xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ฟุ้งผลงาน 1 ปี ลั่นการเมือง-ศก.นิ่ง พร้อมจัดเลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บุรณัชย์ สมุทรักษ์
ปชป.ประเมินผลงานรัฐบาล หลายนโยบายช่วยเหลือ ปชช.ได้นับสิบล้านครัวเรือนโวแก้ ศก.เจ๋งทำจีดีพีพุ่งพรวด อัด “เพื่อไทย-เสื้อแดง-ทักษิณ” ดึงขาทำสมานฉันท์สะดุด ลั่นพร้อมเลือกตั้ง หากปัญหา ศก.-การเมืองยุติ แฉแผนปลุกระดมสร้างความขัดแย้งของคนในชาติกำลังระบาดหนัก

วันนี้ (20 ธ.ค.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงว่า พรรคประเมินผลงานรัฐบาลในรอบหนึ่งปี โดยจะเน้นไปที่การทำตามนโยบายของพรรคเป็นหลัก ซึ่งเน้นการแก้ไขปัญหา 3 ปัญหาใหญ่ๆ 1.การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนหลายกลุ่มต่างๆได้ กลุ่มแรก ครัวเรือนที่ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลได้มีมาตรการบรรเทาความเดือดร้อน 5 มาตรการ 6 เดือน รวมถึงแผนปฏิบัติการ 99 วันทำได้จริง ทำให้คนจนไม่ต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ารถเมล์ นอกจากนี้ โครงการเช็คช่วยชาติก็ยังสามารถรักษากำลังซื้อ มีครัวเรือนได้รับประโยชน์ 7 ล้านครัวเรือน กลุ่มที่สอง นักเรียน นิสิต นักศึกษาและเยาวชน ซึ่งนโยบายเรียนฟรีทำให้ครอบครัวสามารถลดค่าใช้จ่ายค่าตำรา ค่าเรียนหนังสือ และค่าเรียนพิเศษ ที่สำคัญยังเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่ออนาคตของชาติให้ลูกหลานมีงานทำที่มั่นคงกว่าเดิม ทำให้ประชาชนในกลุ่มเป้าหมายได้รับประโยชน์ถึง 15 ล้านครัวเรือน กลุ่มที่สาม ผู้สูงอายุ ซึ่งรัฐบาลได้ออกเบี้ยยังชีพ ที่จะขยายไปเป็นโครงการบำนาญประชาชน มีผู้สูงอายุได้รับประโยชน์ 7 ล้านคน กลุ่มที่สี่ เกษตรกรในชนบท ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการประกันรายได้ ทำให้ครอบครัวเกษตรกร 40 ล้านคนได้รับผลดีจากโครงการนี้ เนื่องจากมีหลักประกันรายได้ทางการเกษตร ซึ่งส่งผลดีต่อเกษตรกรมากกว่าโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรถึง 5 เท่า และกลุ่มที่ห้า ครัวเรือนที่มีปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ขณะนี้รัฐบาลได้เข้าปัญหา เชื่อว่าประชาชนมากกว่า 1 ล้านครอบครัวจะได้ประโยชน์

นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า 2.การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยรวม รัฐบาลได้ดำเนินโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 ซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่น ทำให้เกิดการจ้างงาน 1.5 ล้านตำแหน่ง นอกจากนี้ยังทำให้ตัวเลขจีดีพีในไตรมาสสุดท้ายจะกลับเป็นบวกอย่างแน่นอน เชื่อว่าอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์จะมีหน่วยงานต่างๆออกมาประเมินว่าตัวเลขจีดีพีไตรมาสสุดท้าย จะเป็นบวกอยู่เท่าไร และ 3.การแก้ไขปัญหาทางการเมือง ตามนโยบายที่แถลงไว้ในการสร้างความสมานฉันท์ ซึ่งรัฐบาลก็ได้บรรลุข้อตกลงตามกรอบการทำงานคณะกรรมการสมานฉันท์ อย่างไรก็ตาม การจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทางฝ่ายค้าน และพรรคเพื่อไทยว่าจะยอมให้ประชาชนร่วมกันลงประชามติ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และนำไปสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป เมื่อวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองผ่านไปหรือไม่

อย่างไรก็ตามพรรคยังมีความกังวลอยู่ เพราะถึงรัฐบาลจะสามารถทำให้เศรษฐกิจกลับมาอยู่ในแดนบวกได้ แต่ปัญหาทางการเมือง ก็ยังมี 3 สัญญาณสำคัญที่จะเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความปรองดองของประเทศอยู่ 1.การที่พรรคเพื่อไทย กลุ่มคนเสื้อแดง และพ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อนำการเมืองในสภากลับไปอยู่นอกสภาอีกครั้ง 2.การใช้ประเทศเพื่อนบ้านแทรกแซงการเมืองในประเทศ โดยบิดเบือนความจริงเพื่อเป็นขบวนความขัดแย้ง เห็นได้จากเอกสารลับของกระทรวงการต่างประเทศ และ 3.การดึงองค์กรอิสระลงมาสู่ความขัดแย้งทางการเมือง โดยพูดล่วงหน้าเพื่อให้เป็นเงื่อนไขนำมาเคลื่อนไหว เช่นการตัดสินคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต.ที่ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภา อ้างว่าเรื่องนี้จะเป็นจุดตัดสินว่ายังมีความยุติธรรมหรือไม่ ซึ่งโดยนัยคงหมายถึงว่า หากตัดสินว่า ปชป.ไม่ผิด แสดงว่าไม่มีความยุติธรรมและจะเกิดความรุนแรงตามมา
กำลังโหลดความคิดเห็น