xs
xsm
sm
md
lg

นครหลวงฯ ลุ้นเอยูเอ็ม 4.6 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.นครหลวงไทยคาด เอยูเอ็มปีนี้ยืนอยู่ที่ 4.5 – 4.6 หมื่นล้านบาท ชี้ปีหน้าขายกองทุนยาก เหตุผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้กลับมาใกล้เคียงพันธบัตรรัฐบาลไทย คาดหุ้นไทยมีสิทธิ์ขยับขึ้นอีก 10 – 20% เตรียมนำกองทุนพ่วงประกันสุขภาพ เจาะลูกค้าวัยก่อนเกษียณอายุไตรมาสแรกปีหน้า

นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท (เอยูเอ็ม) สิ้นปี 2552 น่าจะยืนอยู่ที่ 4.5 – 4.6 หมื่นล้านบาท จากเดิมปีก่อนที่มีอยู่ประมาณ 3.7 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 10% และเชื่อว่าในปีหน้ากองทุนน่าจะขายยาก เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยยังไม่ได้มีการปรับขึ้น โดยสหรัฐอเมริกายังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (อาร์พี) ไว้ที่ระดับเดิม ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีก็กลับมาให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับพันธบัตรรัฐบาลไทยแล้ว ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีเม็ดเงินที่ไหลไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ประมาณ 5 แสนล้านบาท แต่สภาพคล่องก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตึงตัว โดยไทยยังมีสภาพคล่องในระบบกว่า 1.1 ล้านล้านบาท

สำหรับตลาดหุ้นในปีหน้าคาดว่ายังมีโอกาสปรับขึ้นไปได้ 10 – 20% จากฐานที่ระดับ 720 จุด จากอานิสงส์จากเม็ดเงินลงทุนจากโครงการไทยเข้มแข็ง และราคาสินค้าเกษตรอย่างข้าว ยางพารา ที่ปรับขึ้นไป และมองว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2553 มีโอกาสปรับขึ้นไปที่ 4% ได้ แม้ว่าหลายฝ่ายจะมีโอกาสปรับขึ้นไปเพียง 3% ก็ตาม

นายธีรพันธุ์กล่าวต่อว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งในบลจ.นครหลวงไทย ได้มีการเข้ามาแก้ไขปัญหาภายในบริษัทไปแล้วเกือบ 100% โดยในช่วงต่อไปจะเพิ่มบุคคลากร และสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ โดยได้เริ่มเปลี่ยนแปลงด้วยแนวคิด Smart & Care เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่ และเปิดตัวบริการใหม่ “Smart Click สะดวกสบายด้วยปลายนิ้ว..คลิก” ที่พร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปทำธุรกรรม สามารถชำระเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนโดยการตัดบัญชีเงินฝากผ่านธนาคาร 5 แห่ง คือ นครหลวงไทย ไทยพาณิชย์ กรุงศรีอยุธยา กรุงเทพ และกสิกรไทย

สำหรับแผนงานในปีหน้า ก็จะเสริมทีมงานฝ่ายการตลาด และฝ่ายขาย เพราะว่าปริมาณยอดขายยังไม่ค่อยน่าพอใจ และจะเริ่มทำกองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวท ฟันด์) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (โพรวิเดนท์ ฟันด์) มากขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นการออมเงิน และประกันสุขภาพด้วย โดยเหมาะสมกับนักลงทุนก่อนวัยเกษียณอายุ และวัยหลังวัยเกษียณอายุ และจะมีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์สำหรับวัยทำงานทั่วไป โดยจะเน้นเจาะกลุ่มข้าราชการจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และข้าราชการทั่วไป คาดว่าจะเริ่มโปรแกรมแรกภายในไตรมาสแรกของปี 2553

นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดขายกองทุนที่เน้นลงทุนใน SET 50 ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เพื่อตอนสนองนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นที่มีการสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีหุ้น (อินเด็กซ์) และยังสนใจออกกองทุนที่เน้นลงทุนในทองคำ ที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Long – Short ที่ไม่ใช่เป็นการลงทุนในกองทุนอีทีเอฟ แต่เป็นการลงทุนผ่านกองทุนอีทีเอ็นที่ลงทุนในทองคำ แต่ยังติดขัดกฎเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่กำหนดให้ต้องลงทุนตั้งแต่ 4 ตัวขึ้นไป ขณะเดียวกัน ยังสนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในเกาหลีใต้ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น