xs
xsm
sm
md
lg

"ส.ว.คำนูณ" เชื่อ "สุรยุทธ์" คืนเขายายเที่ยง-"พล.ท.นันทเดช" ชี้ "แม้ว" จงรักภักดีแค่ปาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ส.ว.คำนูณ" ยันอัยการสีคิ้ว ส่งเรื่องเขายายเที่ยง "สุรยุทธ์" ถึงมือกรมป่าไม้ เชื่อสุดท้ายจบลงด้วยการคืนที่ดิน เนื่องจากองคมนตรีไม่มีเจตนารุกล้ำพื้นที่ป่าสงวน แต่ "แกนนำแดงถ่อย" หวังใช้ประเด็นนี้เป็นเครื่องมือนำไปสู่การแก้ รธน. โค่นสถาบันองคมนตรี ด้าน "พล.ท.นันทเดช" ซัด "นช.แม้ว" ปากพูดจงรักภักดี แต่ทำไมปล่อยคนหนีคุกพูดโจมตีสถาบัน ย้ำ เจตนาและการกระทำ "นช.แม้ว" ส่อแววหลายครั้ง เพราะไม่เคยเคารพสถาบัน รวมทั้งผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เชื่อทุกท้ายความแรงแดงเสื่อม ตามกาลเวลา



 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "คนในข่าว" 

รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 20.30-22.00 น. ในวันพฤหัสบดีที่ 7 ม.ค. มี นายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา และพล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่นับวันทวีความรุนแรงและเดินหน้าสู่ขบวนการล้มล้างองคมนตรี โดยมีการจับรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน

นายคำนูณ กล่าวถึงประเด็นกลุ่มคนเสื้อแดงใช้กรณีเขายายเที่ยง ขึ้นมาโจมตี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ว่า ตนเคยวิจารณ์ พล.อ.สุรยุทธ์ อย่างไร จุดยืนตรงนั้นไม่เคยเปลี่ยน แต่ที่ออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าว เพราะเห็นว่าสมควรทำความจริงให้กระจ่าง โดยตนทราบว่าอัยการจังหวัด สีคิ้ว ได้ทำคดีส่งไปยังกรมป่าไม้ เพื่อชี้แจงกรณีสั่งไม่ฟ้อง พล.อ.สุรยุทธ์ ซึ่งมีผู้ไปแจ้งความตั้งแต่ปี 2550 แล้วเจ้าพนักงานตำรวจก็สั่งไม่ฟ้อง ดังนั้น เรื่องราวตามกระบวนการก็ไปสิ้นสุดที่อัยการ โดยเรื่องนี้ในเมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงเอาประเด็นสองมาตรฐานขึ้นมาโจมตี ทางอัยการก็ควรออกมาชี้แจงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งเท่าที่ตนทราบ คือ พรุ่งนี้ สำนักงานอัยการสูงสุด จะมีการแถลงข่าวเรื่องนี้

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่า อัยการต้องมีเหตุผลทางกฏหมาย อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวถือว่าไม่เป็นความผิด เพราะ พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ทราบมาก่อนว่าที่ดินแปลงที่เกิดปัญหาอยู่ในพื้นที่ป่าสงวน ทำให้ได้ที่มาโดยบริสุทธิ์ แต่บังเอิญทางกรมป่าไม้ ได้ทำเรื่องส่งไปที่อัยการจังหวัด สีคิ้ว จึงได้มีการตรวจสอบกันเรื่องนี้ ผลก็คือ อัยการสั่งว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่มีความผิดทางอาญา เนื่องจากหลักกฏหมายทั่วไปดูที่ผู้กระทำมีเจตนากระทำผิดหรือไม่ ดังนั้น ต้องมีเจตนาถึงจะลงโทษได้ แต่ประเด็นต่อมา การที่อัยการ อ.สีคิ้ว ไม่ฟ้อง เพราะ พล.อ.สุรยุทธ์ ได้มาเป็นทอดที่ 3 โดยทอดแรกราษฏรได้มาจากแผนงานจัดที่ดินให้แก่ราษฏรตามหมู่บ้านป่าไม้ สมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แต่ประเด็นที่น่าสนใจกว่านั้น คือ ในข้อบัญญัติได้ระบุไว้ว่า ที่ดินที่ได้มานี้ไม่สามารถจำหน่ายให้แก่บุคคลอื่น นอกจากนี้ ทายาทโดยธรรมเท่านั้นที่มีสิทธิ์ถือครอง จึงเป็นที่มาของคำถามว่าต่อไป พล.อ.สุรยุทธ์ จะดำเนินการอย่างไรเรื่องนี้ โดยตนเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว พล.อ.สุรยุทธ์ จะต้องคืนที่ดินดังกล่าว ส่วนคืนแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงจะหยุดเคลื่อนไหวหรือไม่ เป็นสิทธิของทุกฝ่ายที่จะรู้สึกได้

"ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้แต่แรก พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ใช่ราษฏรที่ทำกินอยู่ในที่ดินดังกล่าว อีกทั้ง ยังไม่ได้ทายาทโดยธรรม เพราะฉะนั้น จึงไม่น่ามีสิทธิถือครอง เพียงแต่ว่าในสำนวนกฏหมาย บางทีนักกฏหมายไม่พูดกันว่า ใครมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์ แต่จะบอกให้กรมป่าไม้ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบที่ระบุไว้ตั้งแต่แรก ซึ่งเรื่องนี้ผมอยากกระตุ้นให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องออกมาแถลงว่ามีเหตุผลอย่างไร และไม่สองมาตรฐานตรงไหน ทำไมไม่สั่งฟ้อง พล.อ.สุรยุทธ์ แต่สั่งฟ้องราษฏรหลายรายที่อยู่บริเวณเชิงเขายายเที่ยง" นายคำนูณ กล่าว

พล.ท.นันทเดช กล่าวประเด็นเดียวกันว่า ประเด็นเขายายเที่ยง ตนเห็นว่าเป็นประเด็นการเมืองโดยตรง ซึ่งการเอา พล.อ.สุรยุทธ์ มาโจมตี เห็นได้ชัดว่ามุ่งไปสู่ความแตกแยกทางทหารให้เกิดขึ้น เพราะว่าปัจจุบันทหารเป็นองค์กรสุดท้ายที่ยังเข้มแข็ง และไม่ตกเป็นทาส พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น จึงมีการโจมตี พล.อ.เปรม และ พล.อ.สุรยุทธ์ เพราะเป็นตัวแทนของทหาร โดยตนได้ยินมากลับหูว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ยืนยันว่าถ้าหากเรื่องนี้ทำผิด ก็ต้องคืนที่ดินดังกล่าว อีกทั้ง กระบวนการทางกฏหมายเพิ่งมาชัดเจนเร็วๆนี้ ตนจึงคิดว่า พล.อ.สุรยุทธ์ แค่รอให้ทางกรมป่าไม้แจ้งเรื่องมาเท่านั้น

นายคำนูณ กล่าวถึงประเด็นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงออกมาพาดพิงถึง ว่า ตนไม่ได้ว่าอะไรกรณีที่นายณัฐวุฒิ ออกมาระบุว่า ตนเป็นทาสรับใช้ระบอบอำมาตย์ แต่อยากจะชี้แจงว่าเรื่องนี้สามารถยืนยันได้ว่า อัยการจังหวัด สีคิ้ว ทำเรื่องไปที่กรมป่าไม้เรื่อง พล.อ.สุรยุทธ์ แล้ว ดังนั้น จึงเห็นพ้องต้องกันที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจงความจริงเรื่องนี้ รวมทั้งอีกอย่าง นายณัฐวุฒิ ไม่ใช่ศาล ฉะนั้น ไม่สิทธิ์มาตัดสินว่าใครถูกหรือผิด

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า คำพูดแกนนำเสื้อแดงพูดหลายครั้ง ได้พูดถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวดสถาบันพระมหากษัตริย์ ในเรื่องที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจ ดังนั้น การกระทำดังกล่าวไม่ได้ต้องการแค่รัฐธรรมนูญ ปี 2540 แต่ต้องการไกลกว่านั้น โดยเรื่องนี้มีการนำผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขึ้นมาพูด และโยงถึงสถาบันองคมนตรี โดยรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ได้ไปล็อกให้ พล.อ.เปรม ซึ่งเป็นประธานองคมนตรี มีสิทธิ์เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ดังนั้น แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ออกมาประกาศว่านอกจากจะให้กลับใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2540 แล้ว ยังต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดพระมหากษัตริย์ด้วย ทั้งที่ รัฐธรรมนูญ ปี 2540 กับ ปี 2550 ในหมวดดังกล่าวไม่มีข้อแตกต่างกันแม้แต่น้อย

นายคำนูญ กล่าวอีกว่า การที่กลุ่มคนเสื้อแดงเปลี่ยนเป้าหมายจาก พล.อ.เปรม มาโจมตีจุดอ่อน พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกวางไว้ โดยคนพวกนี้เริ่มมองเห็นว่า หากยังโจมตีแค่องคมนตรีอย่างเดียว คงเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ยาก ดังนั้น จึงต้องแก้กฏหมาย เพื่อล้มล้ามสถาบันองคมนตรี ซึ่งประเด็นนี้ ตนอยากถามกลุ่มคนดังกล่าว ว่าต้องการริบรอนอำนาจของสถาบันเบื้องสูงหรือไม่ โดยประเด็นที่ต้องถามกันคือ ทุกฝ่ายมองปัญหาเวลานี้อย่างไร จะฝากทุกอย่างไว้กับการเลือกตั้งหรือไม่ ทั้งที่ประชาชนเคยเจ็บปวดกับนักการเมืองที่เลือกเข้าไปในสภา แล้วเราจะผูกทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งการขึ้นครองราชย์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ในมือนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งหรือ

พล.ท.นันทเดช กล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เป็นคนที่มีการแสดงเจตนามาแล้วหลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ จงรักภักดีต่อสถาบันจริง ก็ต้องมีความชัดเจนในเรื่องของคนใกล้ชิดที่ปัจจุบันเป็นนักโทษแล้วหนีคดีไปกลบดานอยู่ด้วย ดังนั้น จึงแสดงว่าปาก พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าจงรักภักดี แต่การกระทำไม่เคยแสดงออกว่าเช่นนั้นว่าจงรักภักดีอย่างไร เพราะคนที่กล่าวโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ก็อยู่ใกล้ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ

พล.ท.นันทเดช วิเคราะห์สถานการณ์ปิดท้ายว่า ถ้าหากเหตุการณ์ล่วงเลยไปจนถึงเดือนมีนาคม ซึ่งทางฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดงยังไม่สามารถรุกไล่ นายอภิสิทธิ์ ออกไปได้ ตนเชื่อว่าผลสนองสุดท้ายก็จะสนองที่ฝ่ายดังกล่าว เนื่องจากคะแนนนิยม พ.ต.ท.ทักษิณ จะตกลงมากมาย แม้แต่ทาง สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็รอดูเชิงอยู่ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากลำบากของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเวลานี้ตนเชื่อว่าประชาชนคงมีคำถามจะพูดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ เป็นคนไทยอยู่หรือไม่ ทำไมไม่มีความเคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งมีพฤติกรรมที่ไม่เคยเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
นายเติมศักดิ์ จารุปราณ
นายคำนูณ สิทธิสมาน
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์
กำลังโหลดความคิดเห็น