xs
xsm
sm
md
lg

อภิสิทธิ์เผยทางแก้วิกฤตชาติปฏิรูปพฤติกรรมนักการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปรฐกถาเรื่อง แนวทางการปฏิรูป ประเทศไทย ที่จัดโดยมหาวิทยาลัยรังสิตตอนหนึ่งว่าปัญหาการเมืองและความแตกแยกในสังคม ขอเรียนว่า การปฏิรูปด้านนี้สำคัญมาก ใช้คำว่า การเมืองล้มเหลวเป็นต้นสาเหตุสำคัญของหลายวิกฤตที่ต้องผลักดันการปฏิรูป ขอเน้นเรื่องการเมืองดังนี้ ประเทศไทยมีประสบการณ์และบทเรียนหลายครั้งว่า การปฏิรูปมีความหมายกว้างและยิ่งใหญ่กว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ประเทศไทยลองมาหมดแล้วในเรื่องระบบเลือกตั้งของ ส.ส.และส.ว. รวมทั้งองค์กรอิสระที่มีอำนาจมาก เเละไม่มีอำนาจก็ลองมาเเล้ว แต่สิ่งที่พบซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือคนไม่ดี สามารถหาช่องโหว่ได้ตลอดไม่ว่าในระบบใด สิ่งที่ไม่สำเร็จคือปฏิรูปพฤติกรรมนักการเมือง
มันคือเหตุผลที่ได้ปรารภกับครม.ครั้งแรกคือกฎเหล็ก 9ข้อ มันคือสิ่งที่จะผลักดันให้เป็นบรรทัดฐานคือ ส่วนแรกของกฎเหล็ก 9 ข้อคือ การเมืองที่เป็นวิถีประชาธิปไตย และมีวิญญาณประชาธิปไตย เรามีการเมืองระบบรัฐสภาแห่งเดียวในโลก ที่อดีตนั้นหัวหน้ารัฐบาลแทบไม่เคยคิดไปตอบกระทู้ในรัฐสภา จึงบอกว่าครม. ต้องให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบในสภา สัปดาห์ละหนึ่งชั่วโมงนั้นมันต้องบริหารจัดการได้ และต้องไม่มีข้ออ้างว่าครม.ติดภารกิจ รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลชุดแรกที่ถ่ายทอดสดในช่วงการตั้งกระทู้ถามสด เพื่อให้ระบบรัฐสสภา มีความหมายและทำงานได้จริง และยังเน้นน้ำหนักในเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในการทำงานและยอมรับการตรวจสอบขององค์กรอิสระ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนที่สองของกฎเหล็ก 9ข้อคือ การปฏิบัติของครม. ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว สิ่งสำคัญคือ รัฐบาลจะสร้างศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย และการเมืองการปกครองได้ คือต้องคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนและเข้าใจว่าความรับผิดชอบทางการเมืองสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย เวลาที่มีปัญหาเกิดขึ้น แม้บ้างครั้งรัฐมนตรีอาจมั่นใจเต็มร้อยว่าไม่ได้ทำผิด แต่ผลกระทบจากโครงการนั้นๆ รวมทั้งความเห็นด้วย กรณีนายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรมว.สาธารณสุขนั้นเป็นตัวอย่างหนึ่ง เพราะผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนโครงการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า นายวิทยา ไม่ผิดตามทางกฎหมาย แต่นายวิทยาบอกว่าขอแสดงควรรับผิดชอบ ต่อความรู้สึกของประชาชนและเคารพต่อคณะกรรมการสอบสวนฯที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนที่สามของกฎเหล็ก 9 ข้อคือ ประสิทธิภาพในการ บริหารจัดการที่เน้นความเร็ว เอกภาพ และมองเป้าหมายในภาพรวมก่อนเป้าหมาย ของแต่ละหน่วยงาน ทราบดีเพราะนักการเมืองคนหนึ่งบอกว่ากฎเหล็กไม่ใช่กฎหมาย แต่บอกกับสังคมว่าสังคมไทยต้องมีกฎที่ไม่ใช่กฎหมายมาใช้ได้ การเมืองจึงจะปฏิรูปได้อย่างแท้จริง
หลายประเทศที่ประชาธิปไตยพัฒนานั้น กฎหมายที่บังคับใช้กับนักการเมืองนั้นหย่อนกว่าประเทศไทยมาก เช่นกฎหมายป.ป.ช.ที่ระบุว่าห้ามนักการเมืองรับของขวัญที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท แต่ด้วยการแสดงความรับผิดชอบที่สูงกว่า ปรากฏไว้ในกฎหมาย คือสิ่งที่ทำให้การเมืองของหลายประเทศพัฒนาและได้รับการยอมรับ รวมทั้งสร้างศรัทธาของประชาชนที่มีต่อนักการเมืองได้ ตรงนี้คือ ความมุ่งมั่นที่ต้องเปลี่ยนแปลงโดยที่ไม่ใช่เพียงกฎระเบียบที่เป็นตัวหนังสือและต้องบังคับใช้กับพฤติกรรมของผู้ที่เกี่ยวข้องได้ หวังจะเห็นสื่อมวลชน นักวิชาการและประชาชนตั้งกฎเหล็กสำหรับตัวเองบ้า ง เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ประเทศและการเมืองเดินหน้าและปฏิรูป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าสุดท้ายนี้คิดว่าหลายคนคิดถึงปัญหาการเมืองเเละสังคมคือความไม่สมานฉันท์ปรองดอง ขอเรียนว่ามุมมอง และจุดยืนของตนและรัฐบาลชัดเจน คือ ไม่มีใครชอบความแตกแยก อยู่กับความเป็นจริงว่า ความคิด ทางการเมิองมันยากที่จะให้ทุกคนคิดเห็นตรงกัน และต้องเคารพความเห็นที่แตกต่าง ที่ต้องแสดงออกภายใต้ขอบเขตกฎหมายและไม่นำไปสู่ความรุนแรง หลายคนไม่พอใจ และบอกว่ารัฐบาลอ่อนไปที่ไม่จัดการกับฝ่ายที่เห็นว่าเป็นการทำลายชาติ ขอเรียนว่ารัฐบาลจะใช้อำนาจเท่าที่กฎหมายมอบให้ โดยไม่คิดที่จะใช้วิธีนอกเหนือกฎหมาย หรือใช้อำนาจนอกเหนือกฎหมายไปจัดการกับฝ่ายนั้น และรัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ลุแก่อำนาจในการผลักดันสิ่งที่ตัวเองต้องการอย่างไม่มีขอบเขต
ฉะนั้นความคิดเห็นที่แตกต่างทางความคิดมันยังคงมีอยู่ ตนไม่ได้หวังว่าสังคมต้องมีความเห็นตรงกัน หากสังคมมีความเห็นตรงกันนั้นไม่ต้องมีระบอบประชาธิปไตยก็ได้ แต่ความจำเป็นที่ต้องมีระบอบประชาธิปไตยนั้น เพราะสังคมมีความเห็นที่แตกต่างกัน และต้องมีกติกาว่าความเห็นที่ไม่เหมือนกันนั้นต้องมีข้อยุติและต้องมีระบบวางไว้ ส่วนความเห็นที่แตกต่างในเรื่องการบริหารประเทศนั้น ต้องแก้ในการเลือกตั้งและเสียงข้างมากในสภา ส่วนความขัดแย้งที่นำไปสู่ความถูกผิดต้องแก้โดยกระบวนการยุติธรรม
หากไม่นำสองเรื่องมาปะปนกัน เราจะผ่านวิกฤตไปได้ แต่หากจะหวังนำการ ประหัตประหารและผิดกฎหมายมาแก้ปัญหาการเมือง และนำเสียงข้างมาก ทางการเมืองอยู่เหนือกฎหมาย วิกฤตไม่มีทางจบสิ้น ดังนั้นความชัดเจนคือรัฐบาลต้องการเห็นความสมานฉันท์ แต่รัฐบาลจะไม่ทำอะไรเพียงเพื่อทำให้ความขัดแย้งยุติโดยทำลายระบบและความถูกต้องรวมทั้งอนาคตของประเทศ มันเป็นเรื่องง่ายหากรัฐบาลจะยินยอมทำตามข้อเรียกร้องแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่รัฐบาล เชื่อว่าทำแบบนั้นจะเชื้อเชิญความมาสงบและรุนแรงกว่านี้เข้ามา โดยสังคมปราศจากหลักการที่จะอยู่และธำรงไว้ของสถาบันหลักของชาติและระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง และตนยืนยันว่ารัฐบาลตั้งใจปฏิรูปทุกด้านเละขอความร่วมมือ จากทุกภาคส่วนร่วม หากกระทำโดยลำพังคงไม่สำเร็จแต่ต้องอาศัยความร่วมมือและเสียงสะท้อนในการปรับปรุงต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น