ส.ส.ปชป.ฉีกหน้า “รองฯ สุเทพ” ไม่เหลือชิ้นดี หลังลงมติไม่ร่วมสังฆกรรมแก้ รธน. “นายหัวชวน” ชี้หากสมยอมพรรคร่วม “เติ้ง-เนวิน” ได้ประโยชน์ กระทุ้งต่อมจิตสำนึกลูกพรรคร่วมหัวจมท้ายช่วยรัฐบาลแก้วิกฤตเรียกศรัทธา ปชช. “มาร์ค” ลั่นไม่ยอมเด็ดขาดให้พรรคร่วมขี่คอบริหารประเทศ
วันนี้ (26 ม.ค.) รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า สาเหตุที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคมีมติไม่ร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยโยนให้ที่ประชุม ส.ส.ตัดสิน เพราะนายสุเทพประเมินแล้วว่าเสียงในส่วนของตนอาจจะแพ้ได้ จึงคิดว่าจะสามารถโน้มน้าวให้ ส.ส.มีมติรับหลักการได้ เพราะมีการล๊อบบี้ตลอดคืนของวันที่25 ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากคณะกรรมการบริหารพรรคมีมติเสร็จสิ้นที่ประชุม ส.ส.พรรคเพิ่มขึ้นในเวลา 14.30 น. โดยรายงานข่าวแจ้งว่าระหว่างการประชุม นายสุเทพกล่าวว่า อยากให้ทุกคนได้คำนึงก่อนจะตัดสินใจว่าแก้หรือไม่แก้ และต้องเห็นใจตนด้วย เพราะในช่วงที่ไปเจรจากับพรรคร่วมไปในหน้าตาของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่มีใครคาดคิดว่านายสุเทพจะทำได้ จนสามารถดันนายอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกฯ เมื่อพรรคร่วมรัฐบาล มาทวงสัญญา ถ้าเราไม่ยอมเขาก็อาจจะตัดสินใจไปร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการหยิบยกเอารัฐธรรมนูญปี 40 รวมถึงไม่ยกมือโหวตในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนตัวก็หนักใจกับเรื่องนี้ แม้ว่าพรรคจะเคยประกาสจุดยืนก็ตาม แต่เมื่อเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเราก็พร้อมที่จะหาทางออกเพื่อสู้กับระบบทักษิณ
นายสุเทพกล่าวว่า ถ้าเราไม่แก้ตามที่พรรคร่วมเสนอมาเขาก็พร้อมจะไม่เอาเราเหมือนกัน การทำงานร่วมกันก็จะไม่ค่อยได้ผล จะมีการขัดแข้งขัดขา ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ขอให้ชิงยุบสภาไปก่อนจะดีเสียก่อน เพราะถ้าเกิดการอภิปรายฯ และเกิดพรรคร่วมไม่ยกมือให้แล้วถ้ามีการสวนมติไม่หนุนนายกฯตนก็ยอมรับไม่ได้ ไม่หนุนนายอภิสิทธิ์เราก็หน้าแตกกลางสภา ชิงยุบไปก่อนไม่ดีกว่าหรือ ถ้ามีการเสนอชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นนายกฯ ตนก็รับไม่ได้ แต่ถามว่าถ้ายุบสภาในเวลานี้พรรคไหนบ้างมีความพร้อม ก็ไม่พร้อมกันทุกพรรค ในเมื่อเราไม่ต้องการอย่างนั้นทำไมไม่ร่วมกันแก้รัฐธรรมนูญไปก่อน เพราะตนเชื่อมั่นว่าคะแนนนิยมของนายกฯและรัฐบาลจะดีวันดีคืน ดูจากผลโพลที่ออกมาก็เห็นแนวโน้มแล้ว ขอให้เราร่วมกันอยู่ต่ออีก2 ปีตามที่หลายฝ่ายคาดหวังไว้ แล้วค่อยไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในวันข้างหน้าร่วมกัน
นายสุเทพกล่าวว่า ในส่วนของทหาร กองทัพ และข้าราชการประจำ เขาก็ชื่นชมท่าทีของนายกฯ ว่าไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการใดๆ และผลงานจากโครงการของรัฐบาก็เริ่มออกมาชัดเจน ถ้าเรายิ่งอยู่นาน ฝ่ายค้านต่างหากต้องกลัวบารมีเรา ถ้าเป็นเช่นนั้นทักษิณก็จะกลับมายาก
“คนอย่างผมประเมินมิตรและศัตรูได้ถูก ถ้าเราไม่จับมือกับพรรคร่วมต่อไป หากทักษิณกลับมาประชาชนจะเดือดร้อน ประเทศชาติจะได้รับผลกระทบเพราะเขาเป็นคนที่ไม่สนใจวิธีที่จะใช้ในการจัดการประชาธิปไตยจะหายไป จึงขอให้เราร่วมมือกับพรรคร่วมในการแก้ไขปัญหานี้”
จากนั้น นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคได้เดินขึ้นไปพูดหน้าเวทีว่า ไม่ต้องห่วงว่าเราจะอยู่ยาวหรือสั้น ถ้ารัฐบาลอยู่รอดได้ แต่ประชาธิปัตย์เสียศักดิ์ศรี และเสียจุดยืนเราจะเป็นรัฐบาลไปทำไม ถือว่าไม่คุ้มค่า ถ้าเราไม่ได้เป็นรัฐบาลเราก็ไม่ตาย เราเคยเป็นพรรคฝ่ายค้านมาแล้วยาวนานไม่เห็นว่าจะมีใครตายเลย
นายชวนกล่าวว่า การแก้ไข 2 ประเด็น ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ แต่เป็นประโยชน์ของนักการเมืองล้วนๆ และหากไม่แก้ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย และหากเราจะแก้จะอธิบายต่อความรู้สึกของประชาชนอย่างไร เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาส่วนตัวของนายบรรหาร ศิลปอาชา และนายเนวิน ชิดชอบ เราจะเอาปัยหาที่เกิดขึ้นมาเป็นปัญหาภายในพรรคไม่ได้ หน้าที่ของ ส.ส.คือช่วยรัฐบาลให้แก้ไขวิกฤติ ไม่ใช่ไปซ้ำเติมวิกฤต ไม่ใช่ไปร่วมมือกับพรรคร่วมเพื่อแก้ปัญหาเรื่องเขตเดียวเบอร์ดียว นั่นไม่ใช่วิกฤตของชาติ และไม่สามารถทำให้พรรคประชาธิปัตย์อยู่รอดได้ เราต้องช่วยกันแก้ปัญหาวิดกฤต ด้วยการทำให้ส.ส. ปราศจากการทุจริตเลือกตั้งและเข้ามาโกงชาติบ้านเมือง
“ที่มีคนกล่าวว่า ปชป.เป็นพรรคคบยาก ก็อยากจะบอกว่า ถ้าขอคบเราแล้วมาทุจริต เราก็ไม่ควรคบกับเขา”
นอกจากนี้ นายชวนยังได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหานี้ด้วยการขอให้พรรคร่วมมาจับมือกับเราแทน แล้วเสนอมาว่าอยากแก้มาตราใดบ้าง แต่ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเปนหลัก เพื่อแก้ปัยหาธุรกิจการเมืองแบบโครตโกง โกงทั้งโครต ผลที่จะได้คือรัฐบาลได้ทำงานต่อ พรรคร่วมก็ได้ร่วมกับเรา โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง เพราะประชาชนคาดหวังให้เราเข้ามาทำงานบริหารประเทศ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อโกง ฉะนั้นความอยู่รอดของรัฐบาล และเกียรติของพรรคประชาธัตย์ต้องอยู่ร่วมกัน
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และหัวหน้าพรรคได้กล่าวว่า เรื่องเขตใหญ่เขตเล็กเราไม่ต้องพูดถึงกันแล้ว เพราะไม่ว่าจะใช้รูปแบบการเลือกตั้งอย่างไร เราก็พร้อมที่จะสู้ และการใช้เขตเลือกตั้งใหญ่ ตนเป็นคนเสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูยปี 50 ให้ใช้เอง เพราะคิดว่ายังมี ส.ส.ที่ดีกว่าไม่ดี ถ้าเราอยู่กับพรรคร่วมโดยยอมให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เราต้องมีคำตอบให้กับสังคม เพราะสังคมจะตีตราเราว่าประชาธิปัตย์แก้ไขเพราะอยากเป็นรัฐบาลต่อ การที่เราเข้ามาเป็นรัฐบาล1 ปีไม่ใช่มาเพื่อหาเงินเตรียมการเลือกตั้ง แต่เรามาเพื่อทำงาน มีคำกล่าวว่า ประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่คบยาก แต่เราก็ไม่เคยหักหลังใคร และส่วนตัวตนเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบมีความอดทน สัญญาอะไรกับใครไว้จำได้หมด
“ถ้าคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นสารพิษตกค้าง การจะถอนสารพิษได้มีทางเดียวคือ ต้องเรียกคืนศรัทธาจากปราชนให้ได้จากการเลือกตั้ง เราต้องไม่กลัวเรื่องยุบสภา เพราะไม่มีใครขู่ผมได้ ตราบใดที่ผมยังเป็นนายกฯ การเป้นรับบาลที่ดีเราต้องทำให้แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น ถ้าเราไม่แตกต่าง หรือเทียบเท่ากับทักษิณ เราก็แพ้ประชาชน เราไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้กลับมาเป็นรัฐบาล หรือกลัวการปฏิวัติ เราต้องเป็นหลักให้บ้านเมือง แม้ทุกคนจะลงมติให้เลือกเขตใหญ่แล้วให้ผมยุบสภา ผมก็ไม่รุ้จะเอาเหตุผลอะไรมาเพื่อยุบ หากแก้ไปแล้วก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าพรรคร่วมจะอยู่กับเราต่อไป แต่พรรคต้องรักษาจุดยืนและสุดท้ายตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน ถ้าการเลือกตั้งใหม่เราไม่ใช่ผู้ชนะก้อย่าได้หวังว่าใครจะมาร่วมรัฐบาลกับเรา”
“ผมยอมรับไม่ได้ที่จะเป็นรัฐบาลที่พรรคร่วมคอยกดดัน ข่มขู่ หากเขาขู่ได้ก็จะขู่เลื่อยไป หากเป็นรัฐบาลในสภาพการณ์เช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ขอให้สมาชิกพรรคตัดสินใจให้ดีอีกครั้งอย่าไปกลัว หรืออย่าไปสนแรงกดดันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขู่ยุบสภา หรือยกมือโหวตไม่ไว้วางใจ ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง เราต้องยึดมั่นในหลักการ ถ้าประชาธิปัตย์ไม่เป็นหลักให้บ้านเมืองประเทศชาติก็จะไม่เหลืออะไร ประชาธิปัตย์ก็ไม่อยู่รอด และทักษิณจะกลับมาในที่สุด”
จากนั้นนายสุเทพได้เสนอให้มีการลงมติโหวตแบบลับ เรียงตามอักษร โดยมีการขานชื่อแล้วให้สมาชิกแต่ละคนเขียนลงในกระดาษว่า “แก้” กับ “ไม่แก้” นำไปหย่อนลงในกล่อง ในระหว่างการซาวเสียงช่วงต้นมีการประเมินว่าเสียงสู่สีมาก จนต้องมีการวิ่งตามสมาชิกในสายของนายบัญญัติที่ไม่ได้ร่วมประชุมในช่วงแรก มาร่วมลงคะแนนด้วย โดยหลังจากลงคะแนนเสร็จแล้วนายอภิสิทธิ์ ได้เป็นผู้หยิบกระดาษมาอ่านและขานคะแนน ขณะที่นายสุเทพเป็นคนบันทึกผลการนับคะแนน ท่ามกลางการรอลุ้นผลการนับคะแนนของสมาชิกด้วยใจระทึก
ผลการนับคะแนน จากสมาชิกทั้งหมด 172 เสียงและเข้าร่วมประชุม 140 คน โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนที่จะมีมติ82 เสียง ต่อ 48 เสียง ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะที่งดออกเสียง 2 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทราบผลคะแนนที่ชัดเจน ส.ส.ที่สนับสนุนไม่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้ทยอยลงมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายที่สนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญต่างไปยืนสูบบุหรี่อย่างเคร่งเครียด