สัมภาษณ์พิเศษ
ศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกรัฐบาล และโฆษกพรรคภูมิใจไทย
กว่าจะตัดสินใจเคาะชื่อบุคคลที่จะมานั่งเก้าอี้ รมช.สาธารณสุขได้ พรรคภูมิใจไทยต้องปล่อยข่าวจะเลือกคนนั้นคนนี้ หยั่งกระแสสังคมอยู่หลายวัน เริ่มตั้งแต่นายประศาตร์ ทองปากน้ำ นายเรืองศักดิ์ งามสมภาค แต่ก็โดนสมาชิกพรรคซีกเพื่อนนายเนวิน ชิดชอบคัดค้านบวกกับกระแสสังคมซ่ายหน้า
ท้ายที่สุด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา ตัดสินใจเอาน้องสาว “นางพรรณศิริ กุลนาถสิริ” อดีตรองผู้อำนวยการโรงเรียนอุดมดรุณีสุโขทัย มานั่งเก้าอี้รักษาโควตาขัดตาทัพไปพลางระหว่างที่นายมานิพ นพอมรบดี ถูกซักฟอก เล่นเอาทั้งนายประศาตร์ และนายเรืองศักดิ์ อกหักไปตามๆ กัน
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย สาวก นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำคนสำคัญ พรรคภูมิใจไทย เปิดเผย กับ “เอเอสทีวีผู้จัดการ” ถึงการสรรหาตัวบุคคลมาดำรงตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข ว่า สถานการณ์หลายวันภายในพรรคภูมิใจไทยมีความตึงเครียด แต่ไม่ได้มีปัญหาความขัดแย้งอย่างที่เป็นข่าว เพียงไม่ต้องการให้กระแสสังคมคัดค้าน และทางพรรคได้ไฟเขียนให้นายสมศักดิ์ เป็นผู้เสนอที่เหมาะสม เพราะถือเป็นโควต้าของกลุ่มมัชฌิมา ที่เขาดูแลอยู่ ซึ่งตอนนี้สถานการณ์ภายในพรรคได้คลี่คลายลงแล้ว
การปรับ ครม.ของรัฐบาลครั้งนี้ ผมไม่ถือว่ามีนัยสำคัญอะไร เป็นเรื่องของการสรรหาบุคคลเข้ามาทำหน้าที่ รมต.แทนตำแหน่งที่ว่างลงเท่านั้น
ส่วนการปรับ ครม.หลังการอภิรายไม่ไว้วางใจ ผมเข้าใจว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว ถ้าตอบในส่วนของภูมิใจไทย ไม่มีเรื่องเงื่อนเวลาครบปีจะต้องปรับ ถ้า รมต.ในส่วนของพรรคยังสามารถทำงานได้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยน
สำหรับการทำงานด้านบริหารประเทศในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลในระยะเวลา 1 ปีผ่านมา ต้องยอมรับว่า การร่วมกันทำงานของ ครม.อาจจะฟังดูเหมือนมีความขัดแย้งกัน แต่ถือเป็นความขัดแย้งในลักษณะของการทำงาน ซึ่งอาจมีมุมที่แตกต่างกันในวิธีการทำงาน ผมยืนยันได้ไม่ความขัดแย้งด้านอื่น ไม่มีเรื่องผลประโยชน์
“ข่าวการขัดแข้งขัดขา แท้จริงเป็นเรื่องของท่าที ความรู้สึกเท่านั้น ในที่สุดต้องยอมรับว่าเป้าหมายหลักที่เริ่มมาร่วมตั้งรัฐบาลกัน คือเรื่องการนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤต”
สำหรับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือเป็นเรื่องที่เราเห็นว่า มีความจำเป็นต้องดำเนินการและที่ผ่านมารู้สึกค่อนข้างจะล่าช้า
แน่นอนกระแสการไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ตรงนี้ผมคิดว่าผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ต้องทำความเข้าใจกับสมาชิกของเขาเองให้เข้าใจ และเชื่อว่ามันตกผลึกกันพอสมควรแล้ว
“วันนี้แต่ละคนจะเอาตัวเองหรือผลกระทบที่จะมีกับตัวเองเป็นตัวตั้ง จะทำให้มันเดินหน้าไม่ได้ เวลานี้เราต้องพูดกันเรื่องภาพรวมของพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน พูดตรงๆ ถ้าวันนี้พรรครร่วมรัฐบาลจะตัดสินใจกันว่า หลังการเลือกตั้งครั้งต่อไป เราจะต้องจับมือกัน การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องจำเป็น เราคิดว่าความชอบธรรมในการที่จะจัดตั้งรัฐบาลครั้งต่อไปได้ ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยแก้ไขกันในคราวนี้เลย”
นี่ไม่ได้เป็นการขู่ แต่กำลังจะบอกถึงความชอบธรรมของพรรคประชาธิปัตย์ในการที่จะมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคประชาธิปัตย์ต้องมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งคิดว่าปัจจัยที่จะได้มาคือ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งวันนี้พรรคภูมิใจไทยยืนยันได้ว่า เราพร้อมจะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์
วันนี้ที่เราอยากคือให้ผู้ใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลไปทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรค ที่มีจำนวนมาก
พูดตรงๆ พรรคประชาธิปัตย์หลายฝ่าย หลายคนอาจจะมีความรู้สึก หากแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็น เขตเดียว เบอร์เดียว แล้วตัวเองจะสอบตก ที่สำคัญพรรคประชาธิปัตย์กำลังกลัวเรื่องพรรคการเมืองใหม่ และคิดว่าในเขตเมืองคนที่สนับสนุนเขา จะหันไปสนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ เขาอาจจะกลัวอย่างนั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เพราะผมเองไม่เชื่อว่า เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งพรรคการเมืองใหม่จะมีความพร้อมในทุกพื้นที่
แต่ยอมรับพรรคการเมืองใหม่มีผู้สนับสนุนมาก แต่ละพื้นที่คนที่เป็นแกนหลักที่สามารถลงผู้แทนฯมีจำนวนมาก แต่มันไม่ใช่ของง่ายที่จะลงได้ครบทั้งหมดทั่วประเทศ
ดังนั้น เงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญ เราในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล จะต้องแยกออกจากเรื่องการบริหารประเทศ วันนี้อำนาจฝ่ายบริหารนำโดยนายอภิสิทธิ์ ผมมั่นใจ ยังสามารถทำงานได้โดยไม่มีปัญหา
“แต่สิ่งที่น่าเปํนห่วง ที่จะต้องทำงานอย่างใกล้ชิดคือ การทำงานร่วมกันในสภาผู้แทนฯ เป็นความท้าทายที่จะต้องพิสูจน์ตัวกันว่า เราสามารถทำงานในลักษณะเป็นคู่ขนานที่คล้องจองไปกันได้ดีระหว่างหน้าที่ฝ่ายบริหารกับหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติในเชิงของความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล”
ดังนั้นจะเป็นงานท้าทายของวิปรัฐบาลที่จะต้องทำงานอย่างเข้มข้นและมีคุณภาพมากกว่าที่เคยเป็น มาในอดีต โดยต้องมีการวางแนวทางที่จะทำให้งานในสภาฯดีขึ้น ไม่สะดุดเหมือนที่เคยมีปัญหาอย่างที่ถูกประณาม
การแก้ไขรัฐธรรมนูญคราวนี้ จะเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนรู้ว่าการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลมีความเหนียวแน่นหรือไม่ ส่วนที่มองกันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจทำให้รัฐบาลเกิดความแตกหักนั้น ผมไม่รู้ แต่มันจะทำให้ประชาชนเห็นความขัดแย้งถ้าเราไม่เดินไปในทิศทางเดียวกัน
นายศุภชัยกล่าวด้วยว่า การแก้ไขรัฐธรมนูญเป็นเรื่องของสภา แม้พรรคเพื่อไทยเสนอเรื่องอะไรมาที่เป็นประโยชน์เราก็พร้อมที่จะยกมือให้ในฐานะสมาชิกสภาด้วยกันแต่ต้องอยู่ในกรอบ ขอบเขตและจุดยืนของเรา
พรรคภูมิใจไทยเห็นว่ารัฐธรรมนูญ ปี 2540 เป็นเรื่องที่ดี หากเป็นรัฐธรรมนูญที่มีเป้าหมายจะมารื้อนิรโทษกรรมเราไม่รับ
แต่ยอมรับพรรคภูมิใจไทยเคยเสนอขอให้มีการนิรโทษกรรมใน 2 เหตุการณ์ เราเอาเหตุการณ์ “เหลือง-แดง” เป็นตัวตั้ง ซึ่งแต่ละคนมีคดีติดมามากมาย
วันนี้ที่ “เหลือง-แดง” ยังมีอยู่ เพราะเหตุผลที่เข้ามาตามอุดมการณ์ แต่วันดีคืนดีต้องตกเป็นผู้ต้องหา ตกเป็นจำเลย หากบรรยากาศการนิรโทษกรรมทั้ง “เหลือง-แดง” มีจริง เชื่อว่าความผ่อนคลาย การพูดจาจะดีขึ้น แต่มีเงื่อนไขว่าเอาแค่ 2 เหตุการณ์ โดยไม่เกี่ยวกับกรณีการยุบพรรคในอดีต ซึ่งเราเสนอไปแล้วยังคาอยู่ที่สภาฯ
พรรคภูมิใจไทย ยืนยันนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิจากการยุบพรรค 111 หรือ 109 คนเหล่านี้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามคำพิพากษา เราไม่ก้าวล่วงไปตรงนั้น แนวคิดเรื่องนิรโทษกรรมของภูมิใจไทยชัดเจน หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วมีผลให้นักการเมือง 111 หรือ 109 หรือ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้ประโยชน์ เราไม่เห็นด้วย
เราเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยเหตุผล หวังมองไปข้างหน้าไม่ใช่มองย้อนหลัง วันนี้ที่ฟังดูท่าทีจากพรรคประชาธิปัตย์มีสัญญาณดี พร้อมที่จะร่วมไปกับเราพรรคภูมิใจไทย
ทั้งหลายทั้งปวง ผมมองว่า สถานการณ์ในสภาฯยังไม่รุนแรงเท่ากับสถานการณ์นอกสภาฯ เราอย่าลืม ความเพียรพยายามของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ความเข้มข้นย่อมจะเกิดขึ้น เมื่อใกล้ถึงวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ของ “ทักษิณ ชินวัตร”
ผลจะออกมาอย่างไร ผมไม่รู้ จะกดดันได้หรือไม่ ผมก็ไม่รู้ แต่เขาต้องพยายามเคลื่อนไหว เราวิเคราะห์ว่า ความน่าจะเ ป็นมันมี
การชุมนุมหลายครั้งหลายหน คนเสื้อแดงพยายามอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะเรื่องการเลือกปฏิบัติ ที่รัฐบาลยังอธิบายได้ไม่ชัดเจน
ที่โดนมากที่สุดคือกรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในเรื่องการครอบครองที่ดินเขายายเที่ยง ตรงนี้ถือเป็นประเด็นที่แหลมคมและเป็นประโยชน์ของคนเสื้อแดง
สิ่งที่ต้องยอมรับความจริงคือ มีคดีลักษณะ พล.อ.สุรยุทธ์ อยู่ทั่วประเทศ ทุกหัวระแหง ซึ่งเป็นคนยากคนจนและบุคคลเหล่านั้นถูกดำเนินคดีเต็มไปหมด แต่ความเห็นของอัยการที่ออกมาในกรณีการถือครองที่ดินของ พล.อ.สุรยุทธ์ ในพื้นที่เขายายเที่ยง มันต่างกับเรื่องของพวกเขาเหล่านั้น
วันนี้เราอาจรู้สึกเป็นเรื่องของระบอบทักษิณ ที่คนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหว แต่หลังจากนี้ไปอย่าให้เขาขยายความได้ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องระบอบทักษิณ
“กลายเป็นเรื่องระบอบการเลือกปฏิบัติ ความอยุติธรรม ความมีอภิสิทธิ์ของกลุ่มอำมาตย์ เราจะเหนื่อย เพราะตอนนี้เขากำลังพูดเรื่องของชนชั้น เขาเอามาเปรียบเทียบขยายความ”
เมื่อการชุมนุมของคนเสื้อแดงพัฒนาการไปเรื่องชนชั้น เรื่องระบอบ สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือการแสดงให้เห็น “ไม่มีการเลือกปฏิบัติ”
ผมเห็นด้วยในสิ่งที่นายกรัฐมนตรีบอกว่า เรื่องพล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องพูดถึงกรณีอื่น ให้ดำเนินการไปเลย
ผมคิดว่าอย่าให้ความรู้สึกของประชาชนที่เป็นคนยาก คนจนเกิดความรู้สึกที่แตกต่าง ไม่งั้นสถานการณ์มันจะลามออกไป รัฐบาลควรจะถือโอกาสนี้เข้ามาจัดการเกี่ยวกับเรื่องที่ดินทำกินของประชาชนที่เป็นคนยาก คนจนเหล่านั้น
ขณะเดียวกันควรจะเอาจริงเอาจังกับบรรดานายทุนหรือผู้มีเงินมีทองทั้งหลายที่เข้าไปยึดพื้นที่หลวง หรือที่ของรัฐมาเป็นบ้านพักตากอากาศส่วนตัว
ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้แสดงความชัดเจนอย่างกล้าหาญเรื่องล้มหวยออนไลน์มาแล้ว เรื่องนี้เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องทำ ถ้าทำนายกฯจะเป็นรัฐบุรุษ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่
การบังคับใช้กฎหมายจะเกิดขึ้นจริงได้เต็มรูปธรรมก็ต้องใช้จังหวะนี้แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่สองมาตรฐาน หากรัฐบาลเพียงแต่นำเรื่องของ พล.อ.สุรยุทธ์ เคสเดียวจบไม่คิดทำเรื่องอื่นก็เสียดายโอกาสนี้ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คนเสื้อแดงพยายามแสดงให้ประจักษ์กับสายตาประชาชน
สิ่งที่คนเสื้อแดงกำลังทำคือใช้คำว่า “อำมาตย์ อำมาตย์ รัฐบาลนี้รับใช้อำมาตย์” ขณะที่บรรดาพวกชนชั้นล่างคนยากคนจนถูกรังแก
“นี่คือการปลุก แบบวิธีคอมมิวนิสต์ ถ้ารัฐบาลตามไม่ทันและไม่มีกระบวนการที่จะใช้จังหวะตรงนี้ในการตอบโต้ เพื่อทำให้เกิดประโยชน์กับบรรดาชนชั้นล่างเหล่านี้สถานการณ์จะลามไป”
มันจะทำให้ความรู้สึกของประชาชนเปลี่ยน โดยเฉพาะ ในแง่พรรคการเมืองจะเสียคะแนน ภาพรวมของระบบบ้านเมืองก็สั่นคลอน
ดังนั้น วันนี้การทำงานของกลุ่มคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย หรือกลุ่มไหนก็ตามต้องยอมรับมีการสอดรับกันอย่างเป็นระบบในการสร้างภาพขยายความให้ประชาชนเห็นคล้อยตาม ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัว
ที่ผ่านมารัฐบาลสามารถรับมือได้ เหตุผลเพราะการชุมนุมคนเสื้อแดงไม่อาจอ้างความชอบธรรมใดๆ ได้ อีกอย่างกองทัพยังหนุนรัฐบาล
แต่ประเด็นเรื่องเขายายเที่ยง พวกเขาถือว่าเขาทำได้ผล ถึงเวลานั้นถ้าประชาชนมีความคิดที่กระจัดกระจาย ฝ่ายที่หนุนอยู่จะหนุนไหวไหม
ทั้งหลาย ทั้งปวง ที่คนเสื้อแดงเคลื่อนไหว ขยายความ ก็เพื่อเผาหัวไปเรื่อยๆ เป้าหมายสำคัญของพวกเขาหนีไม่พ้นที่จะมาบี้เรื่องคดียึดทรัพย์ของนายใหญ่ที่เป็นนักโทษหนีคดี
การกดดันศาลจะได้ผลหรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่วันนี้ “ทักษิณ ชินวัตร” เขามีทุนเท่าไร เขาต้องเดินหน้าอย่างเข้มข้น
สิ่งที่น่ากลัวคือแนวคิดเรื่องการก่อความวุ่นวาย ก่อความจราจล ที่สำคัญอาจมีแนวคิดของใครบางคนก็ได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์ทำนองนี้ อย่าลืมตอนพฤษภาทมิฬ พลเอก “ภ” คือตัวจักรสำคัญในการก่อเหตุเรื่องโน้นเรื่องนี้ รัฐบาลเราประมาทไม่ได้
เรื่องที่ “ทักษิณ ชินวัตร” โฟนอินอ้างสถานการณ์พิเศษจะกลับเข้ามาช่วงเดือนกันยายนหรือจะกลับมาฉลองวันเกิดในปีนี้ที่เมืองไทยนั้น ผมคิดว่ามันยาก เป็นไปไม่ได้ เขาก็พูดมาหลายครั้ง ผมยังนึกไม่ออกสถานการณ์พิเศษที่กล่าวอ้าง นึกคิดเองนั้น คืออะไร
ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่สามารถกุมหัวใจประชาชนคนระดับล่างได้ รัฐบาลต้องระมัดระวังเรื่องการขยายความคิดกับประชาชนระดับล่างที่คนเสื้อแดงสมุน “ทักษิณ ชินวัตร”กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ไม่เช่นนั้นแล้วอันตราย น่ากลัว เพราะวันนี้พวกคอมมิวนิสต์กับพวกที่ทำงานด้านจิตวิทยาฝ่ายทหารกำลังร่วมมือกันในบางสิ่งบางอย่างสนองความต้องการนักโทษหนีคดี