“สุเทพ” แขวะ “ทักษิณ” ชินแทรกแซงองค์กรอิสระ ติดสินบนผู้พิพากษา จึงฟันธง ปชป.รอดยุบ ลั่นพรรคไม่มีนิสัยเหมือนคนหนีคดี ด้าน “เด็จพี่” พาพวกบุก กกต.แยกเขี้ยวขู่ จี้ยุบพรรคไม่งั้นเจอถอดแน่
วันนี้ (23 ธ.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตัดสินให้ยุบพรรคว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาประธาน กกต.ว่ามีใบสั่งไม่ให้ยุบพรรคนั้น เนื่องจากขณะที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็เคยแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระ และพยายามติดสินบนผู้พิพากษา จึงคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะทำเช่นนั้นบ้าง ซึ่งตนยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีนิสัยเหมือนกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำ
ขณะที่วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายพิชา วิจิตศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทยและเครือข่าย ได้เดินาทางมาที่สำนักงาน กกต. โดยมายื่นหนังสือถึงนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. เพื่อเรียกร้องขอให้ประธาน กกต.และ กกต.พิจารณากรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ ให้เป็นไปโดยยึดหลักกฎหมาย ไม่ควรพิจารณาด้วยการมีอคติ และในฐานะนักกฎหมาย กกต.ก็เป็นนักกฎหมายขอให้น้อมนำแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ให้ไว้กับนักฎหมายมาใช้ บ้านเมืองจะได้เป็นสุข
นายพร้อมพงศ์กล่าวด้วยว่า ตนเชื่อว่าการที่นายอภิชาตระบุว่าคดีดังกล่าวน่าจะเสร็จในปี 2553 นั้น ตนเห็นว่าการดำเนินการของ กกต.จะเป็นฉนวนสำคัญในการทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย และตนเชื่อว่าหลักฐานที่ดีเอสไอที่ยื่นเข้ามาให้ก็คิดว่าน่าจะเพียงพอแล้ว การที่ขอเอกสารในการอภิปรายในสภานั้นเป็นเกมที่ประธาน กกต.กำลังหาช่องทางของกฎหมายและเพื่อความสบายใจของตนเองในการพิจารณาผลที่จะออกมาทางใดทางหนึ่ง ถือเป็นเกมยื้อซื้อเวลาของประธาน กกต. อีกทั้งยังกล่าวหาด้วยว่า ในคดีนี้ กกต.ใช้มาตรฐานที่ต่างจากการยุบพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน มัชฌิมาธิปไตย และ พรรคชาติไทย โดยคดีนี้เป็นการพิจารณาที่ยืดเยื้อที่สุด ตั้งแต่ต้นปี 2552 และยังเลื่อนไปจนถึงต้นปี 2553 วันนี้ กกต.ใช้กฎหมายในการเตะถ่วงคดี ขณะที่ 3 กกต.ก็ยังแทงกั๊กกันอยู่ว่าจะตัดสินอย่างไร หรือแม้แต่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ที่ให้สัมภาษณ์ความเห็นทางกฎหมายก็ยังกลับไปกลับมาไม่เหมือนกันทั้งสองครั้ง ซึ่ง ณ วันนี้ประธาน กกต.ไม่ได้แค่รับเผือกร้อนแต่เป็นการรับระเบิดลูกใหญ่เอาไว้
นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า แม้ กกต.จะยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตนก็ไม่ได้มีความสุขหรือสะใจแต่เราต้องการให้มีสันติสุขกลับคืนมาจากการบังคับใช้กฎหมายที่เท่าเทียมกัน โดยการมาในวันนี้หวังที่จะกระตุ้นต่อมสำนึกของ กกต. ทั้งนี้ หาก กกต.ไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง หรือยุบพรรคประชาธิปัตย์ พรรคฝ่ายค้านก็จะยื่นถอดถอน กกต.โดยใช้ช่องทางมาตรา 271 ให้ ส.ส.เข้าชื่อกันให้น้อยกว่า 1 ใน 4 ของ ส.ส.เท่าที่มีอยู่ ยื่นต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้ถอดถอนบุคคลตามมาตรา 270