“เทพเทือก” ซัดพวกยิง M-79 ใส่ บก.ทบ.จิตวิปริต ไม่คิดประชาชนจะโดนลูกหลง เชื่อเป็นแก๊งเดียวกับที่ยิงพันธมิตร ฉะ “เสธ.แดง” อย่าร้อนตัว โดนแค่ข้อหามีอาวุธเท่านั้น แนะ 3 เกลอมาแถลงข่าวหน้าทำเนียบก็ได้ ไม่ต้องไปสุวรรณภูมิ ยังไม่ประกาศ พ.ร.บ.มั่นคง รอดูตามสถานการณ์ ยันกองทัพไม่แตก ไม่พูดนักรบ “นช.แม้ว” หลบบ้านคนสนิทไตรรงค์
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (22 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการขยายผลเรื่องการยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก ที่เจ้าหน้าที่ได้บุกค้นและพบอาวุธสงครามภายในบ้านของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ว่าคงไม่ได้ทำให้การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงรุนแรงขึ้น สิ่งที่ตนได้บอกไปก่อนหน้านี้ คือ ฝ่ายรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เมื่อติดตามสืบทราบว่ามีกลุ่มคนที่ก่อความวุ่นวายเพื่อไม่ให้เกิดความสงบ โดยใช้วิธีการรุนแรง ก็ต้องติดตามข่าวและให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งนี้ ยอมรับว่าในช่วงรัฐบาลชุดก่อนมีกลุ่มบุคคลที่เหิมเกริมและเคยกระทำการในลักษณะนี้มาก่อน เวลามีการชุมนุมก็มีการเอาระเบิดเอ็ม 79 มายิงใส่ผู้ชุมนุมจนบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่รัฐบาลก่อนก็ไม่ได้สืบหาต้นตอของผู้ที่ทำผิด หรือสืบสวนแหล่งที่มาของอาวุธได้ แต่มาถึงรัฐบาลชุดนี้ได้พยายามติดตามสถานการณ์เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และโชคดีที่ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.สามารถทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่การข่าวและทหาร โดยสืบค้นหาที่มาของอาวุธที่ใช้ก่อเหตุและผู้กระทำการภายใต้กรอบของกฎหมาย และเชื่อว่าหากรัฐบาลดำเนินการอย่างต่อเนื่องก็คิดว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น โดยจะติดตามตรวจค้น จับกุม ดำเนินคดีบุคคลที่เป็นอันตรายต่อประชาชนและบ้านเมือง
เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ได้รายงานความคืบหน้าหรือไม่ว่าจะติดตามตัวผู้กระทำการมาดำเนินคดีได้เมื่อใด นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่กดดันเจ้าหน้าที่ ต้องว่าไปตามกฎเกณฑ์กติกา จะไม่ลงลึกไปในรายละเอียดการสืบสวนหรือรูปคดี ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นกี่กลุ่ม แต่ใครที่เป็นเป้าหมายและบุคคลต้องสงสัย ก็ต้องติดตามตรวจสอบ เพราะการที่ปล่อยให้คนพวกนี้สะสมอาวุธสงครามเพื่อมาใช้ทำร้ายประชาชน ไม่มีรัฐบาลประเทศไหนที่ยอมได้ เมื่อถามว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยใช้อาวุธเอ็ม 79 ไปก่อเหตุตามจุดต่างๆ ใน กทม.หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ก็อยู่ในข่ายต้องสงสัย แต่เจ้าหน้าที่ต้องติดตามตรวจสอบพฤติกรรมบุคคลที่น่าสงสัย และเมื่อมีหลักฐานสามารถดำเนินคดีได้ก็ต้องทำ ที่รัฐบาลเลือกปฏิบัติเช่นนี้เพราะต้องการแสดงให้เห็นว่ากฎหมายบ้านเมืองยังศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าหน้าที่ไม่ได้ย่อหย่อนในการทำหน้าที่ ซึ่งเมื่อก่อนผู้ก่อเหตุคงได้ใจเพราะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมได้ จึงเหิมเกริม
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามั่นใจว่าจะได้ตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีแน่นอนใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ได้พูดเช่นนั้น เพราะการทำงานขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ ไปลงในรายละเอียดมากไม่ได้ เมื่อสอบสวนไปแล้วมีพยานหลักฐานมัดไปถึงใครก็ต้องดำเนินคดีกับคนนั้น เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสงสัยถึงความผิดปกติว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นมาหลายวันแล้ว แต่เจ้าหน้าที่เพิ่งจะมาดำเนินการ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ เหมือนคนที่ไม่อยู่บ้าน ไม่รู้ว่ามีคนมาลอบยิงฝาบ้านเมื่อไหร่ แต่พอวันหนึ่งไปตรวจพบ ก็ต้องไปตรวจหาต้นตอว่าเป็นเพราะอะไร
ต่อข้อถามว่า กองบัญชาการกองทัพบกถือเป็นสถานที่สำคัญ คงจะไปเปรียบเทียบเช่นนั้นไม่ได้ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ได้มีความรู้เรื่องอาวุธมากเท่าไหร่ หากเป็นการยิงเอ็ม 79 สามารถยิงได้ในระยะไกลหลายร้อยเมตร ซึ่งเวลาไปตกก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเวรยามที่รักษาการอยู่ หรือในเวลาราชการ ดังนั้นจึงไม่มีใครได้ยิน เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความบกพร่องของหน่วยงานรัฐหรือไม่ เวลาที่ไม่พอใจอะไรกันก็นำอาวุธสงครามมาใช้ทำลายกัน นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องความบกพร่องของหน่วยงานรัฐ แต่เป็นความวิปริตในจิตใจของคนที่กระทำการ เพราะไม่คำนึงถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่อาจถูกลูกหลงจนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เพียงแค่ต้องการแสดงอำนาจนอกกฎหมาย ซึ่งตนถือว่าคนเหล่านี้เป็นคนที่ทำร้ายประชาชนและประเทศ
เมื่อถามว่าขณะนี้สรุปได้หรือไม่ว่ารัฐบาลสงสัยว่ากลุ่มของ พล.ต.ขัตติยะ เป็นผู้ก่อเหตุ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่เราสงสัยว่ามีพฤติกรรมที่น่าสงสัยก็จะติดตามตรวจสอบ พฤติกรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติว่าเป็นใครหรือกลุ่มใด เมื่อมีหลักฐานก็ดำเนินคดีเพื่อลดโอกาสไม่ให้บุคคลเหล่านั้นไปทำร้ายประเทศ และประชาชน เมื่อถามว่าแต่ พล.ต.ขัตติยะออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนดำเนินการหรือสั่งการ เพราะในช่วงเวลาเกิดเหตุไม่ได้อยู่ใน กทม. นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ได้ระบุว่าใครเป็นคนทำที่ไหน แต่ว่าถ้ารู้ว่าใครมีอาวุธร้ายแรงไว้ในครอบครองก็ต้องจับกุมดำเนินคดีคนที่มีอาวุธเหล่านั้น ส่วนการดำเนินคดีต่ิอ พล.ต.ขัตติยะ กับพวกนั้น ในวันนี้เป็นการดำเนินคดีในข้อหาที่มีอาวุธสงครามที่ไม่ได้รับอนุญาตไว้ในครอบครอง ซึ่งจะตั้งต้นตรวจสอบจากเรื่องนี้ก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่สงสัยนายทหารที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยด้วย นายสุเทพกล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้เป็นคนตั้งข้อสงสัย แต่เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบว่าจะมีกลุ่มใดบ้างที่สามารถเก็บอาวุธร้ายแรงเหล่านี้ไว้ได้ เมื่อถามว่าการหารือกับหน่วยงานความมั่นคงเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้หารือเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายสุเทพกล่าวว่า เมื่อวานนี้เป็นการประชุมเรื่องการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองในกรณีต่างๆ เช่น กรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะไปชุมนุมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รัฐบาลจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ไม่ได้มีเป้าหมายอื่นแอบแฝง
เมื่อถามว่าการที่ ผบช.น.ระบุว่าจะออกหมายจับ พล.ต.ขัตติยะ เกรงหรือไม่ว่าจะเป็นการเร่งให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหว นายสุเทพกล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงหรือบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีปฏิทินการเคลื่อนไหวของเขาอยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ดำเนินการเพื่อลดความรุนแรง ถ้าชุมนุมเพื่อแสดงออกตามกรอบของกฎหมายคงไม่ไปว่าอะไร แต่ถ้าข่มขู่ประชาชนแล้วใช้อาวุธร้ายแรงมาทำลายกันก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อถามว่ารัฐบาลได้ประเมินระดับความรุนแรงในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อ แดงหรือไม่ว่าจะไปถึงขั้นไหน นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ได้ประเมินเป้าหมายของเขา แต่ต้องติดตามการเคลื่อนไหวไม่ให้มีการทำร้ายประชาชนและบ้านเมืองเสียหาย ส่วนแผนการทำงานของเจ้าหน้าที่ก็จะมีเป็นรายกรณีไป เช่น ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก็มีแผนกรกฎ 52 โดยเป้าหมายคือจะปล่อยให้ใครเข้าไปยึดสนามบินไม่ได้ เพื่อให้ความมั่นใจกับนักธุรกิจ นักลงทุน และนักท่องเที่ยวว่าจะไม่มีเหตุยึดสนามบินเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังต้องขอร้องผู้ที่จะไปเคลื่อนไหวชุมนุมว่าอย่าไปชุมนุมในบริเวณดังกล่าว เพราะไม่มีประโยชน์อะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าการดูแลสถานการณ์ถึงขั้นจำเป็นต้องมีการประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ต้องดูตามความจำเป็นและพิจารณาเป็นรายกรณีไป โดยใช้กฎหมายปกติให้ดีที่สุด หากสถานการณ์ส่อไปในทางที่เป็นอันตรายต่อบ้านเมืองและความสงบสุขของประชาชน ก็ต้องใช้กฎหมายที่เข้มข้นต่อสถานการณ์ เมื่อถามว่ามั่นใจว่ารัฐบาลสามารถรับมือการเคลื่อนไหวในที่ต่างๆของกลุ่ม เสื้อแดงได้ใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า รัฐบาลต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่การท้าทาย แต่เพราะต้องดูแลความสงบของบ้านเมืองให้ดีที่สุด ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ยังมีขวัญและกำลังใจในการทำงาน ซึ่งตนได้บอกกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่เสมอว่าต้องไม่เลือกปฏิบัติ หรือเข้าข้างฝ่ายใด มีหน้าที่อย่างเดียวคือดูแลความสงบ ดังนั้นการที่กลุ่มคนเสื้อแดงที่ระบุว่าจะไปสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ขอร้องว่าอย่าทำ หากต้องการแถลงอะไรก็ให้มาที่ทำเนียบรัฐบาลแทน
เมื่อถามว่าเหตุลอบยิงหน้าห้องทำงาน ผบ.ทบ.ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าเป็นเรื่องความแตกแยกภายในกองทัพ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มี ยืนยันให้ประชาชนมั่นใจได้ว่ากองทัพยังมีความเป็นเอกภาพ เพราะผู้นำกองทัพทุกคนที่ทำงานร่วมกับตนคิดถึงชาติ บ้านเมือง ประโยชน์ของประชาชนและราชบัลลังก์เป็นหลัก ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เกิดปัญหาในกองทัพได้ และเชื่อว่าการทำหน้าที่ของ ผบ.ทบ.มีจิตวิญญาณที่ต้องการปกปักษ์รักษาชาติบ้านเมือง โดยไม่ได้เข้าข้างใครทั้งสิ้น เมื่อถามว่ารัฐบาลได้เตรียมการป้องกันเหตุไว้บ้างหรือไม่ เพราะจุดเกิดเหตุที่กองทัพกับทำเนียบรัฐบาลนั้นอยู่ใกล้กัน นายสุเทพกล่าวว่า รัฐบาลมีมาตรการป้องกันไว้อยู่แล้ว แต่หลักสำคัญคือพยายามแก้ปัญหาที่ต้นตอ
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นการโหมโรงเพื่อให้เกิดความรุนแรงและนำ ไปสู่การปฏิวัติอีกครั้งหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ได้คิดไกลไปถึงขั้นนั้น คิดเพียงว่าทุกคนต้องช่วยกันดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ใครมีเบาะแสอะไร ก็แจ้งมาที่รัฐบาลได้ เราเชื่อมั่นว่าจะรักษาความสงบเรียบร้อยและสถาบันอันเป็นที่เคารพสูงสุดของ เราไว้เป็นหลักชัยของประเทศได้
เมื่อถามว่าตอนนี้มีกระแสข่าวว่า พล.ต.ขัตติยะ หลบไปพักอยู่กับคนสนิทของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ที่ภาคใต้ นายสุเทพปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เพียงแต่หัวเราะเท่านั้น