xs
xsm
sm
md
lg

“เขี้ยวลากดิน” สุมหัวเย้ยกฎหมาย-ย่ำยี รธน.!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในข้อเท็จจริงแล้ว วัตถุประสงค์หลักในแก้ไขครั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้หลุดพ้นจากพันธนาการที่เป็นข้อห้ามอย่างเข้มงวดเท่านั้น ซึ่งหากพิจารณาจากมาตรา 94 ก็แค่ต้องการให้เขตการเลือกตั้งเล็กลงเพื่อให้ตัวเองและพรรคของตัวเองได้เปรียบ สามารถเอาตัวรอดในการเลือกตั้ง ที่สำคัญก็คือ “ซื้อเสียง” ได้สะดวก


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ในยุคใหม่ที่อ้างว่าเป็นการปกครองโดยใช้หลักนิติรัฐและเรียกหาธรรมาภิบาล แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่กระทำผิดกฎหมายกลับได้รับการยอมรับ และยังมีอิทธิพลในการผลักดันในสิ่งที่ตัวเองต้องการอยู่เสมอ ดังที่มีตัวอย่างให้เห็นกรณีของ ทักษิณ ชินวัตร นักโทษที่กำลังหนีคดีทุจริต

ล่าสุด มีบรรดานักการเมืองเขี้ยวลากดินที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวการเมืองหลังจากเกี่ยวข้องกับการโกงเลือกตั้ง กลับฝ่าฝืนกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาลหรือเฟ้นตัวรัฐมนตรีมาเป็น “นอมินี” สืบทอดอำนาจ และที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) บุคคลเหล่านี้ก็ได้นัดหารือกันอย่างเปิดเผยเพื่อหาทางแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์เท่านั้น

การพบกันที่โรงแรมสยามซิตี ที่มี บรรหาร ศิลปอาชา อดีตเจ้าของพรรคชาติไทย และปัจจุบันอยู่เบื้องหลังพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นโต้โผใหญ่ได้นัดแกนนำกลุ่มก๊วนการเมืองจากพรรคอื่นโดยครั้งนี้เป็นคิวแรกของพรรคภูมิใจไทยมาหารือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 โดยหลายคนเข้าร่วมกันอย่างคึกคัก เช่น เนวิน ชิดชอบ สมศักดิ์ เทพสุทิน และสรอรรถ กลิ่นประทุม เป็นต้น เรียกได้ว่าตัวหลักๆ ระดับหัวหน้ามากันครบเซต

หลังการหารือที่มีการกำหนดซักซ้อมกันเอาไว้ล่วงหน้า ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า จะมีการนำร่องเสนอแก้ไขใน 2 ประเด็นก่อน คือ มาตรา 94 ที่เกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้งโดยจะเสนอแบ่งเขตให้เล็กลงโดยอ้างว่าเขตเล็กลงสามารถดูแลประชาชนได้ทั่วถึง

ส่วนอีกประเด็นหนึ่งก็คือ มาตรา 190 ที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญากับต่างประเทศจะต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาชน โดยจะเสนอแก้ไขในรายละเอียดบางอย่างไม่ต้องนำเข้าสู่สภา อ้างว่าเพื่อความสะดวกในการบริหารราชการ เพราะหากยังต้องผ่านสภาบางอย่างอาจเกิดความชักช้าไม่ทันการณ์และที่สำคัญอ้างว่าประชาชนจะเสียประโยชน์

ได้ฟังเหตุผลแล้วก็น่าชื่นชมยกย่องจนแทบน้ำตาไหลพรากด้วยความตื้นตัน เมื่อหวังดีแบบนี้แล้วทำไมไม่สนับสนุนเล่า มาขัดขวางทำไม

แต่เดี๋ยวก่อน! นั่นเป็นมุมมองแบบเพ้อฝัน และเป็นแค่ฉากบังหน้า เพราะในข้อเท็จจริงแล้ววัตถุประสงค์หลักในแก้ไขครั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้หลุดพ้นจากพันธนาการที่เป็นข้อห้ามอย่างเข้มงวดเท่านั้น ซึ่งหากพิจารณาจากมาตรา 94 ก็แค่ต้องการให้เขตการเลือกตั้งเล็กลงเพื่อให้ตัวเองและพรรคของตัวเองได้เปรียบและเอาตัวรอดในการเลือกตั้ง ที่สำคัญสามารถ “ซื้อเสียง” ได้สะดวก

ขณะที่มาตรา 190 ในเรื่องการทำสัญญากับต่างประเทศอะไรนั่นเป็นแค่ละครตบตาเพื่อแสดงให้เห็นว่าการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญคราวนี้ทำเพื่อผลประโยชน์ของชาวบ้าน ให้สังคมฟังดูแล้วเคลิบเคลิ้มเท่านั้น

นอกเหนือจากนี้ที่น่าจับตาก็คือ พอเอาเข้าจริงจะมีรายการ “สอดไส้” เสนอพ่วงเข้าไปอีกหลายมาตรา ทั้งในเรื่องที่เกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวกับการยุบพรรค (มาตรา 237) โดยต้องการให้เป็นความผิดเฉพาะบุคคล เช่นกรรมการบริหารพรรคไม่ต้องรับผิดชอบ หรือประเด็นที่ต้องการแก้ไขให้เปิดโอกาสให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำได้ โดยข้ออ้างก็สวยหรูเช่นเดิมคือเพื่ออำนวยความสุขให้กับประชาชน เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าประเด็นต่างๆ ดังกล่าวล้วนแล้วแต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองล้วนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลประโยชน์ของนักธุรกิจการเมือง ที่ตลอดชีวิตใช้วิธีลงทุนทางการเมืองเพื่อแสวงหาอำนาจและเป็นทางลัดในการสร้างความร่ำรวย ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด

สิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือ มันมีความจำเป็นแค่ไหนกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมารัฐธรรมนูญได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนตรงไหน และเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐบาลหากต้องการทำงานอย่างโปร่งใสตรงไหน ตรงกันข้ามมีเพียงรัฐธรรมนูญฉบับนี้เท่านั้นที่สร้างความเดือดร้อนกับนักการเมืองชั่วๆ ตกยุคเป็นเสมือนวัตถุชำรุดทางประวัติศาสตร์ที่ต้องถูกทิ้งเอาไว้อยู่เบื้องหลัง

ขณะเดียวกัน ตามหลักการแล้วนักการเมืองเป็นพวกที่อาสาเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน และมีกติกากำหนด มีข้อห้ามเอาไว้ชัดเจนอยู่แล้ว หากเห็นว่าตัวเองไม่สบายใจต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นก็ไม่สมควรจะเข้ามา สามารถไปทำมาหากินในอาชีพอื่น ไม่ใช่เห็นว่าเมื่อตัวเองโกงไม่สะดวกก็คิดจะถือวิสาสะแก้ไขกฎเกณฑ์เหล่านั้นทิ้งไป

แม้ว่ารัฐธรรมนูญไม่ใช่กฎหมายวิเศษสามารถแก้ไขได้ก็ตาม แต่ก็ต้องดูที่ความเหมาะสม ที่สำคัญต้องเป็นการยินยอมจากประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง และยิ่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันผ่านการรับรองจากประชาชนทั่วประเทศเป็นครั้งแรก หากจะแก้ไขก็ต้องถามชาวบ้านก่อน

สำหรับนักการเมืองเขี้ยวลากดินทั้งหลาย ที่กำลังสุมหัวอยู่ในเวลานี้น่าจะมีความละอายและสำนึกกันบ้าง!!


กำลังโหลดความคิดเห็น