xs
xsm
sm
md
lg

วันพิพากษาทักษิณ ไม่ใช่วันชี้ชะตาบ้านเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
“ชั่งน้ำหนักดูระหว่างสื่อกับทหารแล้ว เชื่อทหารดีกว่า เพราะถ้าย้อนกลับไปดูการนำเสนอข่าวของสื่อ ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว มาถึงต้นปีนี้ มันก็เป็นไปอย่างที่ทหารใหญ่สองนายนี้เขาว่า คือ มีการคาดการณ์กันมาตลอดว่า จะมีความวุ่นวาย มีความรุนแรง แต่ก็ไม่เคยเกิดสักที”

ไม่รู้จะเชื่อใครดีระหว่าง สื่อ หรือทหาร ในเรื่องของสถานการณ์บ้านเมือง ก่อนจะถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 อันเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะอ่านคำพิพากษาคดียึทดรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว

ถ้าเชื่อตามสื่อก็ต้องหวั่นวิตกว่าสถานการณ์จะรุนแรง บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ เลือดจะนองแผ่นดิน เพราะ นช.ทักษิณ จะต้องกดปุ่ม ให้กลุ่มเสื้อแดงเร่งสถานการณ์ให้ถึงขั้นแตกหักโดยเร็ว ก่อนจะถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ซึ่งความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น มีกิจกรรมกันไม่เว้นแต่ละวัน และมีการประกาศแล้วว่า หลังตรุษจีน คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นี้ ซึ่งห่างจากวันอ่านคำพิพากษาเพียงไม่กี่วัน จะชุนนุมยืดเยื้อทำสงครามครั้งสุดท้าย ไม่ชนะก็ยอมตายคาสนามรบ

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งโฆษกพรรค และโฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรค ถึงกับประเมินว่า ช่วงระหว่างวันที่ 16-26 กุมภาพันธ์ เป็นช่วง 10 วันอันตราย ไม่รู้ว่า ประเมินจากข้อมูลฝ่ายความมั่นคง หรือสรุปจากข่าวหนังสือพิมพ์ หรือประเมินเองให้แรงไว้ก่อน จะได้เป็นประเด็นให้สื่อนำไปเล่นข่าว

แต่ถ้าเชื่อทหารก็ต้องบอกว่า “สบม.ยห.” สบายมากอย่าห่วง เหตุการณ์ปกติ


วานซืนนี้ ( 18 มค.) พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่า วันที่ 16-26 กุมภาพันธ์เป็นช่วง 10 วันอันตรายนั้น ท่านเห็นว่าไม่มีอะไร เห็นพยากรณ์กันมาตั้งแต่ปีใหม่ว่าจะมีเหตุวุ่นวาย หรือกรณีเขายายเที่ยงก็ไม่มีอะไร คนที่มาชุมนุมก็ชุมนุมปกติ คนทำข่าวก็ทำข่าวกันไป หากทำข่าวมากก็เป็นแรงกระตุ้น

วานนี้ (19 มค.) พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ก็ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง และกรณี 10 วันอันตรายว่า ไม่น่าจะมีปัญหา และไม่น่าเลวร้ายอย่างที่คาดการณ์ ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าจะทำสงครามครั้งสุดท้ายนั้น พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า “สุดท้ายมาหลายครั้งแล้ว ไม่ต้องห่วงคงไม่มีประเด็นปัญหาที่ต้องห่วงใย”

ชั่งน้ำหนักดูระหว่างสื่อกับทหารแล้ว เชื่อทหารดีกว่า เพราะถ้าย้อนกลับไปดูการนำเสนอข่าวของสื่อ ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว มาถึงต้นปีนี้ มันก็เป็นไปอย่างที่ทหารใหญ่สองนายนี้เขาว่า คือ มีการคาดการณ์กันมาตลอดว่า จะมีความวุ่นวาย มีความรุนแรง แต่ก็ไม่เคยเกิดสักที

ต้องยอมรับกันว่า ประชาชนส่วนใหญ่ รับรู้เหตุการณ์บ้านเมืองผ่านการเสพสื่อและส่วนใหญ่จะเชื่อตามสื่อ เพราะสื่อส่วนใหญ่จะเสนอข่าวไปในทำนองเดียวกันหมด โดยเฉพาะข่าวประเภทที่ไม่มีคนพูดชัดเจน มีแต่ “แหล่งข่าว” หรือ “รายงานข่าว” ซึ่งร้อยละ 98 เป็นข่าวปล่อย มีต้นฉบับอยู่ก๊อปปี้เดียว ส่งต่อๆ หรือลอกต่อๆกันไปเนื้อข่าวจึงเหมือนกันหมดทุกบรรทัด

ถ้าสื่อบอกว่า ปชป.จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล, ป๋าเปรม รับปากอภิสิทธิ์จะไปคุยกับบรรหาร เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ฯลฯ ประชาชนก็จะเชื่อตามนั้น ถ้าสื่อเขียนว่า สถานการณ์การเมืองจะร้อนแรงแดงจะเต็มแผ่นดิน ประชาชนก็จะเชื่อตามนั้น

แต่สื่อไม่เคยบอกประชาชนว่า ทำไมจึงนำเสนอข่าวอย่างนั้น ไปฟังใครเขามา มีแต่เสนอข่าวผิดแล้ว ก็ปล่อยเลยตามเลย

ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงที่ นช.ทักษิณ บงการอยู่โดยเปิดเผย จนถึงนาทีนี้ยังนึกไม่ออกว่า จะมียุทธวิธีอะไรใหม่ๆ ที่จะมาหยุดยั้งการอ่านคำพิพากษาในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ เพราะในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา กลุ่มเสื้อแดงทำมาหมดแล้ว ตั้งแต่ เผาเมือง ทำลายการประชุมอาเซียน ล้อมกรอบหมายสังหารนายกฯ โจมตีองคมนตรี เพื่อกระทบชิ่งไปยังสถาบัน จ้างวานฮุนเซ็นให้ช่วยด่าประเทศไทย แต่ไม่เกิดผลอย่างที่ต้องการทั้งสิ้น กลับเป็นผลเสียกับตัวนายใหญ่เสียเอง

เหลือเวลาอีกเพียงเดือนเดียว คงได้แต่นับถอยหลังรอฟังคำพิพากษา

มองย้อนหลังกลับไปดู การอ่านคำพิพากษาคดีที่เกี่ยวกับ นช. ทักษิณกับพวก หลายๆคดี ก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นคดียุบพรรคไทยรักไทย ยุบพรรคพลังประชาชน คดีที่ดินรัชดา คดีกล้ายาง และคดีหวยบนดิน

คำพิพากษาแต่ละคดี ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างละเอียด ให้เห็นถึงการใช้เหตุผลของศาลในแต่ละประเด็น อย่างรอบด้าน ว่า ศาลใช้ดุลพินิจอย่างไร แน่นอนว่า มีทั้งผู้ที่พอใจ และคนที่ไม่ถูกใจ แต่ทุกคนก็ยอมรับในคำพิพากษาของศาล

การอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ นช.ทักษิณ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 เป็นเรื่องดีที่ข้อกล่าวหาต่อ นช.ทักษิณ จะมีความชัดเจน ว่า เขาทำผิดตามที่ถูก คตส. กล่าวหาหรือไม่ และแน่นอนว่า องค์คณะผู้พิพากษาในคดีนี้ จะใช้หลักกฎหมาย หลักเหตุผลที่เป็นธรรม พิจารณาคดีนี้อย่างถี่ถ้วน รอบด้าน และสามารถอธิบายให้ประชาชนเข้าใจและยอมรับได้ เหมือนเช่นคำพิพากษาในคดีอื่นๆ หรืออาจจะย้อนหลังไปถึงคดีซุกหุ้นเมื่อ ปี 2544 ที่ศาลรัฐธรรมนูฯญวินิจฉัยว่า นช.ทักษิณ ไม่มีเจตนาซุกหุ้น ประชาชนก็ยอมรับกันได้

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 จึงเป็นวันพิพากษาว่า จะยึดทรัพย์ นช.ทักษิณ หรือไม่ ไม่ใช่วันชี้ชะตาประเทศไทยว่า จะเป็นอย่างไรต่อไป คนไทยไม่ควรวิตกกังวลว่า จะเกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้น ก่อนหรือหลังวันที่ 26 กุมภาพันธ์
กำลังโหลดความคิดเห็น