แกนนำเพื่อแผ่นดิน ตบเท้าอวยพรปีใหม่ “เติ้ง เสี่ยวหาร” ยืนยันร่วมหัวจมท้ายแก้รัฐธรรมนูญ 2 มาตรา ตามพรรคชาติไทยพัฒนา เจ้าตัวลั่นถอยแก้มามาก ขอแค่ 2 น่าจะให้กันได้ ปัดบีบประชาธิปัตย์ ยันทำตามคำพูดนายกฯ รอวัดใจ ส.ส.ในสภาฯ เอา ด้าน “ชาญชัย” ยัน ส.ส.2 พรรคบวก “ภูมิใจห้อย” พร้อมผนึกกำลังยื่นเรื่องทันทีเมื่อเปิดสภาฯ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายบรรหาร ศิลปอาชา ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (8 ม.ค.) ที่บ้านศิลปอาชา แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน นำโดย นายพินิจ จารุสมบัติ, ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี, นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และรมว.อุตสาหกรรม, ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ นพ.พฤติชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง ได้เดินทางเข้ามาอวยพรปีใหม่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น ทั้งเรื่องการทำงานในกระทรวงที่แต่รัฐมนตรีรับผิดชอบ รวมถึงการลงพื้นที่ ทั้งนี้ได้นายชาญชัยได้มอบหนังสือ Who Are You ซึ่งเป็นหนังสือที่รวบรวมบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจจำนวน 47 คน โดยนายชาญชัยได้เป็นผู้จัดทำขึ้น นอกจากนี้นายบรรหาร กล่าวว่า ห้องที่รับรองอยู่ในขณะนี้เป็นห้องที่เคยจัดตั้งรัฐบาลที่มีแกนนำเป็นพรรคประชาธิปัตย์มาแล้วถึง 2 ครั้ง ตั้งแต่สมัยที่นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แล้วสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ และมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายพินิจได้กล่าวเสริมว่าตอนนี้เราต้องทำเพื่อประเทศชาติเป็นหลัก
จากนั้นแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินได้ร่วมกันนำแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่เข้าอวยพรนายบรรหาร โดย ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ เป็นตัวแทนกล่าวอวยพรว่า วันนี้พวกเราในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าของนายบรรหาร ก็ถือโอกาสนี้มาขอบคุณท่านในฐานะเป็นอาจารย์ทางการเมือง และต้องรู้คุณ กตัญญูและตอบแทน สิ่งเหล่านี้ในกลุ่มแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินมาเกือบทั้งหมดก็เพื่อมายืนยันเอ็มโอยูถึงความแน่นแฟ้นเป็นปึกแผ่น เราจะเดินไปด้วยกัน รวมทั้งยืนยันสัตยาบันว่าทางพรรคเพื่อแผ่นดินจะรับแนวทางชี้นำจากนายบรรหาร รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 2 ประเด็น เพื่อให้ประเทศก้าวสู่ความสมานฉันท์ และเรายืนยันที่จะเดินเคียงข้างท่านไม่ให้โดดเดี่ยวขอให้ท่านมั่นใจได้ และขออวยพรให้นายบรรหารเป็นเสาหลักของบ้านเมืองและมีพลานามัยที่แข็งแรง อายุถึง 150 ปี
ด้าน นายบรรหารกล่าวว่า ปีใหม่ปีนี้ตนเองมีความปลาบปลื้มยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในอดีตที่ผ่านมาเราเคยอยู่ร่วมกันมาตลอด การเมืองที่ผ่านมาบ้านเมืองเป็นไปอย่างเรียบร้อย เป็นการเมืองที่สร้างสรรค์ นำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญก้าวหน้าได้ แต่การเมืองขณะนี้มันพัฒนาไปไกล มีความคิดเห็นแตกแยกกันไปคนละทิศคนละทางยากที่จะสมานฉันท์กัน ดังนั้น ในฐานะที่พวกเราอยู่ในวงการเมืองด้วยกัน แม้เราจะอยู่คนละพรรคแต่ใจก็เหมือนพวกเดียวกันทั้งหมด เราอยู่คนละพรรคพวกเดียวกันดีกว่าอยู่พรรคเดียวกันแต่คนละพวก ดังนั้นอะไรที่จะทำให้บ้านเมืองไปสู่ความสงบเรียบร้อยสมานฉันท์ ตนก็จะทำและขอให้น้องๆจากพรรคเพื่อแผ่นดินให้เดินทางไปในทิศทางที่ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถมีความสุขความสบายเพื่อให้เห็นบ้านเมืองไป ตลอดรอดฝั่ง ชีวิตนี้เราจะเอาอะไรอีก คนเราเกิดมาก็มีแต่ตัว ไม่มีเสื้อผ้า ตายไปก็เหมือนกัน ไปแต่ตัวไม่มีเสื้อผ้า
“ดังนั้น หากเราดำรงชีวิตอยู่ได้เพื่อให้ประชาชนมีความสุขและทำทุกอย่างให้เกิดความดีต่อประเทศชาติ เราก็ควรจะทำ ดังนั้น ขอแอบอ้างพรรคชาติไทยพัฒนาเพราะผมก็ถูกเว้นวรรค แต่บังเอิญน้องชายเป็นหัวหน้าพรรคและได้รับฉันทานุมัติในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาว่า ให้พี่ไปพูดแทนหัวหน้าพรรคได้เลยว่า พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคเพื่อแผ่นดินก็จะจับมือจูงมือกันเหมือนพี่เหมือนน้อง เกี่ยวก้อยกัน เดินบนเส้นทางการเมืองให้ไปตลอดรอดฝั่ง มีอะไรปรึกษาหารือกันถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เราเดินหน้าบ้างถอยบ้างให้เกิดผลดี พี่อาจจะยอมน้องน้องอาจจะยอมพี่เพื่อความชื่นมื่นซึ่งกันและกัน เปรียบเหมือนคู่รักกัน ต่อไปผมยินดีหากจะให้รับใช้อะไรก็บอกมา ในขณะนี้รัฐธรรมนูญเราถอยมามากแล้วจนถึงที่สุดแล้ว เดิมแก้ทั้งฉบับ ตอนหลัง 6 ประเด็น ไม่ได้ก็มาเหลือแค่ 2 ประเด็นก็น่าจะให้กันได้ จะได้เดินหน้ากันต่อไปได้ ก็ต้องขอบคุณนายชาญชัยที่ให้สัมภาษณ์ว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะเอาอย่างไรก็เอาด้วย” นายบรรหารกล่าว
ทั้งนี้ นายบรรหารยังอวยพรขอให้พรรคเพื่อแผ่นดินเจริญก้าวหน้า มีสมาชิกเป็น 100 คนและเป็นที่พึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาต่อไป และที่อวยพรให้ตนอายุ 150 ปี มันมากเกินไป เอาแค่120 ปีให้เดินได้เตะได้ก็พอ
ด้าน นายชาญชัยกล่าวว่า กรณีการยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2550 ใน 2 ประเด็นของพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งต้องใช้รายชื่อจำนวน 1 ใน 5 ของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดนั้น ขณะนี้รายชื่อพร้อมแล้ว ซึ่งประกอบไปด้วย ส.ส.ทั้ง 3 พรรค และพร้อมจะยื่นร่างดังกล่าวทันทีเมื่อเปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปในวันที่ 21 ม.ค.นี้
จากนั้น นายบรรหารพร้อมด้วยคณะของพรรคเพื่อแผ่นดินร่วมกันแถลงข่าว โดยนายบรรหาร กล่าวว่า พรรคเพื่อแผ่นดินมาอวยพรปีใหม่ตนและได้มีความเห็นร่วมกันว่า อยากทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยสามัคคี สมานฉันท์ จึงเห็นว่าสองพรรค มีแนวทางความคิดเห็นตรงกัน ซึ่งแม้ว่าจะอยู่กันคนละพรรคแต่ก็พวกเดียวกัน ไม่ใช่พรรคเดียวกัน แต่คนละพวก ความสัมพันธ์เราแนบแน่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือว่าพรรคชาติไทยพัฒนากับพรรคเพื่อแผ่นดินจับมือกันเพื่อเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า เป็นการพูดให้คำมั่นสัญญาว่าจะเดินการเมืองไปด้วยกันระหว่างพรรคชาติไทย พัฒนากับพรรคเพื่อแผ่นดิน แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ซึ่งเดิมจะแก้ทั้งฉบับแล้วเหลือแก้ 6 ประเด็นก่อนจะเสนอแก้เพียง 2 ประเด็นเท่านั้น ก่อนที่จะยื่นต่อรัฐบาลโดยพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องรอฟังว่าเขาจะตอบอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ท่าทีที่ชัดเจน นายบรรหารกล่าวว่า เห็นว่าบอกให้เป็นเรื่องของรัฐสภา ดังนั้นไม่น่ามีปัญหา เราก็เดินในทางรัฐสภาก็หมดเรื่อง
เมื่อถามว่าแสดงว่า 3 พรรค คือ ชาติไทยพัฒนา เพื่อแผ่นดินและภูมิใจไทยมีจำนวนเสียงเพียงพอที่จะขอยื่นแก้รัฐธรรมนูญต่อรัฐสภาใช่หรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า หากเสียงพอก็ยื่นเลย เมื่อถามย้ำว่าไม่ต้องรอฟังเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า “ก็นายกฯบอกแล้วว่าให้เป็นเรื่องของสภาแล้วพอถึงสภาก็วัดกันล่ะที่นี้ วัดใจกันตรงนั้นเลย วัดใจคนทั้งสภา ไม่เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ แต่พรรคอื่นๆ ด้วย ตอนนี้ถ้าสภาเปิดก็เตรียมยื่นแล้ว”
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาด้วยจะทำให้เป็นปัญหากับการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาล หรือการร่วมรัฐบาลเป็นคนละเรื่องกัน รัฐบาลก็ยังอยู่ต่อไป ซึ่งตนก็อยากให้อายุของรัฐบาลยืนยาวนานที่สุด เพราะนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯที่เก่งหลายเรื่อง
นายบรรหารกล่าวว่า แต่ถ้าจะให้คลี่คลายปัญหาบ้านเมืองทั้งหมดได้ จะต้องแก้รัฐธรรมนูญปี 50 ทั้งฉบับ แต่เมื่อแก้ทั้งฉบับไม่ได้ก็เอาแค่ 2 ประเด็น คือ มาตรา 190 เรื่องการทำสนธิสัญญาที่ต้องนำเข้าสภาก่อน และประเด็นการกำหนดเขตเลือกตั้งที่ควรจะให้เป็นแบบวันแมนวันโหวต เมื่อถามว่าจะมีการหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้งก่อนหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า เรื่องนั้นตนไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นต้องฟังความเห็นจากพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า หากจะต้องแก้รัฐธรรมนูญปี 40 ทั้งฉบับเราคงไม่เอา เพราะคงทำงานลำบาก ซึ่งเชื่อว่าคงไม่สำเร็จ และพรรคเพื่อไทยเขาก็ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข 2 ประเด็น ที่เราเสนอด้วย คงลำบาก ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นถ้าจะเอาฉบับ 40 คงเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามตนอยากเห็นพรรคการเมืองทุกพรรคมีความสามัคคีมีอะไรให้พูดคุยกัน ประเทศชาติจะได้อยู่รอด
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเห็นอย่างไรต่อกรณีที่นายกฯ และพรรคประชาธิปัตย์กดดันให้นายมานิต นพอมรบดี ลาออกจาก รมช.สาธารณสุข นายบรรหารกล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเราไม่ได้พูดคุยกันว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อถามว่าหากเกิดกรณีเดียวกันกับพรรคชาติไทยพัฒนาบ้างจะทำอย่างไร นายบรรหารกล่าวว่า กรุณาอย่าสมมติเพราะเรื่องสมมติมักจะทำให้ยุ่ง เอาให้จริงก่อนแล้วมาคุยกัน เมื่อถามว่าการทำงานของรัฐมนตรีทุกคนจำเป็นต้องอยู่ภายใต้กฎเหล็ก 9 ข้อของนายกฯหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ากฎเหล็กนั้นออกมาอย่างไร จึงให้ความเห็นไม่ได้ และไม่รู้ว่าทั้งหมด 9 ข้อ มีอะไรบ้าง เป็นมติครม.หรือไม่ ขอบเขตกว้างขวางเพียงใด เนื่องจากตนไม่ได้อยู่ในรัฐบาล แต่พรรคชาติไทยพัฒนาได้ระมัดระวังรัฐมนตรีที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา ส่วนพรรคอื่นไปตอบแทนไม่ได้ ซึ่งตนรู้สึกเป็นห่วงเรื่องการเมือง เพราะการเมืองขณะนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน ที่ไม่มีความรุนแรง แต่ในความเป็นห่วงนี้จะช่วยกันแก้อย่างไรก็เป็นหน้าที่ของพวกเราทั้งหลาย รวมทั้งสื่อมวลชนที่ต้องช่วยกันแก้ ช่วยกันดูว่าจะทำอย่างไร เพราะการจะเกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง สื่อก็มีความสำคัญที่ต้องช่วยกันประคับประคอง
ด้าน นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า พรรคเพื่อแผ่นดินเรามีมาตรฐานการทำงานของรัฐมนตรีอยู่แล้ว โปร่งใส เปิดเผยตรวจสอบได้ เป็นธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการมีประชาธิปไตย ดังนั้นไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์กรณีของนายมานิต ส่วนกฎเหล็ก 9 ข้อที่นายกฯ เสนอเมื่อเราเป็นรัฐมนตรีร่วมในครม.ก็รับทราบ แต่ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยนั้นเราคงไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรค