการระบายออกแบบผิดๆ ก็เป็นงานหนักของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ต้องควบคุมสถานการณ์ ไม่ให้อารมณ์ของมวลชนเลยเถิดจนเกิดเหตุไม่คาดฝัน

ที่น่าติดตามสำหรับ ศึกแดงเดือด ณ เขายายเที่ยง นอกเหนือจากการประเมินท่าที-แนวคิดของ ทักษิณ-เสื้อแดง ต่อ พลเอกเปรม และกลุ่มผู้มีบารมีทางการเมืองทั้งหลายแล้ว ก็คือต้องดูว่า เสื้อแดง จะนำพามวลชนของตัวเองให้เกิดความรู้สึกอย่างไรต่อการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระต่างๆ ที่ทักษิณ-เสื้อแดง ประกาศว่าเป็นศัตรูการเมือง ไม่ว่าจะเป็น กรรมการการเลือกตั้ง- ศาลรัฐธรรมนูญ แต่สำหรับศึกนี้ องค์กรอิสระที่จะเป็นเป้าใหญ่บนเวทีเสื้อแดง ก็คือ กรรมการป.ป.ช. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่กำลังสอบสวนเรื่องนี้ แต่กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ

จึงเชื่อได้ว่า บนเวทีเสื้อแดงจะต้องพยายามอ้างว่า สาเหตุที่คดีนี้ล่าช้าก็เพราะมีการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากกรรมการป.ป.ช. ทั้งหมดถูกแต่งตั้งโดยพลเอกสนธิ อดีตประธานคมช. ภายใต้ความเห็นชอบในบางรายชื่อ จากพลเอกเปรม จึงทำให้เลือกปฏิบัติไม่เร่งสอบสวนใดๆ ในเรื่องนี้ แต่คดีของฝ่ายตรงข้ามเช่น “คดีเขาพระวิหาร” หรือ “คดี 7 ตุลาทมิฬ” กลับเร่งสอบสวนและชี้มูลความผิดอย่างรวดเร็ว

แต่ที่หลายคนเฝ้าติดตามมองมากเป็นพิเศษก็คือ ศึกใหญ่ครั้งนี้ของเสื้อแดง ทักษิณ จะโทรศัพท์โฟนอินมาที่เวทีเสื้อแดง ณ เขายายเที่ยงหรือไม่ หากทักษิณโทรไป ก็จะทำให้การชุมนุมที่เขายายเที่ยง คนเสื้อแดงที่ไปรวมตัวต้องคึกคักมากขึ้นแน่นอน และจะเป็นสัญญาณบางอย่างที่พอจะเห็นได้ว่า

สงครามทักษิณ-เสื้อแดง กับ ป๋าเปรม และคณะองคมนตรีบางคน ที่จะเริ่มต้นขึ้นหลังการประชุมกำหนดท่าทีของแกนนำเสื้อแดง ในวันที่ 15 ม.ค. ซึ่งแม้จะยังไม่มีการสรุปว่าจะนัดชุมนุมเมื่อใด

แต่แกนนำก็ประกาศแล้วว่า จะให้เวลาอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยุบสภาภายใน 7 วัน นับแต่เริ่มเป่านกหวีดรวมพลกันที่สนามหลวง-หน้าทำเนียบรัฐบาล-รัฐสภา ก็พอคาดเดาได้ว่า ศึกอำนาจรัฐกับกลุ่มทักษิณ-เสื้อแดงจะมีตอนจบอย่างไร

ที่น่าติดตามก็คือ การเคลื่อนไหวดังกล่าว หน่วยข่าวหลายสายเตือนให้รัฐบาลสั่งการให้ตำรวจ-ทหาร-ฝ่ายปกครอง เตรียมกำลังไว้ให้พร้อม เพราะมีเค้าว่าวันดังกล่าวอาจมีสถานการณ์บางอย่างที่คาดไม่ถึงได้ หากแกนนำเสื้อแดงปลุกเร้ามวลชนให้ฮึกเหิมกระทำการใดๆ เหนือกฎหมาย เพราะแกนนำเสื้อแดงก็ประกาศแล้วว่า นัดหมายครั้งนี้จะกระทำการแทนรัฐบาลที่ไม่ยอมเอาที่ป่าสงวนกลับคืนมา ดังนั้นคนเสื้อแดงก็จะยึดเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ เพื่อทวงคืนพื้นที่ป่าสงวนที่ “บิ๊กแอ้ด” และภรรยาไปทำบ้านพักตากอากาศให้กลับมาเป็นของแผ่นดิน

จึงเป็นความสุ่มเสี่ยงไม่น้อยที่จะเกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างคนเสื้อแดงกับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ต้องป้องกันไม่ให้เสื้อแดง มีการใช้กฎหมู่ทำในสิ่งที่อยู่นอกเหนือการชุมนุมทางการเมืองโดยสงบ ถ้ารูปการณ์เป็นเช่นนี้ ก็จะเข้าทางตามที่ผู้วางแผนการเคลื่อนไหวของเสื้อแดง

และยิ่งก่อนเสื้อแดงจะขนคนบุกเขายายเที่ยงก็พบว่ามีกลุ่มต่อต้านคนเสื้อแดงที่เป็นประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง คือชาวบ้านเขายายเที่ยง หมู่ที่ 1, 6 และ 10 ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ได้ขึ้นป้ายผ้าที่มีข้อความตลอดเส้นทางขึ้นเขายายเที่ยงกว่า 10 กิโลเมตร อันมีเนื้อหาคือ ไม่ต้อนรับคนเสื้อแดง และเตือนอย่าได้มาสร้างความวุ่นวาย-ความรุนแรงในพื้นที่

ดังนั้นหากวันที่ 11 ม.ค.นี้ มีการจัดตั้งกลุ่มเสื้อแดงให้ปะทะกับคนในพื้นที่ โดยมีการวางแผนซ้อนแผน แบบที่ใครหลายคนตามไม่ทัน เพื่อให้เห็นภาพว่าคนเสื้อแดงถูกดักทำร้ายหรือเจอกระทำก่อน จึงต้องตอบโต้ และใช้ความรุนแรงเพื่อป้องกันตัว ก็มีความเสี่ยงสูงที่สถานการณ์จะบานปลาย และเกิดความรุนแรงได้ จึงควรที่ทุกฝ่ายทั้งตำรวจ-ฝ่ายจังหวัดนครราชสีมา-กองทัพภาคที่ 2 จะต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกคนต้องการเห็น ก็คือ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความรู้สึกว่ากฏหมายและการเอาผิดเป็นเรื่องของการบังคับใช้กับบุคคลบางกลุ่ม

เรื่องนี้ถ้าจะให้ดี แม้จะเป็นสิ่งที่ พลเอกสุรยุทธ์ จะเคยกล่าวชี้แจงถึงเรื่องที่มาที่ไปของการครอบครองที่ดินดังกล่าวมาตั้งแต่มีปัญหาเกิดขึ้นแล้วว่า ได้ที่ดินมาโดยถูกต้อง แต่เพื่อให้สังคมได้รับรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด จะได้ไม่มีการนำไปพูดหรือปลุกระดมให้เกิดความเข้าใจผิด ก็ควรที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะที่เคยมีการตรวจสอบเรื่องนี้ หรืออาจจะเป็นตัวพลเอกสุรยุทธ์ เอง ควรต้องออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้สังคมหายข้อสงสัย ก็จะลดความเห็นแก่ตัวเพื่อแก้ไขปัญหาได้ไม่น้อย

เพราะขนาดแค่เรื่อง ข่าวการเป็น “ผู้เจรจาสมานฉันท์” ให้กับทักษิณ พลเอกสุรยุทธ์ยังร้อนใจถึงกับเปิดแถลงข่าว ว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน อันถือว่าเป็นเรื่องเล็กกว่าเรื่องเขายายเที่ยงมาก


สังคมจึงต้องการเห็น พลเอกสุรยุทธ์ จะทำให้เรื่องนี้กระจ่างกันไปเลยในทีเดียว ทั้งยังไม่สายเกินไปหากพลเอกสุรยุทธ์ จะเคลียร์เรื่องนี้หลัง 11 ม.ค.53 เพราะอย่างไร ตำนาน “สุรยุทธ์ ณ เขายายเที่ยง” ก็จะต้องถูกนำไปฉายซ้ำหลายต่อหลายครั้งบนเวที และโทรทัศน์เสื้อแดงอยู่แล้ว

หากพลเอกสุรยุทธ์เคลียร์ตัวเองได้สำเร็จ ก็จะทำให้ความมัวหมองในเรื่องนี้ของตัวเองหายไปด้วย ดีกว่าที่จะต้องถูกเรียกขานไปตลอดชีวิตว่า “สุรยุทธ์ ณ เขายายเที่ยง”

เป็นธงรบของคนเสื้อแดงในปี 2553 อย่างที่ นช.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่เสื้อแดงปลุกเร้ามาตลอดว่า สองมาตรฐาน เสื้อแดงทำอะไรก็ผิด แต่ฝ่ายตรงข้ามทำผิดก็บอกว่าถูก

เรื่องแบบนี้ ต้องบอกว่าสำหรับสังคมแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และสามารถปลุกเร้าให้คนเกิดความรู้สึกร่วม และเห็นดีเห็นงามไปกับทักษิณ-เสื้อแดง ได้ไม่ยาก เพียงแต่ยังคาดเดาได้ยากว่า แกนนำเสื้อแดง จะนำอารมณ์ของผู้ร่วมชุมนุมไปในทางไหน
จตุพร พรหมพันธุ์
กำลังโหลดความคิดเห็น