"ผ่าประเด็นร้อน"
ต้องยอมรับว่าเพิ่งจะเป็นครั้งแรกๆที่ได้เห็นท่าทีแบบเด็ดเดี่ยวของ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยเฉพาะกรณีคัดค้าน “หวยออนไลน์” เนื่องจากเห็นว่าเป็นกิจการอบายมุขสร้างผลกระทบต่อสังคม มอมเมาเยาวชนพร้อมยืนยันว่าได้ไม่คุ้มเสีย แม้ว่าจะหลับหูหลับให้ผ่านไปในอีกเพียงแค่เดือนเศษก็จะได้เงินหวยจำนวนมหาศาลเข้ารัฐมาดำเนินการให้รัฐบาลได้ใช้จ่ายคล่องมือมากขึ้นก็ตาม แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่ยอมเลือกทางนั้น ยอมถูกตำหนิจากฝ่ายที่เสียประโยชน์อย่างรุนแรง
อีกเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นร้อนอาจจะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลผสมเสียงปริ่มน้ำก็คือกรณี มานิต นพอมรบดี จากพรรคภูมิใจไทย ฝ่าฝืนกฎเหล็ก 9 ข้อในเรื่องของจริยธรรมที่วางเอาไว้ โดยใช้มติพรรคยืนกรานไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตามหลัง วิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯที่ได้แสดงสปิริตไปก่อนหน้าแล้ว หลังจากคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงสาธารณสุขสรุปว่ามีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตหรือก้าวก่ายในการปฏิบัติหน้าที่ส่อไปในทางหาผลประโยชน์จากงบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็ง
อย่างไรก็ดี มานิต ย้ำว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด จะขอต่อสู้ข้อกล่าวหาทั้งในชั้นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) รวมไปถึงขอโอกาสในสภาหากถูกฝ่ายค้านญัตติซักฟอก ทั้งที่ในเรื่องของจริยธรรมของรัฐมนตรี และคนที่เป็นนักการเมือง เรื่องของจริยธรรมจะต้องมีสูงกว่าคนทั่วไป ไม่จำเป็นต้องรอใบเสร็จ หรือข้อพิสูจน์ความผิดทางกฎหมาย เพราะนั่นเป็นคนละเรื่องกัน อีกทั้งงานการเมืองเป็นงาน “อาสา” เข้ามารับใช้ประชาชน
การที่ยังนั่งคาอยู่ในตำแหน่งแล้วมีการตรวจสอบเรื่องทุจริต ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเข้าไปสั่งการหรือกดดันสร้างความยุ่งเหยิงในด้านพยานหลักฐานก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามเมื่อถูกกดดันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ มานิต ก็ใช้วิธีลาพักราชการ 30 วัน โดยเดินทางมายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล แต่นายกฯไม่เห็นด้วย ทำให้เขาต้องกลับไปหารือกับบรรดาแกนนำภายในพรรคภูมิใจไทยและได้รับการสนับสนุนให้ไปยื่นใบลาพักราชการกับเจ้าหน้าที่โดยไม่ผ่านนายกฯ
แต่ถึงอย่างไรหากพิจารณาจากท่าทีของ นายกฯอภิสิทธิ์ ก็ยังยืนยันในหลักการก็คือต้องการให้ มานิต ลาออกเพื่อให้กฎเหล็กที่ตนเองเคยวางเอาไว้ใช้บังคับกับรัฐมนตรีทุกคน ทุกพรรคเหมือนกันหมด แต่หากยังมั่นใจก็ต้องยอมรับแรงกดดันจากสังคมให้ได้ และยังสำทับด้วยประโยคเด็ดที่ว่า “จะต้องช่วยกันสร้างมาตรฐานทางการเมือง”
พร้อมทั้งพูดไล่หลังไปว่าขั้นตอนต่อไปเขาจะเป็นคนตัดสินใจเอง !!
ด้วยคำพูดในตอนท้ายดังกล่าว หากจับดูตามอาการจะเห็นว่าน่าจะออกมาในลักษณะยืนยันหลักการนั่นคือเมื่อให้โอกาสยื่นใบลาออกเองแล้วยังไม่ยอมดำเนินการก็ต้องใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี “ปลดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี” ก็เป็นได้ ซึ่งถ้าทำในลักษณะนี้ก็หมายความว่าเป็นการแตกหักกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งถือว่าเป็นเสียงสนับสนุนรัฐบาลผสมที่สำคัญ
อย่างไรก็ดีเมื่อฟังดูน้ำเสียงของนายกรัฐมนตรีแล้วจะพบว่า ทั้งสองเรื่องไม่ว่าจะเป็นกรณีคัดค้านหวยออนไลน์ และการบังคับใช้กฎเหล็กมาตรฐานจริยธรรมนักการเมืองกรณีของ มานิต น่าจะเชื่อว่า “เอาจริง”
ที่น่าสังเกตก็คือท่าทียืนยันในหลักการอันมั่นคงแบบนี้เกิดขึ้นภายหลังจากได้รับฉายาจากสื่อทำเนียบรัฐบาลในช่วงปลายปีที่แล้วว่า เป็น “หล่อหลักลอย” ซึ่งว่ากันว่าในครั้งนั้นนายกรัฐมนตรีแสดงท่าทีไม่ยอมรับอย่างชัดเจน
แต่ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาอีกด้านหนึ่งทั้งสองกรณีที่เกิดขึ้นกลับทำให้นายกรัฐมนตรีได้รับคำชื่นชมจากสังคมมากขึ้น และอีกมุมหนึ่งหากพิจารณากันอย่างข้อเท็จจริงแล้ว ในบรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลแล้วมีเพียงนายกรัฐมนตรีเท่านั้นที่มีความโดดเด่นและได้รับความเชื่อถือจากประชาชน แม้กระทั่งอยู่ในช่วงภาวะวิกฤตแทบจะเรียกได้ว่าเขากลับเป็นผู้ที่พลิกฟื้นสถานการณ์กลับมาอยู่ในความควบคุมได้ด้วยตัวเอง
ถามว่าหากลองพิจารณาไล่เรียงกันไปในเวลานี้มีรัฐมนตรีคนใดบ้างที่พอสร้างความเชื่อมั่นที่ประชาชนพอฝากผีฝากไข้ได้ หรือหากมีก็แทบจะน้อยกว่าน้อย
ดังนั้นเมื่อรูปการณ์ในทุกด้านแล้ว เหมือนกับว่ารัฐมนตรีคนอื่นล้วนเป็นภาระให้กับนายกรัฐมนตรี หากยังขืนปล่อยให้พรรคร่วมรัฐบาลมาขี่คออยู่ต่อไป โดยที่ตัวเองยังต้องยอมและประคับประคองกันไปโดยไม่สนใจความรู้สึกของสังคมก็ยิ่งจะต้องรอวันล่มสลายเร็วขึ้นเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ในข้อเท็จจริงแล้วปัจจุบันนี้ไม่มีพรรคไหนต้องการให้มีการยุบสภา ยังไม่พร้อมลงสนามเลือกตั้ง เนื่องจากงบประมาณก้อนโต โดยเฉพาะจากโครงการไทยเข้มแข็งกำลังทยอยออกมาในปีนี้ คงไม่มีใคร “โง่” อยากทุบหม้อข้าวของตัวเองเอาดื้อๆ เป็นแน่
การออกมาส่งสัญญาณแรงๆของนายกฯ อภิสิทธิ์ น่าจะประเมินแล้วว่าในที่สุดพรรคภูมิใจไทยคงไม่กล้าที่จะดื้อด้านอุ้มกระเตง มานิต ต่อไปเพื่อชนกันโดยตรงด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น คงไม่มีใครกล้าคิดสั้นแน่นอน ขณะเดียวกันนาทีนี้เชื่อว่า นายกฯจะต้องยืนยันหลักการให้มั่นคง เพราะต้องการใช้แรงศรัทธาเป็นหลังพิง และที่ผ่านมารัฐบาลของเขาที่อยู่มาได้ก็เพราะสังคมสนับสนุนและให้โอกาสเท่านั้น และที่ผ่านมาก้ได้ถลำลึกไปไกลแล้ว
ดังนั้นเชื่อว่า มานิต ไม่น่าจะยื้อได้นาน เพราะหากยังดื้อเชื่อว่านายกฯคงใช้อำนาจฟันแน่ และนาทีนี้คงไม่สนใจแล้วว่าจะต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ซึ่งผลออกมาประชาธิปัตย์อาจจะไม่ชนะ แต่ก็คงไม่แพ้หลุดหลุ่ย หากทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยยังป่วนเมืองอยู่แบบนี้ ขณะที่ภูมิใจไทย หรือรวมไปถึงพรรคชาติไทยพัฒนาเอาเข้าจริงพร้อมหรือเปล่า !!