xs
xsm
sm
md
lg

ถึงเวลาได้ผบ.ตร.ตัวจริง “อำนาจใหม่”ใกล้กาลวิบัติ “อภิสิทธิ์”เคาะ “ปทีป”ชัวร์

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด

“เสธ.แดง” พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล
เมื่อมีสัญญาณบวก มาตั้งแต่ช่วงการปรับครม. ในกระบวนการสำคัญก่อนเข้าเริ่มงานของรัฐมนตรี ครม.มาร์ค4 “อภิสิทธิ์”ได้รับโอกาสสำคัญในชีวิตอีกครั้ง ภายหลังเสร็จภารกิจกระบวนการสำคัญครั้งนั้น เข้าถึงสัญญาณบวก สัญญาณในทางที่ดี ฉะนั้น ถึงตรงนี้ถ้าไม่มีอะไรพลิกโผหงายคว่ำกันขึ้นมาอีก พล.ต.อ.ปทีป ก็น่าจะขึ้นสู่ตำแหน่งเบอร์1ยุทธจักรปทุมวัน

ปฏิบัติการดับความบ้าระห่ำของ “เสธ.แดง” พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก การค้นบ้านพักในค่ายทหาร ม.พัน4 รอ. และแฟลตทหารรังของลูกน้องคนสนิทที่เคยรับใช้ในม.พัน3รอ.

รวมทั้งเข้าตรวจค้นจับกุมสมุนแบบยกแก๊ง พบอาวุธสงครามร้ายแรงจำนวนมาก เสมือนคลังแสงย่อยนอกกองทัพ! จนได้หลักฐานแจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง

ไม่แน่ใจว่า จะหยุดความห้าวระห่ำ และความเพี้ยน ของ “เสธ.แดง”ได้หรือไม่?

คนอย่าง “เสธ.แดง”คงไม่ยอมจนมุมง่ายๆ ในสถานการณ์คับขันตกเป็นฝ่ายตั้งรับก็ยังมีพิษ เผ่นหนีหมายเรียกของตำรวจกองปราบปราม ที่ตัวเขาเรียกการเผ่นหนีครั้งนี้ ตามศัพท์ทางทหารว่า “ถอยร่น” ไปตั้งหลัก

แม้วันนี้กลับมาเผชิญความจริง พิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่มากับข้อต่อสู้ที่แก้เกมได้น่าคิด เช่นในประเด็นรถยนต์ที่พบของกลาง เสธ.แดงก็ปฏิเสธว่าเป็นของลูกสาว แถมบอกด้วยว่า ไม่เคยคิดที่จะเอาระเบิดไปซุกไว้ในรถยนต์ของลูก วิญญูชนรับได้ไม่มีพ่อคนไหนที่ทำทะลึ่งแบบนั้น

ทั้งที่รถยนต์คันดังกล่าว ชื่อทะเบียนอาจจะเป็นชื่อลูกสาวจริง แต่คนใช้คื “เสธ.แดง” นี่ก็แสดงให้เห็นว่า คนๆนี้ไม่ได้บ้าขาดสติ

ถ้าผู้นำกองทัพที่ขาดความกล้า แต่ใช้อำนาจกับอารมณ์มาเป็นเครื่องชี้นำปราบ “เสธ.แดง” บอกได้เลยว่ากิน “เสธ.แดง”ยาก

กลับมาที่หลังได้ข่าวถูกบุกค้นรัง, “เสธ.แดง” เลือกที่จะซุ่มซ่อนตัวอยู่ที่หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยผู้ที่ให้ความคุ้มครองดูแล ให้ที่พักหลบซ่อนตัววางแผนสู้ คาดกันว่าน่าจะเป็น ชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา เครือข่ายของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ที่เคยร่วมงานกับเสธ.ห้าวเป้งรายนี้

ทั้งคู่ “เสธ.แดง-ชาลี”เคยร่วมกันก่อวีรเวรวีรกรรม เมื่อเกือบ10ปีก่อน ในการบุกเข้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ แสดงพฤติกรรมดิบเถื่อนข่มขู่คุมคามการทำหน้าที่สื่อด้วยกันมา

ก่อนที่ “เสธ.แดง”จะตัดสินใจเดินทางกลับเข้ากรุงเทพ ข่าวว่ามีแผนที่จะเผ่นหนีออกนอกประเทศ แต่ก็ล้มเลิกแผนนั้น เป็นไปได้ว่า เมื่อคิดสะระตะแล้ว หนีไป “นายใหญ่” นักโทษหนีคดีคงไม่คุ้มกะลาหัว เมื่อกลายเป็นบุคคลไร้ค่า ไร้เครื่องแบบ ไร้กำลัง ประกอบกับข้อกฎหมายก็ยังมีหนทางสู้ ถูไถแก้ต่างกันต่อไปได้

“เสธ.แดง” ถึงได้บินกลับมาเมืองกรุง แสดงอาการปากกล้าขาสั่นกันอีกครั้ง

คดียังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า หลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นรัง “เสธ.แดง” และจับกุมสมุนที่เฝ้าบ้าน ทั้งในและนอกค่ายทหารจองเครือข่าย จะเชื่อมโยงไปถึงเสธ.คนดังหรือไม่? หรือจะเกี่ยวข้องหรือไม่กับเหตุการณ์การลอบยิงระเบิดเอ็ม79 ที่เข้าไปยังตึกกองบัญชาการกองทัพบก เมื่อคืนวันที่14ม.ค.ที่ผ่านมา

มีแต่เชื่อกันว่า “เสธ.แดง”อาจจะตายเพราะปาก เนื่องจากหลังจากถูกสั่งให้พักราชการ และอยู่ระหว่างการถูกตั้งกรรมการสอบในเรื่องวินัยทางทหาร “เสธ.แดง”ให้สัมภาษณ์อย่างดุเดือด กระทบกระแทกไปยังพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะผู้บังคับบัญชา

ทั้งขึ้นมึงขั้นกู ข่มขู่ และถึงกับใช้คำว่า “กระทืบ”


จึงแค่มีแนวโน้มว่า “เสธ.แดง”จะมีส่วนกับเหตุลอบยิงห้องทำงานผบ.ทบ. ที่เปรียบเหมือนเอาอวัยวะเบื้องล่างเหยียบย่ำ และ“หยามน้ำหน้า”ผบ.ทบ. เต็มๆ

อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องนี้ทางด้านพล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ.คงหนีความรับผิดชอบไม่ได้ จากผลการตรวจค้นที่พบอาวุธสงครามจำนวนมาก ชนิดที่คนทั่วไปต้องตกตะลึง ทั้งระเบิดขว้างเอ็ม 26 ปืนพกสั้น .38 ลูกกระสุนเอ็ม 79 กระสุนปืนอาก้า ระเบิดทีเอ็นที เคโม กระสุนปืนใหญ่ปตอ. ระเบิดควัน 2 ลูก ปืนยาว กระสุนเอ็ม 65 ระเบิดสังหารแบบเหยียบ

จึงถูกตั้งข้อสงสัยจากฝ่ายสาวกเสธ.คนดังรายนี้ ออกมาโยนประเด็นกลับพล.อ.อนุพงษ์ “แล้วผบ.ทบ. ไม่ต้องรับผิดชอบหรือ ที่ปล่อยให้มีอาวุธสงครามขนาดนี้ในบ้านทหารทบ.”

โดยเฉพาะระเบิดM79 ที่ถูกยิงไปที่กองบัญชาการกองทัพบก!!

เป็น M79ที่ใช้ยิงทำลายชีวิต ทำร้ายผู้คนบริสุทธิ์ สถานที่ราชการ มาแล้วหลายต่อหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งการยิงใส่กลุ่มม็อบพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบฯ ทั้งที่สนามบินดอนเมือง สนามหลวง ไปจนกระทั่งยิงระเบิดข่มขู่ สถานที่ตั้งองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ และป.ป.ช.

แต่หลังเกิดเหตุร้ายแรงใช้ระเบิดสังหารจากเดนนรกหลายต่อหลายครั้งที่ผ่านมา ทั้งหมด “พล.อ.อนุพงษ์” ไม่เคยแสดงออกถึงเป็นห่วงเป็นใยในสถานการณ์ และไม่เคยคิดแยแสต่อผลเสียหายทั้งปวง ทั้งๆที่อยู่ในฐานะผู้มีอำนาจหน้าที่ในหน่วยงานด้านความมั่นคง รักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง อันมีอำนาจที่จะเข้ามาจัดการได้แต่กลับเฉยสนิท ทำเหมือนนอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็น

จนกระทั่งต้องมา “โดน”เข้ากับตัวเอง ถึงได้เต้นเป็นเจ้าเข้า หรือออกอาการ “แต๋วแตก”อย่างที่ “เสธ.แดง”ประณาม

M79 อาวุธ ที่ใช้เข่นฆ่าผู้คน ทำลายสถานที่ราชการ ทำร้ายประเทศชาติบ้านเมือง ก่อเหตุการณ์ความไม่สงบ สร้างความหวาดผวาให้สังคมมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง และต่อเนื่องมานานหลายปี

ฉะนั้น หากคิดจะจัดการแก้ปัญหา โดยเฉพาะเรื่องการใช้อาวุธสงคราม ไม่ว่าชนิดไหน พล.อ.อนุพงษ์ ควรให้ความร่วมมือ ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันจัดระเบียบ ตรวจสอบ ควบคุมดูแล ไม่ให้ออกมาเกลื่อนเมืองเช่นที่ผ่านมา

โดยเฉพาะในฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่รับผิดชอบสืบสวนสอบสวนการบุกทลายคลังแสงย่อยนอกกองทัพครั้งนี้ กับกรณี ระเบิดสังหาร M79 ที่เคยก่อเหตุสะเทือนขวัญใจกลางพระนครมาหลายครั้ง

ขอให้พุ่งเป้าสาวไปจากคดีสำคัญ การลอบยิงที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อปี2552

ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด ก็อยู่ในมือของฝ่ายตำรวจ และสำนวนการสืบสวนสอบสวนก็พร้อมอยู่แล้ว ภาพของผู้ก่อเหตุในครั้งนั้น ใช้รถยนต์3คัน ปฏิบัติการสะท้านเมือง โดยคนบนรถคันที่สอง เป็นคันที่ลอบยิงเอ็ม79 ขณะที่รถยนต์อีกสองคัน คันหนึ่งชี้เป้า และอีกคันวิ่งประกบปิดท้าย

โดยมีข่าวเชิงลึกว่า ผู้ที่นำทีมยิงระเบิดM79 ทุกครั้ง นอกจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ ยังมีการยิงใส่กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบฯ และสนามบินดอนเมืองหลายครั้ง รวมทั้งที่สำนักงานป.ป.ช.คือมือยมทูตที่มีฉายาว่า “เคทอง”หรือ “หมวกขาว” ที่เชื่อมโยงถึงเสธ.คนดัง

ถึงตอนนี้แล้วก็ต้องวัดใจ และวัดฝีมือ ผบ.ทบ. รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ หรือจะปล่อยให้ปัญหาการลักลอบใช้อาวุธสงครามมาก่อกรรมทำเข็ญบ้านเมือง ยังอยู่คู่กับประเทศไทยต่อไป ในยุคที่ผบ.ทบ.ชื่อ “อนุพงษ์ เผ่าจินดา”

พูดถึงตำรวจแล้ว ก็มีข่าวล่ามาเร็วให้ติดตาม สัปดาห์นี้ เป็นสัปดาห์ส่งท้ายเดือนพอดิบพอดี กับดีเดย์ กำหนดเวลาที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ประกาศไว้ ปัญหาเรื่องการแต่งตั้งผบ.ตร.ที่ยืดเยื้อ ยื้อกันมานาน จะได้บทสรุป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้“หัว” ตัวจริงเสียที หลังจากมีแค่ “ผบ.ตร.แสตนด์บาย”กันมานานครึ่งค่อนปี

โดยเต็งจ๋า ยังอยู่ที่ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผบ.ตร. ที่นายกฯอภิสิทธิ์ พยายามผลักดันสนับสนุน โดยเจอแรงต้านจากอีกฝ่าย ขุมอำนาจใหม่ สีน้ำเงิน-สีเขียว ที่สนับสนุนพล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผบ.ตร.

โดยขั้วอำนาจที่ขวางทางอำนาจผู้นำประเทศ แอบอ้าง “สัญญาณพิเศษ” เพื่อใช้มาเล่นเกมชักเย่อ จน “อภิสิทธิ์”ต้องใช้กำลังภายใน เชื่อมต่อสัญญาณ ที่มีเครือข่ายและผู้สนับสนุนเหมือนกัน ยันสู้

และประลองกำลังกันอย่างยืดเยื้อยาวนาน จนร่ำๆว่า อภิสิทธิ์ ถอดใจ เปลี่ยนใจจากการเสนอพล.ต.อ.ปทีป มาเป็น “คนกลาง”อย่าง พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รองผบ.ตร. ที่แม้อาวุโสยังน้อยกว่านายตำรวจระดับสูงระนาบเดียวกัน

เป็นตำรวจที่ อภิสิทธิ์ ได้สัมผัสแล้ว พบว่ามีจริตตรงกัน คือ เป็นคนที่มีหลักการ ใช้ตรรกกะความจริงในการทำงาน ที่สำคัญ ถามไป ตอบมา ได้ทุกเรื่อง

แต่ความตั้งใจที่จะใช้ “คนกลาง” ผ่าทางตันในปัญหานี้ ถูกทักท้วงจากบรรดาโคนล้อมขุนว่า ไม่มีความเหมาะสม เพราะอาวุโสน้อยในการครองยศและตำแหน่ง อายุก็น้อย เป็นนรต.รุ่น29 รวมทั้งมีข่าวว่าเครือข่ายบิ๊กสีน้ำเงิน ก็เล็งผลักดันอยู่เหมือนกัน

และเมื่อมีสัญญาณบวก มาตั้งแต่ช่วงการปรับครม. ในกระบวนการสำคัญก่อนเข้าเริ่มงานของรัฐมนตรี ครม.มาร์ค4 “อภิสิทธิ์”ได้รับโอกาสสำคัญในชีวิตอีกครั้ง ภายหลังเสร็จภารกิจกระบวนการสำคัญครั้งนั้น

เข้าถึงสัญญาณบวก สัญญาณในทางที่ดี

ฉะนั้น ถึงตรงนี้ถ้าไม่มีอะไรพลิกโผหงายคว่ำกันขึ้นมาอีก พล.ต.อ.ปทีป ก็น่าจะขึ้นสู่ตำแหน่งเบอร์1ยุทธจักรปทุมวัน นั่งเก้าอี้ผบ.ตร.อย่างเป็นทางการ เป็นนายตัวจริงของตำรวจทั่วประเทศ เสียที


ขณะที่บิ๊กนักการเมืองเหนือพรรคสีน้ำเงินนำเนวิน ชิดชอบ-อนุทิน ชาญวีรกูล และคนกันเองในพรรคประชาธิปัตย์ อย่างสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ที่เหมือนรู้เห็นเป็นใจ เล่นเกม เพาเวอร์เพลย์กับผู้นำประเทศ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาหลายกรณี

รวมทั้งล่าสุด ที่ร่วมกันอุ้ม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และตำรวจระดับสูงที่ก่อกรรมทำเข็ญ กระทำความผิดในการปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามผู้ชุมนุมจนบาดเจ็บล้มตาย ใช้มติกตร. ดื้อแพ่งต่อคำวินิจฉัยชี้ขาดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)

เครือข่ายขั้วอำนาจใหม่ ที่รวมตัวระหว่างพรรคสีน้ำเงิน บิ๊กสีเขียว และอดีตบิ๊กสีกากี คิดการใหญ่ และมักใหญ่ใฝ่สูง โดยการรู้เห็นเป็นใจของคนประชาธิปัตย์เอง ร่วมกันท้าทายอำนาจนำของอภิสิทธิ์

เจอเกมตอบโต้แบบนี้ ก็คือสัญญาณบ่งชี้ว่า “อำนาจใหม่”ใกล้ถึงกาลวิบัติแล้ว!
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ
กำลังโหลดความคิดเห็น