xs
xsm
sm
md
lg

พลิกปูม 5 รมต.มาร์ค 4 เก้าอี้นี้ ได้แต่ใดมา?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไตรรงค์ สุวรรณคีรี
วันอังคารที่ 19 ม.ค. 2553 ถือเป็นวันแรกสำหรับ 5 รัฐมนตรีใหม่ในครม. “มาร์ค 4”เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ หากไม่มีอะไรผิดพลาดทั้งหมดก็คงจะเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นนัดแรกในวันนี้

เมื่อพลิกปูม รัฐมนตรีทั้ง 5 คน มี 2 รัฐมนตรีที่ผ่านประสบการณ์ฝ่ายบริหารมาแล้วอย่างโชกโชน คือไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ และจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์รมว.สาธารณสุข

ส่วนอีก 3 คนถือว่าเป็นหน้าใหม่ป้ายแดง เพิ่งจะรับตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงเป็นครั้งแรกในชีวิต บางคนแม้จะเคยเป็นส.ส.มาแล้วเกือบสิบสมัย และบางคนก็เพิ่งรู้ตัวก่อนถูกเสนอชื่อเพียงไม่กี่ชั่วโมง

ไม่ว่าจะเป็น ชินวรณ์ บุญยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ,สุชาติ โชคชัยวัฒนากร รมช.คมนาคม, พรรณสิริ กุลนารถศิริ รมช.สาธารณสุข

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเข้าวินได้เก้าอี้ไปครอบครองของ 5 รัฐมนตรีดังกล่าว พบว่าทั้งหมดล้วนมีที่มาที่ไปอันไม่ธรรมดา

เริ่มตั้งแต่ กุนซือใหญ่ด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล “ดร.สามสี” ครั้งนี้หากไม่เป็นเพราะกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ มีปัญหาน้องชายเข้าไปพัวพันในเรื่องทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง จนพี่น้อง “สภาวสุ”เสียชื่อเสียงยับเยินทางการเมือง จนกอร์ปศักดิ์ต้องลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แทนนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ คงยากที่ไตรรงค์จะมีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรีในบั้นปลายชีวิตโดยเฉพาะกับรัฐบาล “พลังหนุ่ม”ที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจตัวจริงคุมทัพอยู่

แต่เพราะตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจจำเป็นต้องได้คนมีอาวุโส และมีประสบการณ์ในการมองภาพรวมโครงสร้างเศรษฐกิจ ทำให้ไตรรงค์ที่ครบเครื่องทั้งประสบการณ์ อาวุโสและความเก๋าเกมถูกเรียกใช้บริการ

แถมก่อนหน้านี้ก็เพิ่งเป็น หมอใหญ่ทำคลอดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญฯของสภาผู้แทนราษฏร มากับมือทุกบาททุกสตางค์ ไตรรงค์รู้หมดว่าเงินอยู่ตรงไหน กระทรวงไหน กรมไหนได้เท่าไหร่และเขียนโครงการเอาไว้ว่าจะเอาไปทำอะไร

ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดของไตรรงค์ ทำให้เข้ารับตำแหน่งแบบไร้คู่แข่ง

หลังจากนี้คงต้องจับตามองว่า การประสานงานร่วมกันของทีมเศรษฐกิจรัฐบาลซึ่งมีไตรรงค์เป็นผู้อาวุโสสุด จะนำทีมเศรษฐกิจรัฐบาลอภิสิทธิ์ให้แสดงผลงานให้สังคมเห็นได้แค่ไหน หรือจะเกิดปัญหาเกาเหลาต่อกันหรือไม่ แบบนี้ อาจได้เห็นดร.สามสี ผู้มีความโดดเด่นในเรื่องปากกับใจตรงกัน แสดงฤทธิ์เดชกันบ้าง


ส่วน จุรินทร์ วันนี้ ต้องเปลี่ยนจากครูจุรินทร์มาเป็นหมอจุรินทร์ แม้จะเป็นงานด้านสังคมเหมือนกันแต่ภารกิจต่างกันมาก ยิ่งกับกระทรวงสาธารณสุขเป็นที่รู้กันว่า กระทรวงนี้ “ของแรง”หากไปทำอะไรไม่ดีไว้ มีสิทธิ์หลุดจากตำแหน่งได้ง่ายๆ

จริงๆ แล้วตามข่าวจุรินทร์ก็ไม่อยากมาสธ.เพราะกำลังสนุกกับงานในศธ.แต่เนื่องจากเหตุผลทางการเมือง และจุรินทร์ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจในพรรคประชาธิปัตย์มากนัก เลยต้องยอมเล่นตามเกมของสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ต้องการผลักดันให้ชินวรณ์ ขยับจากประธานวิปรัฐบาลมาเป็นรัฐมนตรีเ ด้วยที่เป็นส.ส.มาหลายสมัย

แต่ติดขัดว่าหากชินวรณ์จะไปชิงตำแหน่งรมว.สาธารณสุข จะมีคู่แข่งขันสูงและหากต้องช่วงชิงกันจะทำให้พรรคเกิดปัญหาความแตกแยกขึ้นได้ เพราะมีแคนดิเดทท้าชิงหลายคน โดยเฉพาะ นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุงที่ได้แรงหนุนจากชวน หลีกภัยสุดตัว

เป็นทางออกให้สุเทพ ปรับจุรินทร์ไปเป็นรมว.สธ.จึงทำให้ตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการว่างลง และแม้จะมีแคนดิเดทคนอื่นลงชิงเก้าอี้นี้ด้วย ทั้งนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ,องอาจ คล้ามไพบูลย์,เฉลิมชัย ศรีอ่อน แต่เนื่องจากชินวรณ์มีความได้เปรียบมากที่สุด ทั้งเหตุผลในเรื่องโควตาเพราะชินวรณ์เป็นส.ส.นครศรีธรรมราชเช่นเดียวกับวิทยา แก้วภราดัย จึงเป็นการรักษาโควตานครศรีธรรมราชเอาไว้

อีกทั้งชินวรณ์ก็เป็นอดีตครูเก่า แถมทำงานด้านการศึกษามาตลอดไล่ตั้งแต่การเป็นกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฏรทุกสมัย,เป็นรัฐมนตรีเงากระทรวงศึกษาธิการให้กับพรรคประชาธิปัตย์มาตลอดและมีบทบาทสำคัญในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการทุกครั้ง และยังเป็นคีย์แมนสำคัญของพรรคที่มีส่วนในการร่วมยกร่างนโยบายพรรคในเรื่องการศึกษามาตลอด

จึงทำให้ชินวรณ์ได้รับการโหวตให้เป็นรมว.ศึกษาธิการ แบบไร้คู่แข่งขัน


ขณะที่ สุชาติ โชคชัยวัฒนากร รมช.คมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย ก็ถือว่าครั้งนี้ประสบความสำเร็จในชีวิตการเมืองแล้วหลังจากเล่นการเมืองมาหลายสิบปี เป็นหนึ่งในเด็กปั้นภาคอีสานของพรรคกิจสังคมตั้งแต่ยุคมนตรี พงษ์พานิช จนได้เป็นส.ส.หลายสมัยแต่ไม่เคยได้เป็นรมต.เลยสักครั้ง

ครั้งนี้ สุชาติคงต้องขอบคุณเนวิน ชิดชอบ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยตัวจริง ที่บีบให้ประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ลาออกจากรมช.คมนาคมเพื่อเปิดเก้าอี้ให้สุชาติ ตามคำมั่นสัญญาที่เนวินให้ไว้กับสุชาติตั้งแต่ตอนปรับครม.ในตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ของชาติชาย พุคยาภรณ์ ซึ่งตอนนั้นเนวินขอให้สุชาติเสียสละเก้าอี้ให้ศุภชัย โพธิ์สุ โดยเนวินรับปากว่าหากมีการปรับครม.เมื่อใด สุชาติ คือคนเดียวเท่านั้นที่จะถูกเสนอชื่อให้รับตำแหน่งในโควตากลุ่มเพื่อนเนวิน ซึ่งเนวินก็ทำตามสัญญาลูกผู้ชายที่ให้ไว้

บทบาทที่สำคัญต่อจากนี้ของสุชาติก็คือการทำให้ เสื้อน้ำเงิน สามารถปักธงในพื้นที่มหาสารคามให้ได้ หลังจากเกือบทำได้สำเร็จในการเลือกตั้งซ่อมมหาสารคามเมื่อ 3 มกราคม 53 ที่ผ่านมา รวมถึงภารกิจสำคัญคือการผลักดันโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีของขสมก. 4 พันคันให้สำเร็จให้ได้ หากทำไม่ได้ สุชาติ ก็อาจต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกับประจักษ์แน่นอน

ส่วนรมต.คนสุดท้าย คือ พรรณสิริ ถือว่าเข้าป้ายแบบเจ้าตัวตัดชุดแทบไม่ทัน แม้ลึกๆ น่าจะรู้อยู่แล้วว่า สมศักดิ์ เทพสุทินพี่ชายวางตัวให้เป็นทายาทการเมืองแถวสามของตระกูลต่อจากอนงค์วรรณ เมียรักสมศักดิ์ เพียงแต่อาจไม่คิดว่าจะเร็วปานนี้

หลังจากมีการโยนหินถามทางคนที่จะมาเป็นรมช.สธ.กับสังคมผ่านสื่อทั้งประศาสตร์ ทองปากน้ำ และเรืองศักดิ์ งามสมภาค รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย แต่ทั้งสองคนล้วนเจอแรงต้าน คือกลุ่มแพทย์ชนบทที่ต้านนายประศาตร์และส.ส.กลุ่มสมศักดิ์ที่ขวางเรืองศักดิ์ เพราะเห็นว่าจะมาชุมมือเปิบทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรให้กลุ่มเป็นชิ้นเป็นอัน

เลยเข้าทาง ทำให้สมศักดิ์นำเหตุผลเรื่อง หาคนที่เหมาะสมไม่ได้เพราะทั้งประศาสตร์และเรืองศักดิ์มีปัญหาไปคนละแบบ เลยอ้างเหตุขอแก้ปัญหาด้วยการ

“เดินสายกลาง”คือเอาคนในครอบครัว –สายเลือดเดียวกันมาเป็น “นอมินี”รับตำแหน่งแบบสมบัติผลัดกันชมชนิดไม่แคร์ความรู้สึกประชาชน

แถมถูกตั้งข้อสังเกตจากคนในพรรคเดียวกันเองว่า สมศักดิ์แกล้งโยนชื่อ ประศาสตร์-เรืองศักดิ์ออกมาเพื่อให้สังคมและคนในพรรคออกมาต้าน เพราะต้องการผลักดันน้องสาวตัวเองขึ้นมาเป็นทายาทการเมืองอยู่แล้ว พอได้จังหวะก็อ้างเหตุว่าเพื่อแก้ปัญหาไม่ให้พรรคเกิดการแย่งเก้าอี้กัน เลยเอาน้องสาวตัวเองมาเป็น รมต.เสียเลย

แผนนี้ คนในกลุ่มสมศักดิ์ด้วยกันเองที่เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ได้แต่กัดฟันด้วยความเจ็บแค้นที่ไล่ตามสมศักดิ์ ไม่ทัน กว่าจะรู้ตัว เก้าอี้ รมช.สธ.ก็เสร็จ “พี่น้องเทพสุทิน”ไปเรียบร้อยแล้ว
สุชาติ โชคชัยวัฒนากร
ชินวรณ์ บุญยเกียรติ
สุชาติ โชคชัยวัฒนากร
พรรณสิริ กุลนารถศิริ
กำลังโหลดความคิดเห็น