"สมลักษณ์" ซัด ก.ตร.ไม่น่าจุ้นมติ 7ตุลา ควรปล่อย 3 ตำรวจยื่นศาลปกครองวินิจฉัย แต่เชื่อไม่ทำ 2 องค์กรบานปลาย บอกก็ดี ส่งศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน แต่เย้ยยังไงก็กลับรับราชการไม่ได้ เพราะมีคดีตัวอย่างมาแล้ว เตรียมนัดถก อังคารนี้
วันนี้ (16 ม.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ยืนยันมติเดิมที่จะให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผบ.บช.น. พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ที่ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง ในคดีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธมฯ)เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม2551 ว่า ที่ผ่านมากรรมการป.ป.ช.ได้ทำหนังสือเพื่อขอมติอย่างเป็นทางการของที่ประชุมก .ตร.เพื่อที่จะนำมาพิจารณาในประชุมป.ป.ช. แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว อย่างไรก็ตามคาดว่าน่าจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมป.ป.ช.ในวันที่ 19 มกราคม นี้ ทั้งนี้เห็นด้วยที่ก.ตร.มีมติ ให้ส่งเรื่องต่อมายังคณะรัฐมนตรี เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดเพราะเป็นความคัดแย้งทางข้อกฎหมาย ระหว่าง 2 หน่วยงาน แต่แนวทางที่ดีที่สุด ก.ตร.ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานและการบังคับบัญชาของเจ้า หน้าที่ตำรวจ ดังนั้นควรปล่อยให้ผู้ที่ถูกชี้มูลความผิด ยื่นเรื่องไปยังศาลปกครอง เพื่อให้วินิจฉัยชี้ขาดจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดและเชื่อว่าจะไม่เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างการทำงานของป.ป.ช.และก.ตร.
น.ส.สมรักษ์ ยังเชื่อว่า อดีตนายตำรวจทั้ง 3 คน ไม่สามารถกลับเข้ามาทำหน้าที่ได้ เนื่องจากเป็นในอดีตเคยมีคดีในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว และเมื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด ศาลรัฐธรรมนูญก็มีมติให้ยืนตามมติของป.ป.ช.เนื่องจากเป็นการทำงานภายใต้ขอบ เขตพ.ร.บ. ป.ป.ช.พ.ศ.2542
“ส่วนตัวเห็นว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีมีแนวคิดให้ทบทวนมติก.ตร. ที่ประชุมก.ตร.ก็น่าจะมีแนวทางเดียวกับนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อยืนยันตามมติเดิม ก็ไม่เป็นไรและไม่ใช่เรื่องแปลก ทุกคนก็มีเหตุผลด้วยกันดังนั้นแนวทางแก้ไขก็ควรที่จะให้องค์กรที่มีอำนาจ อย่างศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดก็จะเป็นเรื่องที่ดี และจะยิ่งทำให้แนวทางการทำงานของป.ป.ช.และผู้ที่ถูกชี้มูลความผิดมีความ ชัดเจน และจะใช้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้ยืนยันว่าป.ป.ช.คงจะไม่ไปทะเลาะกับองค์กรใด และไม่เคยมีขัดแย้งกับอดีตนายตำรวจที่ถูกชี้มูลความผิดมาก่อน” น.ส.สมลักษณ์ กล่าว
ด้าน นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. กล่าวว่า ตนได้ทราบเรื่องแล้วและคงต้องมีการนำเรื่องเขาสู่ที่ประชุมป.ป.ช.ต่อไป แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับประธานป.ป.ช.ว่าจะมีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีปัญหาเป็นรอยร้าวของทั้ง 2 องค์กร
