xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ถก “ปทีป” แจงมติ ก.ตร. "สุเทพ" ดันเข้าครม.แน่ ถ้าถูกค้านก็จบ เมินพธม.ถอดยกแผง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
“อภิสิทธิ์” ถึงศาลอาญา ตามนัดไต่สวนฟ้อง “จตุพล่าม” หมิ่น 2 คดี เผยเรียก “ปทีป” ถกเช้านี้ คุยมติ ก.ตร. ด้าน "สุเทพ" ดันทุรังนำมติก.ตร. เข้าครม.อังคารนี้ บอกถ้านายกฯค้านก็จบ ยันตนเป็นประธานไปสั่งกรรมการไม่ได้ จวกสื่อถามบ่นลำบากทำไมไม่ให้นายกฯนั่งเองพูดหาเรื่อง ซัดป.ป.ช.สะแหล๋นพิจารณาวินัยตำรวจ คาด 3 นายตำรวจรอผลครม.ก่อนค่อยร้องศาลปกครองเอง เชิญตามสบาย พันธมิตรฯยื่นถอดยกแผง เชื่อไม่กระทบเลือก ผบ.ตร.ใหม่ รับมติ 7 ตุลา สะเทือนขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่



วันนี้ (18 ม.ค.) ที่ศาลอาญา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางมาตามนัดไต่สวนมูลฟ้องนัดแรกกรณีฟ้องหมิ่นประมาทนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่กล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการส่งฎีกาอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของกลุ่มคนเสื้อแดง และการไต่สวนมูลฟ้องกรณีฟ้องหมิ่นประมาทนายจตุพร ที่กล่าวหาว่าเป็นอาชญากรสั่งฆ่าประชาชน สร้างสถานการณ์จลาจลในกรุงเทพมหานครช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2552

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเปิดเผยผลการพูดคุยกับ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า เป็นการหารือถึงกรณีมีมติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ที่กลับมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้ 3 นายตำรวจ เข้ารับราชการหลังถูกชี้มูลความผิดกรณี 7 ตุลา และกรณีปล่อยคนรักอุดรทำร้ายพันธมิตรฯ โดยใช้เวลาหารือกันประมาณ 30 นาที

"สุเทพ" ดันเข้าครม.แน่ ชี้ถ้าถูกค้านก็จบ เมินพธม.ถอดยกแผง

ขณะที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เปิดเผยถึงความชัดเจนการพิจารณาของก.ตร. เกี่ยวกับ 3 ตร.ที่ถูกปปช.ชี้มูลความผิดร้ายแรงว่า เมื่อก.ตร.ยืนยันมติให้ 3 ตร.กลับเข้ารับราชการอีกครั้ง ตนก็คงจะนำมติดังกล่าวให้นายกฯ เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.อีกครั้ง ถ้าครม.มีความเห็นเช่นเดียวกับที่ก.ตร.เห็น ก็อาจจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ แต่ถ้ามีความเห็นแย้งกับก.ตร. ทุกอย่างก็จบแค่นั้น ถือว่าสุดทางของอำนาจของฝ่ายบริหารแล้ว ส่วนก.ตร.ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลถึงเวลานั้นก็ต้องปฏิบัติตามที่รัฐบาลสั่ง

“เรื่องนี้อย่ากังวลใจว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร มันเป็นแค่ความเห็นทางกฎหมายที่ไม่เหมือนกันเท่านั้น ซึ่งก็พยายามจะหาข้อยุติ เมื่อนายกฯสั่งการเป็นอย่างหนึ่ง อย่างใดแล้ว ก.ตร.ก็จะต้องปฏิบัติตามนั้น” รองนายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการทำผิดหน้าที่ของปปช.หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ใช่ แต่เป็นความเห็นของก.ตร.ที่ว่า ความผิดวินัยนั้นไม่น่าจะอยู่ในฐานความผิดที่กำหนดไว้ในกฎหมายปปช. ซึ่งเป็นความเห็นของนักกฎหมายที่เห็นต่างกัน เมื่อถามว่าดูเหมือนปปช.ไม่รู้หน้าที่ที่ความจริงมีหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ แต่ทำไมเอาเรื่องของวินัยมาพิจารณา “ก็นั่นไง ครับ มันจึงทำให้ก.ตร.ส่วนหนึ่งคิดว่าไม่น่าจะใช่ แต่ขณะที่ในซีกปปช.เขาถือว่าความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ทุกฐานความผิด เป็นอำนาจที่ปปช.จะสามารถพิจารณาได้” อย่างไรก็ตามในฐานะฝ่ายบริหารก็ดำเนินไปให้สุดทาง ส่วนผู้เสียหายจะดำเนินการอย่างไรต่อไปก็เป็นสิทธิ

เมื่อถามว่ากรณีที่นายกฯมีความเห็นเชิงตำหนิก.ตร.จะทำให้มีปัญหากลายเป็นความขัดแย้งระหว่างนายกฯกับก.ตร.หรือไม่ นาย สุเทพ กล่าวว่า ตนไม่คิดว่านายกฯจะตำหนิก.ตร. แต่นายกฯเพียงแต่แสดงความเห็นว่าตอนเป็นฝ่ายค้านเคยร่างและพิจารณากฎหมายนี้ ซึ่งในจุดยืนของนายกฯเห็นว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องดูแลรักษาระบบให้มีการถ่วงดุล ต้องดูแลองค์กรอิสระทั้งหลายและนายกฯก็เห็นว่า คนที่จะตัดสินว่าปปช.ผิดหรือถูกก็ต้องเป็นองค์กรอิสระด้วยกัน ซึ่งนี่เป็นดุลพินิจของนายกฯ และดุลพินิจนายกฯก็ต้องสูงกว่าก.ตร.อยู่แล้ว ก.ตร.ไม่สามารถไปขัดแย้งกับนายกฯได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อเป็นอย่างนี้ ทางก.ตร.จะให้ความเป็นธรรมกับ 3 ตร.อย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ถือว่าก.ตร.ได้ทำหน้าที่ของตัวเองสมบูรณ์แล้ว แต่เมื่อทำไปแล้วก็ไม่สำเร็จ ก.ตร.ต้อง การให้ความเป็นธรรมกับตำรวจเหล่านั้น แต่เมื่อทำไปแล้วอำนาจสิทธิขาดไม่ได้อยู่ที่ก.ตร. เมื่อเป็นเช่นนี้ก.ตร.ก็ต้องยอมรับบทบาทตัวเองว่ามีอำนาจหน้าที่เพียงแค่นั้น

เมื่อถามว่า นายกฯได้ตำหนิท่านในฐานะประธานก.ตร.บ้างหรือไม่ในเรื่องนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า นายกฯคงไม่ตำหนิตน เพราะเข้าใจดีว่าการทำงานในรูปของคณะกรรมการ คนที่เป็นประธานไม่สามารถจะบอกกับกรรมการทั้งหลายได้ว่าต้องซ้ายหัน ขวาหัน กรรมการมีมากและแต่ละคนก็มีความเห็นของตัวเอง และส่วนใหญ่ก็รู้กฎหมายมากกว่าตน แต่ตนมีหน้าที่ควบคุม กำกับการประชุมให้เรียบร้อยและฟังความเห็นของทุกฝ่าย เมื่อเขามีมติของเสียงส่วนใหญ่อย่างไรก็เสนอนายกฯ เมื่อ ถามว่ากรณีนี้จะทำให้กระทบต่อขวัญและกำลังใจของตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ก็คงมีบ้าง และคงเป็นประเด็นหนึ่งที่ในที่ประชุมก.ตร.เขาอภิปรายกัน

“เป็นเหตุผลหนึ่งในที่ประชุมก.ตร.ที่เขาอภิปรายกันและเห็นว่าเกิดความลักลั่นในเรื่องของการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างปปช.กับราชการอื่น ซึ่งก็มีผลกระทบต่อข้าราชการ”รองนายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงท่าทีของนายกฯที่ดูจะมีปัญหากับองค์กรตำรวจจะกระทบต่อการทำงานร่วมกันของท่านกับตำรวจหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้มีปัญหากับองค์กรตำรวจ แต่นายกฯเป็นหัวหน้ารัฐบาลที่ต้องใช้ดุลพินิจในขั้นตอนสุดท้ายว่าจะเลือกทางไหน หากมีความเห็นของผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหลากหลายความเห็น ไม่ใช่เรื่องของความขัดแย้ง

เมื่อถามว่านายกฯบอกว่าท่านมาบ่นว่าลำบากใจในการพิจารณาของก.ตร.หลายเรื่อง รองนายกฯ กล่าวว่า เป็นธรรมดา บางเรื่องเห็นด้วย บางเรื่องก็ไม่เห็นด้วย เมื่อถามว่าหากลำบากใจทำไมไม่ให้นายกฯมาทำหน้าที่ประธานก.ตร.บ้าง นายสุเทพ กล่าวว่า “ถามอย่างนี้ผมคิดว่าคุณหาเรื่องผมแล้วล่ะ”

นาย สุเทพ กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ได้คุยกับนายกฯ ประจำ ซึ่งในมุมมองของตนกรณีนี้เป็นกรณีของการปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งแต่ละฝ่ายอาจจะมีจุดยืนที่ไม่เหมือนกัน สำหรับตนไม่เห็นว่ากรณีของตำรวจ 3 นายนี้จะเป็นปัญหาของประเทศชาติโดยส่วนใหญ่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็ต้องปฏิบัติไปตามกฎหมายเท่านั้น เมื่อถามว่าจะทำให้ตำรวจเกิดความกระด้างกระเดื่องต่อรัฐบาลหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มี

“ผมทำงานกับตำรวจมาจนถึงวันนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร มี เพียงกรณีนี้กรณีเดียวที่ทำให้ตำรวจบางส่วนรู้สึกว่าในการเข้าไปทำหน้าที่ ของตำรวจ ไม่แน่ใจว่าทำแล้วจะมีผลทางกฎหมายอย่างไร ซึ่งก็จะเห็นว่าทำให้ตำรวจบางส่วนรู้สึกกลัว ๆ แต่เมื่อได้ดำเนินการไปจนถึงที่สุดแล้วมันก็ต้องจบ”นายสุเทพ กล่าว

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าจะนำข้อมูลใหม่จากนายกฯ ไปให้ที่ประชุมก.ตร.พิจารณา แต่ผลที่ออกมามติก.ตร.ก็ยังเหมือนเดิม รองนายกฯ กล่าวว่า ข้อมูลใหม่ที่นายกฯให้ก็คือความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ได้อ้างถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็มีก.ตร.บางท่านก็เปลี่ยนใจ แต่ก.ตร.ส่วนใหญ่ก็ยังเห็นว่าแม้ว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่คำวินิจฉัยนั้นเป็นการวินิจฉัยกรณีความผิดที่ทุจริตต่อหน้าที่ไม่ใช่ความ ผิดทางวินัย มันค่อนข้างที่จะเป็นปมทางกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องของความขัดแย้งอะไร เมื่อ ถามว่าเมื่อเป็นปมทางกฎหมายอย่างนี้ทางศาลรัฐธรรมนูญน่าจะตีความเพื่อเกิด ความชัดเจนเลย นายสุเทพ กล่าวว่า ทางก.ตร.เขาก็คิดอย่างนั้น แต่เมื่อนายกฯหรือครม.ไม่เห็นด้วยกับก.ตร.ทุกอย่างก็ต้องจบ ก็ไปว่ากันทางอื่น

ส่วนกรณีผู้เสียหายจะไปฟ้องศาลปกครองหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เคยมีกรณีของ โอ๋สืบ 6 (พ.ต.ท.ฤทธิรงค์ เทพจันดา หรือชื่อใหม่ พ.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง) เคยไปฟ้องศาลปกครองเหมือนกัน แต่เขาคงรอให้การดำเนินการเรื่องนี้สุดทางก่อน

ส่วนที่ทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะยื่นฟ้องต่อปปช.จากกรณีมติของก.ตร. เพราะถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ทุกคนสามารถที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายได้

เมื่อถามว่ากรณีของเรื่องนี้จะมีผลทำให้การคัดเลือกตัวผบ.ตร.ยากขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะก.ตร.เป็นเรื่องของคณะกรรมการนโยบายของตำรวจ และมีหน้าที่ในการแต่งตั้งนายตำรวจคนเดียวซึ่งก็คือผบ.ตร.เท่านั้น ส่วนก.ตร.มีหน้าที่ในการกำกับราชการของตำรวจในทางปฏิบัติ มีหน้าที่ในการแต่งตั้งนายตำรวจตั้งแต่ระดับรองผบ.ตร.ลงไป ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน และกรรมการก็คนละชุด ยืนยันไม่มีปัญหาในการที่จะมีกระทบไปถึงก.ตช.
กำลังโหลดความคิดเห็น