รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ไม่ประมาทเสื้อแดงปิดล้อม บก.ทบ.พรุ่งนี้ สั่งทหารตรึงกำลังรอรับมือ ชี้กำลังพลออกมาปกป้อง ผบ.ทบ.ถือเป็นการแสดงออกถึงความมีระเบียบวินัย เชื่อกองทัพไม่เอาด้วย “เสธ.แดง” ทำลายเกียรติภูมิ กร้าวแผนลอบสังหารท่านเปาคดียึดทรัพย์ “แม้ว” จะเกิดขึ้นไม่ได้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยบริเวณกองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มีกำหนดที่จะเดินทางไปชุมนุมในวันที่ 29 ม.ค.นี้ว่า ยังคงใช้มาตรการปกติธรรมดา ซึ่งหากผู้ชุมนุมทำกันโดยสงบไม่มีอาวุธก็สามารถชุมนุมได้ แต่หากมีการบุกรุกเข้าไปยังสถานที่ราชการ ทำลายทรัพย์สินราชการ หรือสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เบื้องต้นจะเลือกใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักหรือใช้เจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน รองนายกฯ กล่าวว่า จะดูตามสถานการณ์ หากเป็นสถานการณ์ปกติก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล แต่หากประเมินแล้วว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พอหรือไม่สามารถรับมือได้ ก็จะมีการขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารมาเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ทั้งนี้ ตัวเองได้ขอมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกลุ่มทหารพากันออกมาแสดงพลังเพื่อปกป้อง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และกองทัพบก ซึ่งอาจส่งผลให้ถูกนำไปขยายความต่อได้ นายสุเทพกล่าวว่า กรณีความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กับกองทัพนั้น พล.ต.ขัตติยะ ได้พูดทุกวัน และท่าทีที่ปรากฏต่อสาธารณชนทำให้เกิดการตั้งคำถามขึ้นได้ถึงเรื่องระเบียบวินัย ทำให้คนในกองทัพซึ่งอยู่เฉยๆ เงียบๆ เกิดความรู้สึกว่าสิ่งที่ พล.ต.ขัตติยะ กระทำจะส่งผลต่อชื่อเสียงของกองทัพ ทำให้เขาเหล่านั้นต้องออกมาแสดงให้ประชาชนมั่นใจว่ากองทัพยังเข้มข้นในเรื่องระเบียบวินัยและความสามัคคีในหมู่คณะอยู่
“เราก็เป็นคนนอกกองทัพ วิพากษ์วิจารณ์ไปตามพื้นภูมิความเชื่อ ความคิดของแต่ละคน แต่คนในกองทัพคงจะคิดไม่เหมือนกันหรอก” นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การที่กลุ่มทหารออกมาแสดงพลังถือเป็นจิตวิทยาเพื่อข่มขู่หรือกดดันมวลชนคนเสื้อแดงหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบเจตนารมณ์ที่แท้จริงว่าคนจะมองอย่างไร แต่ส่วนตัวมองว่ากลุ่มทหารที่ออกมาแสดงพลังทำอยู่ในกรอบกฎเกณฑ์กติกา ไม่ได้เป็นการไปข่มขู่ใคร ตนคลุกคลีกับผู้นำของกลุ่มทหารเหล่านี้ เคยทำงานร่วมกันจากกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาก่อเหตุในช่วงเมษายน 2551 ยืนยันได้ว่าท่านเป็นทหารอาชีพ เป็นคนจริงจัง และที่ทำคงไม่มีเจตนาข่มขู่ เพียงเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกที่มีอยู่จริงๆ
“ผมเชื่อมั่นในกองทัพในยุคนี้ว่าเขามีเอกภาพ บรรดาผู้นำเหล่าทัพทั้งหลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผมทำงานกับท่านเหล่านั้นมา ได้เห็นประสิทธิภาพ รวมทั้งผู้บังคับบัญชาระดับล่างก็มีเอกภาพที่ชัดเจน ยืนยันได้ว่าเป็นยุคเดียวสมัยเดียวที่การเมืองไม่เคยเข้าไปแทรกแซงกองทัพ” รองนายกฯ ตอบคำถามถึงสาเหตุของปัญหา ซึ่งมีการระบุว่าเกิดจากความขัดแย้งในกองทัพ และการเมืองที่เข้าไปแทรกแซง
เมื่อถามว่าเป็นห่วงมือที่ 3 ที่อาจจะเข้ามาสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดขึ้นที่กองบัญชาการทหารบกหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า “ไม่มีมือที่ 3 หรอกครับ เป็นมือที่เห็นๆ กันอยู่นี่แหละ ไม่มีมือที่ 3 ที่ไหนหรอก อย่าไปใส่ความมือที่ 3 เลยครับ เราก็ติดตามสถานการณ์ทุกวัน เชื่อว่าใครที่ทำจะหนีไม่พ้นกฎหมาย” รองนายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตี ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ เนื่องจากจะเดินทางไปยังประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในช่วงที่มีการชุมนุม นายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ทุกอย่างยังเป็นปกติอยู่ ยืนยันว่าบ้านเมืองยังเป็นปกติ สงบเรียบร้อย และรัฐบาลก็จะใช้กฎหมายในการดูแลการชุมนุม
นายสุเทพยังกล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวผู้ที่ก่อเหตุกรณีลอบยิง M-79 ไปยังกองบัญชาการกองทัพบก และกระทรวงกลาโหมว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้เงียบหายไป โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสืบสวนสอบสวนอยู่ และยืนยันว่ามีการยิงจริง เมื่อถามว่าหากยิงจริงแล้วเหตุใดจึงยังไม่มีหลักฐาน และประชาชนในพื้นที่ก็ระบุว่าไม่ได้ยินเสียง นายสุเทพ กล่าวว่า หลักฐานไม่ได้เป็นเฉพาะเสียง โดยเฉพาะหากยิงในช่วงเวลาตี 2-3 ชาวบ้านก็คงจะหลับหมดแล้ว นอกจากนี้บริเวณพื้นที่ดังกล่าวก็มักมีการชุดพลุบ่อยด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่นางเลิ้งระบุสาเหตุที่ปิดคดีสำนวนเร็วเนื่องจากกองทัพไม่อนุญาตให้เข้าไปสอบสวนและเก็บหลักฐาน นายสุเทพบอกว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่าสำนวนเป็นอย่างไร แต่เท่าที่ติดตามก็พบว่ามีร่องรอยของปืน M-79 จริง แต่ยังไม่ทราบว่ายิงเมื่อไร ที่ใด และเวลาใด มองว่าเป็นเรื่องยากในการสืบสวนสอบสวน
นายสุเทพยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ ระบุว่าคนใกล้ชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาทิ นายยงยุทธ ติยะไพรัช นายจักรภพ เพ็ญแข อาจจะมีแผนลอบสังหารคณะผู้พิพากษาเพื่อไม่ให้เกิดการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท นายสุเทพกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ผมยังไม่ได้รับรายงานข่าวเรื่องนี้ แต่เราคงไม่ยอมให้ใครคิดอ่านทำอย่างนั้นแน่นอน” นายสุเทพกล่าว