“รองฯ สุเทพ” เผยนัดพรรคร่วมฯ ถกแก้ รธน.ก่อนเปิดประชุมสภา ตกผลึกไม่ยอมให้ประเด็นแก้ รธน.เป็นเกมการเมือง ไม่ห้ามแกนนำ ชพท.ดอดคุย “เหลิม” ดึง รธน.40 กลับมาใช้ แต่เชื่อ “เติ้ง”มองออก เอา รธน.40 เท่ากับคืนทรัพย์สินแถมช่วย"แม้ว"พ้นโทษ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์
เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 4 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลกดดันให้พรรคประชาธิปัตย์เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ และขู่จะเปลี่ยนขั้วทางการเมืองว่า การเมืองไม่ใช่เรื่องที่คนใดหรือพรรคใดพรรคหนึ่งจะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ แต่การเมืองวันนี้ต้องคำนึงถึงประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบเรียบร้อย มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมใจ มีระบอบประชาธิปไตยที่มีกฎเกณฑ์กติกา ที่เป็นมาตรฐาน โดยมีรัฐบาลทำงานให้ประชาชนด้วยความซื่อสัตย์สุจรติ นั่นคือความคาดหวังของประชาชน เพราะฉะนั้นใครจะแหวกไปทำอะไร เป็นการเฉพาะคงยาก
นายสุเทพกล่าวต่อว่า ในปีที่แล้วรัฐบาลสามารถประคับประคองอยู่ได้ ก็เพราะพลังของประชาชนเป็นสำคัญ ซึ่งก็ต้องขอบคุณประชาชนที่ยืนหยัดกันอย่างเหนียวแน่นเป็นพลังให้รัฐบาลในการแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้ และเชื่อว่าปีนี้พลังของประชาชนก็จะเข้มแข็งยิ่งขึ้น เพราะเห็นแล้วว่าเมื่อประชาชนส่วนใหญ่แสดงออกถึงความเป็นเจ้าของประเทศที่ชัดเจนก็ทำให้ฝ่ายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง องค์กรต่างๆ ก็จะต้องฟังเสียงของประชาชนมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากพรรคภูมิใจไทยแล้ว ยังมีพรรคชาติไทยพัฒนาที่ออกมาเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย จะแก้ไขอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ตนเชื่อว่าในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องปรึกษาหารือกัน ทุกคนก็มีเหตุผลด้วยกันทั้งนั้น แต่ต้องเอาเหตุผลเหล่านั้นมาถกกันแล้วแยกแยะให้ชัดเจนเพื่อให้ชาติบ้านเมืองอยู่ได้ และเพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยเดินต่อไปได้
“แต่ละพรรคไม่มีสิทธิที่จะคิดเห็นเฉพาะเรื่องของตัวเอง ทุกพรรคต้องปรึกษาหารือกัน ซึ่งผมคิดว่าหลังอีกไม่นานเราก็จะได้ปรึกษากัน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้นัด เพราะกว่าสมัยประชุมสภาจะเปิดก็วันที่ 21 ม.ค. แต่ผมเชื่อว่าทุกอย่างจะชัดเจนก่อนสภาเปิดแน่นอน” นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ถ่วงเวลาในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสุเทพกล่าวว่า เป็นธรรมดา เพราะบางพรรคเขาต้องการคำตอบที่รวดเร็ว แต่กระบวนการและกลไกของแต่ละพรรคไม่เหมือนกัน พรรคประชาธิปัตย์อาจจะอุ้ยอ้ายหน่อยในการตัดสินใจ แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็แน่นอน ส่วนที่จะมีการนำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาพิจารณาใหม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า ความจริงรัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ และประเทศไทยเองก็แก้รัฐธรรมนูญกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ที่สำคัญการแก้ไขนั้นต้องมุ่งประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ไม่ใช่ประโยชน์ของนักการเมือง ของพรรคการเมือง หรือของ ส.ส.
“การที่จะเอารัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ ถ้าใช้หมดทุกมาตราก็จะทำให้สอดคล้องกับข้อเรียกร้องที่กลุ่มคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำลังเรียกร้องอยู่ นั่นคือว่าผลจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 นั้นทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ต้องติดคุก และทำให้ได้ทรัพย์สินคืนมาทั้งหมด รวมทั้งจะได้สถานภาพทางการเมืองกลับคืนมาทั้งหมด นั่นก็เป็นอีกมุขหนึ่ง ของการเรียกร้อง ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลต้องคิดให้มากหน่อยว่าจะเป็นอย่างไร จะให้เป็นไปตามนี้หรือไม่” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะนัดนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ในวันที่ 10 ม.ค.นี้เพื่อหารือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะมีความเห็นตรงกัน นายสุเทพกล่าวว่า ในทางการเมืองใครจะไปมาหาสู่กันก็ได้ทั้งนั้น ใครจะพูดคุยกับใคร ใครจะปรึกษาอะไรกับใครก็ได้ ไม่ได้หมายความว่า ร.ต.อ.เฉลิมไปหานายบรรหาร แล้วนายบรรหารจะตกลงด้วยทั้งหมด
“นายบรรหารก็เป็นถึงอดีตนายกฯ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ย่อมมองการเมืองออก เห็นหมดว่าเป็นอย่างไร เราไม่ต้องไปตื่นเต้นเรื่องที่จะมีการพบกัน ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลได้แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่า อยากจะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนจะเป็นวิธีใด ก็กำลังหาทางกันอยู่ ก็ขอให้ดูกันต่อไป” นายสุเทพกล่าว
เมื่อถามว่าถ้านำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ แรงหนุนจะค่อนข้างมากเพราะคนที่อยู่เบื้องหลังแต่ละพรรคถูกเว้นวรรคทางการเมืองจะได้รับอานิสงส์กลับเข้ามาสู่การเมืองใหม่ได้ รองนายกฯ กล่าวว่า อย่าเพิ่งรีบไปคาดการณ์อะไร การเมืองต้องค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ปรึกษาหารือกัน อย่าเพิ่งรีบมองอะไรไป และถือเป็นมุมมองหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องของแต่ละมุมมอง ซึ่งมองได้หลายแง่มุม แต่ตนก็คงต้องถามว่าประเทศชาติได้อะไร ประชาชนได้อะไร
เมื่อถามต่อว่าคิดว่าก่อนเปิดสภาจะได้ข้อยุติหรือไม่เพราะเกรงว่าปัญหานี้จะลุกลามไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุเทพกล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนการอภิปรายฯ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตนคิดว่าไม่มีอะไรที่จะลุกลาม เชื่อมโยงกัน และตนเห็นว่าก่อนเปิดสมัยประชุม เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ทุกฝ่ายจะได้เตรียมตัวไปทำหน้าที่ในสภาได้ เมื่อถามว่าคำพูดของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังมองในแง่ดีได้หรือไม่ ที่ขู่ว่าจะเปลี่ยนไปจับขั้วกับพรรคเพื่อไทย นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้มองอะไรในแง่ร้าย และไม่ได้มองว่าท่านข่มขู่
“ผมทราบดีว่าพรรคร่วมรัฐบาลดิ้นรนที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะพรรคร่วมรัฐบาลอยากจะให้การเลือกตั้งเป็นระบบเขตเดียวเบอร์เดียวซึ่งผมเข้าใจดี แต่ก็อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ ถ้าสามารถจะมีมติ หรือมีความเห็นอย่างนี้ได้ตรงกับพรรคร่วมรัฐบาล การแก้ไขรัฐธรรมนูญในรูปแบบนี้ ก็เป็นไปได้ และอาจจะมีความสำเร็จ พรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ต้องไปดิ้นรนหาวิถีทางอื่น แต่ถ้าทำอย่างนี้ไม่ได้เขาก็ต้องไปหาแนวร่วมอย่างอื่น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
เมื่อถามว่าจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าควรเป็นเขตใหญ่เรียงเบอร์เพื่อป้องกันการทุจริต ซื้อเสียงเลือกตั้ง นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคยังไม่ได้ตัดสินเรื่องนี้ แต่ก็มีหลายคนในพรรคออกมาแสดงความคิดเห็น แต่ท้ายที่สุดแล้วตนคิดว่าเรื่องนี้พรรคก็คงต้องมีมติให้ชัดเจน
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์เคยผ่านการเลือกตั้งมาทั้ง 2 แบบแล้ว ก็น่าวิเคราะห์ได้ว่าอย่างไหนเหมาะสม นายสุเทพกล่าวว่า แต่ละคนก็มีความเห็นต่างกัน ในพรรคก็มีคนที่มีความเห็นต่างกัน