นายกฯ กร้าวท้าพรรคร่วมเปิดเทปย้อนคำพูด ไม่หวั่นพรรคร่วมขู่บิ๊กเซอร์ไพรส์ ลั่นไม่เคยรับปากจะร่วมแก้รัฐธรรมนูญ เชื่อเลือกตั้งระบบเขตใหญ่ ความแตกแยกน้อย หนักแน่นพร้อมรับผลที่จะตามมาหลัง มั่นใจลูกพรรคโหวตในสภาฯ ไม่แหกมติแน่นอน
วันนี้ (26 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงมติการประชุม ส.ส.พรรคว่า มติที่ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เสียงส่วนใหญ่ 82 ต่อ 48 เสียง เห็นควรไม่สนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในประเด็นเรื่องเขตเลือกตั้ง ซึ่งเป็นประเด็นที่ทางพรรคร่วมรัฐบาลเขาหารือมา ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรา 190 เอาอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เข้าใจว่าพรรคร่วมเสนอเป็นร่างเดียว ทั้งนี้เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วย ก็ต้องไม่เห็นด้วยทั้งร่าง
เมื่อถามว่า ตรงนี้จะสร้างปัญหากระทบกระเทือนความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลหรือเปล่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้ได้คุยกันแล้วว่าเป็นเรื่องของสภาและพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล เราเคารพความตั้งใจและสิทธิของพรรคการเมืองในการเสนอ ซึ่งแต่ละพรรคจุดยืนอาจไม่ตรงกันและมันไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะไม่นำไปสู่ความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาล นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คงไม่มีความขัดแย้งอะไร เพราะเดิมที เขาก็บอกแล้วว่าพรรคจะสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ พรรคร่วมรัฐบาลก็เดินหน้าต่อ แต่สิ่งเดียวที่ตนขอคือว่าอย่าไปแก้ประเด็นที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง และตนคิดว่า 2 ประเด็น มาตรา190และเขตเลือกตั้งนี้ ไม่นำไปสู่ความขัดแย้งอะไร ก็ให้เป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภาพิจารณาไป
เมื่อถามว่า นายกฯ จะต้องชี้แจงกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยตัวเองหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ายินดีนัดพบและแจ้งผลมติพรรค เมื่อถามว่าจะนัดพบกันเมื่อไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เดี๋ยวจะประสานไป เข้าใจว่าทางพรรคกิจสังคมจะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป
เมื่อถามว่ามั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่นำการอภิปรายไม่ไว้วางใจมากดดันเพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวกัน เพราะได้คุยกันแล้วว่าเรื่องของรัฐบาลก็เป็นส่วนของรัฐบาล เรื่องของสภาก็เป็นส่วนของสภา เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลขู่ว่าอาจมีบิ๊กเซอร์ไพรส์หรือการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นสิทธิของแต่ละพรรค เมื่อถามว่า คิดหรือไม่ว่าจุดนี้จะเป็นชนวนที่นำไปสู่การยุบสภาหรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คิดว่าแต่ละพรรคการเมืองจะตัดสินใจอะไรก็ต้องมีเหตุผลของตัวเองและมีหน้าที่อธิบายไป เมื่อถามว่า ต่อไปนี้คำสัญญาของพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องอื่นๆจะเป็นเช่นใด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็ไม่มีใครผิดสัญญา เมื่อถามว่า นายกฯเคยรับปากกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายอภิสิทธิ์กล่าวย้อนอย่างมีอารมณ์ว่า ไปเปิดเทปไหมละครับ
เมื่อถามว่า ทางพรรคร่วมรัฐบาลอ้างว่านายกฯเคยบอกว่าจะร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเรียนแล้วว่า วันที่มีการไปคุยกันเรื่องการตั้งรัฐบาล เขาถามเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนบอกไปว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากไม่แก้ไขเรื่องนิรโทษกรรมคงไม่เป็นปัญหา แต่จุดยืนของแต่ละพรรคไม่ตรงกัน ตนยังจำได้ว่าเขายกประเด็นเขตเลือกตั้งขึ้นมา ตนบอกไปว่า ประเด็นนี้ก็ลำบากหน่อย เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้เสนอตอนที่เขายกร่างรัฐธรรมนูญและขอความเห็นจากพรรคการเมือง พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้เสนอให้ยืนระบบเขตใหญ่ ส่วนประเด็นอื่นๆที่มีการหารือกันนั้นก็มีเยอะ เช่น วุฒิสภามาจากการเลือกตั้ง หรือประเด็นที่บอกว่าจะเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ตนบอกไปว่าประเด็นเหล่านั้นคงไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ประเด็นที่มาคุยในตอนนี้เป็นประเด็นเรื่องเขตเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องของระบบเลือกตั้ง และแต่พรรคการเมืองมีความเห็นแตกต่างกัน ก็เท่านั้นเองและเราก็รับมาพิจารณา และความจริงมีช่วงหนึ่งที่ตนบอกว่า ยินดี ถ้าเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขรัฐธรรมนูญในภาพรวมและนำไปสู่ความสมานฉันท์โดยมีกาประชาชนลงประชามติ ฉะนั้นไม่มีอะไรที่ผิดสัญญา
“ผมเป็นคนที่ถือเรื่องนี้ ถึงได้ระมัดระวังทุกครั้งเวลาที่จะพูดคุย ตกลงอะไรกับใครว่าเราต้องมีความเข้าใจที่ชัดเจน” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า การอยู่ร่วมกันในช่วงหลังจากนี้ไป ประเมินหรือไม่ว่าจะเป็นเช่นใด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงจะต้องพุดคุยและทำความเข้าใจกัน เพราะบางเรื่องก็มีความเห็นไม่ตรงกันแต่เรื่องที่เป็นเรื่องของรัฐบาลในการบริหารงานนั้น ต้องเดินไปด้วยกัน หากพรรคร่วมรัฐบาลจะตัดสินใจว่าไม่เดินไปด้วยกันก็เป็นสิทธิ อันนี้เป็นเรื่องที่เราไม่ได้ไปบังคับกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าสิ่งที่ตกลงกันมาบอกว่า อยากจะแก้ปัญหาต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ เรื่องอะไรก็มาทำงานร่วมกัน
เมื่อถามว่าที่ผ่านมานายกฯ บอกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะยึดประโยชน์ของประชาชน แสดงว่าที่พรรคร่วมเสนอมาไม่เข้าข่าย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็เป็นความเห็นที่แตกต่างกัน ตนบอกแล้วว่าเรื่องเขตใหญ่หรือเขตเล็ก ทางพรรคร่วมรัฐบาลเห็นว่าเขตเล็กประชาชนได้ประโยชน์จากการที่ ส.ส.ลงพื้นที่ทั่วถึงกว่าและเป็นระบบสากล แต่พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าประโยชน์ของประชาชนคือในระบบเขตใหญ่ ความแตกแยกน้อยกว่า และได้ ส.ส.เข้ามาทำงานระดับชาติมากขึ้นและเรามีความเชื่อว่าอาจจะสกัดระบบธุรกิจการเมืองได้ดีกว่า มันเป็นความเห็นที่แตกต่าง
เมื่อถามว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่กลัวการเป็นฝ่ายค้านตามที่พรรคร่วมรัฐบาลขู่มาใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าเขาขู่อะไร ก็เป็นการวิเคราะห์สถานการณ์กันไป ในพรรคก็วิเคราะห์กันว่า ถ้าเกิดพรรคร่วมเขาไม่พอใจอะไรต่างๆ เราก็ต้องรับการตัดสินใจของเรา เมื่อเราตัดสินใจแล้วก็ต้องรับผลที่ตามมา เมื่อถามว่า แสดงยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นตามมา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนมองว่าทุกอย่างถ้าเรายึดถือแนวที่ตกลงกันไว้ ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร มันก็ไม่ได้แปลว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน พรรคประชาธิปัตย์ก็มี ส.ส.170 กว่าเสียงเท่านั้นเอง เมื่อถามว่า ยืนยันว่าพรรคจะโหวตในสภาในทิศทางเดียวกันแน่นอน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ใช่ เพราะก่อนที่จะลงมติก็มีการตกลงกันว่าจะมีการเปิดโอกาสให้ฟรีโหวตหรือไม่ ก็เห็นตรงกันว่าไม่ควรจะมีการฟรีโหวต เมื่อถามว่า ปฎิกริยาของพรรคร่วมรัฐบาลจากนี้ไปนั้น พรรคประชาธิปัตย์รับได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า รับได้อยู่แล้ว