“โฆษกมาร์ค” โต้ข่าว กก.บห.ปชป.แบ่งก๊กถ่วงดุลแก้ รธน.

“โฆษกมาร์ค” ศอกกลับเพื่อแม้วกล่าวหา ปชป.ตีสองหน้าตบตาพรรคร่วมแก้ รธน. หวังเสี้ยมเขาให้แตกคอกัน ยันไม่ใช่โรงลิเกเหมือนนักแสดงละครจักรๆ วงศ์ๆ ปัดข่าว กก.บห.ปชป.แบ่งก๊กถ่วงดุลแก้ รธน. มั่นใจ 26 ม.ค.นี้ได้ข้อสรุปเพราะเป็นสถาบันการเมือง

วันนี้ (25 ม.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทยออกมากล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์ เล่นบทตีสองหน้าแสดงละครตบตาพรรคร่วมรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการกำหนดเขตเลือกตั้งว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่จำเป็นต้องตีสองหน้า และที่กล่าวหาก็ไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยพยายามใส่ร้าย ดิสเครดิต สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในรัฐบาลมาตลอดเวลา เพียงเพื่อหวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แม้จะรู้ว่าเป็นการหวังแบบล้มๆ แล้งๆ ของลิ่วล้อแซ่เสี้ยม เพราะท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีจุดยืนที่ชัดเจนแล้วว่าให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารพรรค พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเป็นขั้นตอน มีคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้ตัดสินใจสูงสุด ไม่เหมือนพรรคเพื่อไทยที่ต่างคนต่างแย่งกันพูด หาความเป็นเอกภาพ หรือหาข้อยุติและจุดยืนของพรรคไม่ได้ จึงต้องรอให้นายใหญ่มาสั่งการ ชี้นิ้วสั่งข้อสรุป ในฐานะเจ้าของพรรคตัวจริง เรื่องตีสองหน้าเราไม่เคยทำ พรรคเพื่อไทยต่างหากที่ยังมีหน้า มาเสนอความเห็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก ทั้งที่มติของคณะกรรมาการสมานฉันท์ ที่ตัวเองก็มีส่วนร่วมเป็นกรรมการด้วย

นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนการระบุพาดพิงว่าพรรคประชาธิปัตย์ เล่นละครตบตาพรรคร่วมรัฐบาล ตนอยากชี้แจงว่า พรรคไม่ใช่โรงลิเก หรือเป็นนักแสดง เหมือนโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่มาจากนักแสดงรับบทเล่นไม่เลือก ตั้งแต่ละครจักรๆ วงศ์ๆ ไปจนถึงหนังโป๊ และยังมีหน้ากล้าเข้ามาอยู่ในแวดวงการเมือง ก็ยังไม่ทิ้งพฤติกรรมเดิมๆ ที่ชอบเล่นตามบทที่ผู้กำกับเขียนไว้แล้ว ทำหน้าที่โฆษกก็สักแต่พูดโดยไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริง แม้พูดตามบทที่มีคนเขียนให้พูดก็ยังไม่เนียน พูดตะกุกตะกัก การจะทำหน้าที่โฆษกพรรค และออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องใดเรื่องหนึ่งต้องทำการบ้านหาข้อมูล วิเคาระห์ไตร่ตรอง ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย ช่วยพิจารณาปรับปรุงทีมงานโฆษกพรรคว่าควรจะให้ ส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนที่แท้จริง และที่สำคัญ ส.ส.จะมีความรับผิดชอบทางการเมืองและสังคมมากกว่าคนเหล่านี้ ให้มาทำหน้าที่แทนโฆษกชุดนี้จะดีกว่า

นายเทพไทกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะชี้ขาดในการประชุมในวันที่ 26 ม.ค. กรณีที่จะแก้ไขเขตเลือกตั้ง จากเขตใหญ่เรียงเบอร์เป็นเขตเดียวเบอร์เดียวหรือไม่ ซึ่งมีการแตกออกเป็น 3 กลุ่ม คือสายของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ 6 คน นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ 5 คน และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ 8 คน โดย กก.บห.สายนายชวนและนายบัญญัติจะจับมือกัน เพื่อให้ใช้เขตใหญ่เรียงเบอร์ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะยังไม่มีการประชุมกก.บห. จึงเป็นเพียงการวิเคราะห์ข่าวในมุมมองของสื่อ ซึ่งต่างก็มีความเห็นแตกต่างกัน ทั้งหมดจึงต้องรอให้มีการนัดหมาย กก.บห.เพื่อการประชุมทั้งคณะ เพราะประเพณีปฏิบัติของพรรคประชาธิปัตย์ หากเป็นเรื่องใหญ่ที่มีความสำคัญ ก็จะให้ ส.ส.พรรคทุกคน ซึ่งรับฟังเสียงสะท้อนประชาชนในพื้นที่มาแล้ว ให้ร่วมแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมถึงข้อดีข้อเสีย อย่างเปิดกว้างและเสรีโดยไม่มีใครชี้นำ และในที่ประชุม ส.ส.พรรค คณะกรรมการบริหารพรรค ก็ได้รับฟังเหตุและผลหมดแล้ว ดังนั้น จึงต้องรอให้มีการประชุมเพื่อสรุปผลออกมาอย่างเป็นทางการ และยืนยันว่า กก.บห.พรรคประชาธิปัตย์ มีวิจารณญาณเพียงพอที่จะพิจารณาข้อมูลได้อย่างรอบคอบ ในการตัดสินใจในกรณีนี้ โดยไม่ถูกแทรกแซงจากใครทั้งสิ้น และขอให้พรรคร่วมอดใจรอ และเข้าใจในวิธีปฏิบัติตามขั้นตอนของพรรค เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง จึงไม่เหมือนกับพรรคการเมืองอื่น

ผู้สื่อข่าวถามว่าในกรณีที่นัดประชุม กก.บห.เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันที่ 26 ม.ค.เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจำเป็นจะต้องนำเรื่องเข้าแจ้งต่อที่ประชุม ส.ส.ของพรรคหรือไม่ เพื่อรับทราบอีกหรือไม่ นายเทพไทกล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะเรื่องนี้ได้มีการเปิดดอกาสให้ ส.ส.ของพรรคหารืออย่างกว้างขวางทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว จึงรอเพียง กก.บห.ของพรรคจะเป็นผู้ชี้ขาด เพราะมีการพูดคุยกันแล้วว่าผลออกมาอย่างไรให้ถือเป็นข้อยุติ และไม่น่าจะมีปัญหาอะไร