“นิพิฏฐ์” ปัดข่าวน้อยใจ หลังพลาดเก้าอี้รัฐมนตรี ยันอยู่พรรคเดิมล้านเปอร์เซ็นต์ ตราบใดที่ “ชวน” ยังอยู่ ย้ำควรให้นายกฯ เป็นคนเลือก รมต. เพราะรู้ดีว่าควรเอาใครไปไว้ไหน พ้ออยู่ในพรรคมานานแต่คนรุ่นหลังไม่รู้จัก ทั้งที่ต่อสู้กับทักษิณตลอด จนโดนไป 7 คดี เหน็บเป็นรัฐบาลทำงานง่าย แต่ ส.ส.ต้องพิสูจน์ฝีมือตอนเป็นฝ่ายค้าน
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวน้อยใจที่ไม่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีและจะยุติบทบาททางการเมืองว่า ไม่เป็นความจริง ไม่ได้รู้สึกน้อยใจที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี กรณีที่พรรคมีมติเลือกนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และประธานวิปรัฐบาล เป็น รมว.ศึกษาธิการคนใหม่ ตนยังโทรศัพท์ไปแสดงความยินดี 3-4 ครั้งแต่ติดต่อไม่ได้ จึงตัดสินใจส่งเอสเอ็มเอสไป แต่ที่มีข่าวดังกล่าวเป็นเพราะมีสื่อมาถามว่าจะย้ายพรรคหรือไม่ ซึ่งได้ยืนยันไปว่าไม่คิดจะเปลี่ยนพรรคล้านเปอร์เซ็นต์ และตราบใดที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคยังอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ตนก็จะยังอยู่กับพรรค เพราะถือว่านายชวนเป็นเทพเจ้าทางการเมืองของตน แต่ถ้าไม่มีนายชวนอาจยุติบทบาทเลยก็ได้ แต่ตนไม่ได้บอกว่าจะเลิกเล่นการเมืองในสมัยหน้า
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า หลังจากมีข่าวออกไป นายชวนได้โทรศัพท์มาถามตน และก็ได้ชี้แจงไปแล้ว ทั้งนี้ เห็นว่าหากพรรคใช้ระบบการเลือกรัฐมนตรี โดยผ่านที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ณ เวลานี้เชื่อว่าตนไม่มีทางได้รับเลือกจากที่ประชุม ดังนั้นเห็นว่าการปรับคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รู้ดีที่สุดว่าควรจะเอาใครไปอยู่ที่ไหน
“สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้วิกฤตอย่างนี้ แต่ละคนรู้จักคนไม่เท่ากัน ผมอยู่มา 8 ปี คนที่อยู่ 4-5 ปีไม่รู้จักว่าผมทำอะไรมา บางครั้งการตัดสินใจอาศัยความคุ้นเคย รู้จักเฉพาะหน้า แต่ในอดีตใครทำอะไรมาบ้าง กรรมการบางคนยังไม่รู้ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครในพรรคขึ้นเป็นรัฐมนตรี ผมไม่ติดใจ ผมยินดีสนับสนุนและแสดงความยินดีกับทุกคน ใจผม 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับพรรค แต่เสียดายที่คนยุคหลังไม่รู้จักผม ผมไม่น้อยใจ ผมเห็นว่าเราศึกษาประวัติศาสตร์กันน้อย ตอนที่เราทำงานสู้กับรัฐบาลทักษิณ ผมคิดว่าผมทำงานไม่แพ้ใคร อยากบอกคำนี้ ผมโดนคดีไป 7 คดี ตอนเป็นรัฐบาลทำงานง่าย แต่ ส.ส.เขาพิสูจน์กันตอนเป็นฝ่ายค้าน” นายนิพิฏฐ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่รัฐบาลทำงานมาครบ 1 ปีควรต้องมีการพิจารณาและทบทวนการทำงานหรือไม่ นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์คนในพรรค และขอให้กำลังใจเสมอ ทั้งนี้เห็นว่าการจะเปลี่ยนรัฐมนตรีหรือไม่ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับเวลา แต่ขึ้นอยู่กับว่าทำงานได้หรือไม่ หากคนที่ทำงานได้อยู่ 4-5 ปี ก็ไม่เป็นไร แต่บางคนถ้ามีปัญหา อยู่ไม่กี่เดือนหรือทำงานไม่ได้ ก็ไม่สมควรอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี
