บลจ.นครหลวงไทย เดินหน้าศึกษากองทุนอสังหาริมทรัพย์กองใหม่ เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ในตลาดหุ้นไทย เล็งหาฟิวเจอร์มาช่วยบริหการกองทุน ขณะที่กองทุนสินค้าโภคคภัณฑ์ ยังอยู่ในระหว่างการติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก คาดเปิดไอพีโอทั้งคู่ไม่เกินไตรมาสแรกปีหน้า
นางศันสนีย์ หุตานุวัตร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยังอยู่ในระหว่างการศึกษากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์) ที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ทำการขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยต้องการนำฟิวเจอร์มาใช้ในการบริหารกองทุนให้ได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอ ขณะที่ราคาของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ใน ตลท.ได้ปรับลดลงไปค่อนข้างมากตามสภาวะตลาดในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างของกองทุนดังกล่าว เพื่อลดข้อจำกัด และรองรับสิ่งที่เรากำลังศึกษาอยู่ และมีการศึกษาอยู่ประมาณ 2 – 3 รูปแบบด้วยกัน เพื่อให้นักลงทุนมีความมั่นใจว่าจะได้ระบผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ คาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาอีกพอสมควร ทั้งนี้ การที่ตั้งกองทุนและนำไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทำได้ง่ายกว่า โดยคาดว่าน่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) ได้ประมาณไตรมาสแรกของปี 2553
ส่วนกองทุนเปิดนครหลวงไทย Efficient Long-Short Commodity ที่เน้นลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี้) และจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Citi COMET Index USD Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลัก มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Long – Short เพื่อหากำไรจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลัทกรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว แต่ยังอยู่ในระหว่างการติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนดังกล่าวว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องหรือไม่ เพราะว่ากระบวนการทั้งหมดพร้อมแล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกได้ประมาณไตรมาสแรกของปี 2553 เช่นกัน
นางศันสนีย์ กล่าวว่า บริษัทได้ขายกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้อายุโครงการยาวขึ้น เพราะว่าผลตอบแทนของพันธบัตรดังกล่าวได้ปรับเพิ่มขึ้นแรงจากการที่พอสมควร บริษัทจึงหันมาออกพันธบัตรอายุโครงการยาวเป็นหลัก และในงานมหกรรมการเงินที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากนักลงทุนดีพอสมควร ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้อายุโครงการสั้นจะมีผลตอบแทนแตกต่างจากพันธบัตรรัฐบาลไทยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่คุ้มค่าที่จะออกกองทุนอายุโครงการสั้นออกมา
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้มีการประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับขึ้น นักลงทุนจึงไม่ต้องการล็อกผลตอบแทนในระยะยาว แต่ภาวะเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มไม่สามารถพลิกฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วอย่างที่เคยประเมินเอาไว้ และอัตราดอกเบี้ยน่าจะใช้ระยะเวลาอีกพอสมควรจึงจะสามารถปรับขึ้นไปที่ระดับเดิมได้ ทำให้นักลงทุนยังสามารารถลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้อายุโครงการยาวได้อยู่ โดยนับตั้งแต่มีการเปิดขายกองทุนนี้น่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาไม่น้อยกว่า 1 – 2 หมื่นล้านบาทแล้ว
ด้านนายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่า ในปัจจุบันบริษัทได้นำระบบการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตมาใช้แล้วซึ่งคาดว่าระบบดังกล่าวจะก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในอนาคต และที่สำคัญยังช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับนักลงทุนได้ค่อนข้างมากโดยเฉพาะการเปิดบัญชีซื้อขายกองทุนที่สามารถทำเพียงครั้งเดียว โดยตัดบัญชีผ่าน 5 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ ส่งผลให้มีนักลงทุนความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเพราะสามารถนั่งทำรายการผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ทันที
ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มแรกบริษัทจะโฟกัสไปที่กลุ่มลูกค้าที่ลงทุนในอยู่ในกองทุนรวมตลาดเงิน (มันนี่ มาร์เก็ต ฟันด์) ก่อน เพราะว่าปัจจุบันผลตอบแทนของดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์อยู่ประมาณ 0.5%ต่อปี ขณะที่ผลตอบแทนของกองทุนตราสารตลาดเงินประมาณ 0.9%ต่อปี สูงกว่ากันเกือบเท่าตัว เมื่อลูกค้าเห็นว่ากองทุนตราสารตลาดเงินให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าก็สามารถทำรายการซื้อผ่านอินเทอร์เน็ตโดยโยกย้ายเงินฝากออมทรัพย์มาลงทุนในกองทุนตราสารตลาดเงินได้ทันที
นอกจากนี้ บริษัทยังจะเน้นในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) ซึ่งนักลงทุนสามารถโยกเงินลงทุนไปมาระหว่างกองทุนที่มีนโยบายต่างกัน เช่น กองทุนตลาดเงิน ตราสารหนี้ ผสม หรือหุ้นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ในการสับเปลี่ยนอีกด้วย แล้วแต่ในช่วงนั้นนักลงทุนมองภาวะตลาดเป็นเช่นไรซึ่งจะช่วยให้การลงทุนง่ายขึ้นมาก
นายธีรพันธุ์ กล่าวว่า ในระยะต่อไปบริษัทจะแนะนำเรื่องการจัดสรรเงินลงทุน (Asset Alocation) กับลูกค้าเพิ่มขึ้น เพราะว่าภายหลังจากการที่นักลงทุนเริ่มคุ้นเคยกับการซื้อขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแล้ว ในปีหน้าเป็นต้นไปบริษัทจะเน้นการออกกองทุนที่เป็น Passive Fund ที่ไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น อสังหาริมทรัพย์ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น เพื่อที่จะให้ลูกค้าสามารถจัดสรรเงินลงทุนได้ด้วยตัวเองโดยผ่านกองทุน Passive Fund เหล่านี้ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำและการซื้อขายก็สามารถทำได้ง่ายโดยผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งมีรองรับอยู่แล้ว ไม่ว่าจะซื้อขายหน่วยลงทุนหรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนระหว่างกองทุนก็ตาม แต่ในส่วนของกองทุนใหม่ๆ คงต้องรอจังหวะปีหน้า