นายกฯ เผยกรรมการสิ่งแวดล้อมไฟเขียวร่างประกาศกระทรวงทรัพย์กำหนดหลักเกณฑ์โครงการ-กิจการที่อาจก่อผลกระทบสิ่งแวดล้อม เตรียมนำเข้า ครม.เพื่อทราบอังคารหน้าพร้อมตั้งเป้ามีผลบังคับใช้ก่อนสิ้นปี
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (24 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านสุขภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ซึ่งตั้งใจว่าจะให้ประกาศใช้ได้ก่อนสิ้นปี ตรงนี้จะเป็นตัวที่ทำให้บรรดาโครงการทั้งหลายที่จะมาเข้ากระบวนการนิ้ สามารถเข้ามาได้เลยและทางกรรมการ 4 ฝ่ายจะดูเรื่องขององค์การอิสระว่า จะทำรูปแบบไหน อย่างไร เพื่อมารับตรงนี้อีกที คิดว่าน่าจะมีความชัดเจนทำให้เดินหน้าได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้จะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เป็นวาระแจ้งเพื่อทราบและออกเป็นมติซึ่งจะต้องมีการลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะได้ตัวองค์กรอิสระเมื่อไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ความเห็นกรรมการ 4 ฝ่ายยังไม่ลงตัว ฉะนั้นยังเป็นเรื่องที่ไปดูกันอยู่ เมื่อถามว่าหลังจากประกาศนี้มีผลบังคับใช้ คิดว่าโครงการต่างๆ ที่ออกมาจะเป็นไปด้วยความราบรื่นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ระดับหนึ่งและต้องยอมรับว่ามันเป็นเรื่องซึ่งไม่มีใครมั่นใจในข้อกฎหมาย 100% บางทีก็ตีความแตกต่างกันบ้าง ปฏิบัติไปแล้วมีปัญหาอยู่บ้าง แต่คิดว่าความชัดเจนจะมีมากขึ้นและเมื่อประกาศเสร็จนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจะเชิญผู้ประกอบการทั้งหมดมาทำความเข้าใจกับขั้นตอนการทำงานตรงนี้ก็น่าจะดีขึ้น
เมื่อถามว่า นายกฯ ห่วงความเห็นไม่ตรงกันของกรรมการ 4 ฝ่ายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทราบตั้งแต่ต้นแล้วว่ามีบางเรื่องต้องใช้เวลาทำความเข้าใจร่วมกัน ประกาศฉบับนี้ทำให้ทั้ง 4 ฝ่ายมีความเห็นตรงกันและมีความเข้าดีต่อกันมากขึ้น เมื่อถามว่าล่าสุดศาลปกครองมีการปล่อยออกมา 1 โครงการจะมีผลอะไรต่อการลงทุนบ้าง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า น่าจะมีผลโดยตรงกับ 5-6 โครงการ ซึ่งตามเกณฑ์นี้ หมายความว่าคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจะไม่มีผลบังคับเขาด้วย ก็อาจจะออกมาได้อีก 5-6 โครงการ
เมื่อถามว่า 8 โครงการที่เอกชนจะยื่นอุทรณ์คำสั่งศาลปกครองที่ระงับการดำเนินโครงการ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เอกชนจะเป็นคนดำเนินการ เพราะข้อเท็จจริงของแต่ละโครงการอาจจะไม่เหมือนกัน ศาลจะต้องดูข้อเท็จจริงของแต่ละโครงการ ไม่ใช่ภาพรวมที่จะบอกว่ากลุ่มนั้นกลุ่มนี้ออกมาได้ เมื่อถามว่า เอกชนมองว่าการประเมินอาจใช้ระยะเวลายาวนานตรงนี้จะมีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขั้นตอนอยู่ที่องค์การอิสระ ถ้ามีความพร้อมเรื่องข้อมูล การวิเคราะห์ผลกระทบซึ่งมีอยู่แล้วไม่น่าจะยาวนาน
เมื่อถามว่าโครงการที่เข้าตามประกาศมีโครงการไหนบ้าง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ประกาศจะมีอยู่ 2 ช่องที่จะเข้าสู่กระบวนการ ช่องแรกเป็นการประกาศกิจการตามกฎหมายต่างๆ ช่องที่ 2 คือกรณีที่มีการร้องเรียน
เมื่อถามว่า 5-6 โครงการมาดตาพุดที่จะหลุดออกมามาจากส่วนไหน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่เห็น ได้มีการสอบถามกันคร่าวๆ เท่านั้นเอง เข้าใจว่าใบอนุญาติออกมาก่อนที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ โดยให้เขาไปตรวจสอบวันที่ออกใบอนุญาต
เมื่อถามว่ากระบวนการรับฟังความคิดเห็นต้องทำก่อนหรือหลัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะมีการรับฟังในขั้นตอนของตัวการจัดทำผลกระทบมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันจะมีการทำในภาพรวมในช่วงที่ทำรายงานผลกระทบเสร็จแล้ว ฉะนั้นมันจะมีสองขยัก