ย่อมไม่ใช่เป้าหมายเพื่อผลการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคตแน่นอน แต่เพื่อหวังผลสำคัญ 2 ประการ คือ
1.หวังซ่องสุมกำลังพลเพื่อขู่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี คู่แค้น นช.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง
2. มุ่งหมายจะทำการเมืองเชิงสัญลักษณ์ และการเคลื่อนไหวแบบเอาการเมืองนำทหาร เพื่อแยก “ทหารออกมาจากสถาบันฯ ” !
ทั้งสองภารกิจการเมืองดังกล่าว คือบทสรุปที่เรา “ทีมข่าวการเมือง” เห็นว่า
นี่คือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของนช.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ในการชักนำ-ระดมพลให้อดีตนายทหาร ทั้งทหารบก-ทหารเรือ-ทหารอากาศ ตบเท้าเดินเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรค และสวมใส่เสื้อพรรคเพื่อไทย
ถึงขณะนี้ หากไม่นับรวมกรณีของ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และ พลเอก จิรเดช คชรัตน์ อดีตรอง ผบ.ทบ. ที่เปิดตัวเข้าเพื่อไทยแบบโชว์เดี่ยว ไม่ได้มายกขบวนมาแบบเอิกเกริก
ก็ถือว่า มีอดีตนายทหารตบเท้าเข้าเพื่อไทยทั้งสิ้น 3 รุ่นแล้ว
เริ่มจากกลุ่มเตรียมทหารรุ่น 10 ที่มีทั้ง ทหาร-ตำรวจ รวม 52 คน ที่เข้าพรรคเมื่อ 20 ตุลาคม 2552 ก่อนจะเปิดแถลงข่าวขอยืนเคียงข้างเพื่อนรักคนดังแห่งรุ่น นช.ทักษิณ ชินวัตร ต่อสู้กับสิ่งที่ทหารกลุ่มนี้เรียกกันว่า อำมาตยาธิปไตย
ตามมาด้วย การเปิดตัวอดีตนายทหาร จปร. 9 และจปร.13 ภายใต้การนำของ “ทหารยาดองเหล้า” พล.ท.อุดม เกษพรหม อดีตเสนาธิการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ที่นำพรรคพวกซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นอดีตทหารสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี รวม 6 คนร่วมงานการเมืองกับเพื่อไทย
ซึ่งวันแรกที่เดินเข้าพรรค ก็ทำงานแบบหวังให้เข้าตา นช.ทักษิณ เจ้านายคนใหม่ เลยแถลงข่าวเปิดหน้าชกกับ “ป๋าเปรม” แบบไม่อ้อมค้อม แถมร้ายกว่านั้นมีการเอ่ยถ้อยคำด่าทอ “ประธานองคมนตรี” ซึ่งเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติ และมีความหมายยิ่งในทางการเมืองการปกครองของไทยมาตลอด
ท่าทีวันเปิดตัวเข้าพรรคของนายพลยาดอง แม้แต่แกนนำพรรคเพื่อไทย ก็ยังรับไม่ได้กับความสถุลของนายทหารคนดังกล่าว จนต้องก้มหน้าลงด้วยความอดสูใจหลังได้ยินถ้อยคำจากอดีตนายทหารระดับนายพล ซึ่งไม่ให้ความเคารพผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เมื่อเอ่ยถึง พลเอกเปรม
"ปัญหาทั้งหมดคือ "อ" เปรม ไม่เคยเรียกพลเอกเปรม ถ้าเมาหน่อยเรียกไอ้เปรม เมาหนักเรียก ไอ้เ_ยเปรม เมาหนักๆ เรียก เ_ด_ม่เปรม"
แล้วนายพลที่มีวุฒิภาวะแบบนี้ ทำทุกอย่างเพื่อหวังผลตอบแทนเล็กๆน้อยๆ ที่อาจได้ติดปลายนวม เช่น เงินเดือน เงินพิเศษ ตำแหน่งเทกระโถนทางการเมือง จนไปเที่ยวชักจูงนายทหารอีกหลายคนให้เข้ามาพรรคเพื่อไทย
คนแบบนี้ ทหารสิ้นคิดแบบนี้หรือ ที่มาทำตีฝีปากบอกว่าต้องเข้ามาเพื่อไทย เพื่อจะมาทำงานให้ประชาชน ให้บ้านเมือง มากอบกู้ประชาธิปไตย แต่กลับดูถูกประชาชนที่ จ.ลพบุรีว่า ลพบุรี เมืองทหาร
“พรรคเพื่อไทยส่งเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ”
แค่นี้ก็เห็นแล้วว่า หากปล่อยให้ทหารแบบนี้มีบทบาททางการเมือง มีแต่จะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟเสียมากกว่า จะมากอบกู้ประชาธิปไตย
และล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ก็จัดการต้อนอดีตนายทหาร-นายพล “เข้าคอก” เป็นรอบที่ 3
ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่า คุณภาพเริ่มถดถอยลงตามลำดับ จากที่เปิดตัวเตรียมทหาร 10 ยศนายพลเกินครึ่งร้อย มาล็อต 3 แม้มากด้วยปริมาณ แต่พบว่าคุณภาพเริ่มลดลง และไม่ได้รับความสนใจจากสังคมแล้ว กับการเปิดตัว อดีตนายทหารหน่วยรบพิเศษ (พลร่ม) ลพบุรี 46 นาย นำโดย พล.ท.ชิน สิทธิวรรณ
เส้นทางการเมืองของกลุ่ม “ทหารเก่า-กองกำลังหมดสภาพ” ในเพื่อไทย จะเป็น
ม้าใช้ หรือ แม่ทัพ
ให้ทักษิณ–เพื่อไทย หากศึกเลือกตั้งมาถึงเมื่อไรก็ได้รู้ แต่สภาพที่ปรากฏภายในพรรคเวลานี้ ทำให้ ส.ส.เพื่อไทยหลายคนอึดอัดใจ แต่ทำอะไรไม่ได้
จากเหตุที่นายทหารกลุ่มนี้ ต้องการได้ ตั๋วพิเศษ แบบเรียนลัด คือให้พรรคส่งลงสมัครส.ส.เพื่อไทย ทั้งระบบเขตและสัดส่วนทันที ทั้งที่ไม่มีฐานเสียง หรือคิดจะทำพื้นที่กันไว้ก่อน โดยการอ้างอาณัติสัญญาณจาก นช.ทักษิณ ว่าไฟเขียวแล้ว
มันเลยทำให้แกนนำพรรค-ส.ส.บางส่วนที่ไม่ใช่พวก “สายทหาร” เริ่มรู้สึกแล้วเช่นกันกับทิศทางการทำการเมืองของนช.ทักษิณ ต่อจากนี้ว่าต้องการอะไร
เพราะจะว่าไปในสายตาของ ส.ส.-นักเลือกตั้งที่คร่ำหวอดในสนามเลือกตั้ง มองคนกลุ่มนี้เป็นแค่
ทหารปลดระวาง -กองกำลังเสื่อมสภาพ
ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เศรษฐกิจ การเงิน การคลัง อันจะต้องเป็นจุดขายของพรรคในการหาเสียงเลือกตั้ง อีกทั้งก็ไม่ได้มีจุดแข็งที่จะทำให้พรรคหาเสียงได้
ที่สำคัญต้องยอมรับว่าทหารกับประชาชนห่างไกลกันมาก ยิ่งระดับนายพล ความคลุกคลีกับประชาชนในพื้นที่ยังสู้ตำรวจระดับชั้นประทวนไม่ได้เลย และมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้นายพลทั้งหลายมาเดินข้างถนน ยกมือไหว้ประชาชนขอคะแนนเสียง
คำถามจึงเกิดขึ้นจากคนในเพื่อไทย และสังคมว่า เพื่อไทย-ทักษิณ ต้องการอะไร?
ถ้าถามคนเพื่อไทย โดยเฉพาะกลุ่ม “ทหารเก่า” ก็จะอ้างว่าทั้งหมดที่เข้าพรรคเพื่อไทยเพราะต้องการเข้ามาปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงแม้จะเกษียณอายุราชการไปแล้ว นั่นคือการปกป้องและพิทักษ์ชาติ ศาสนา และสถาบันฯ และต้องการเห็นการเมืองเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
แต่คำตอบที่แท้จริง ก็อยู่ที่บทสรุปวิเคราะห์ของ “ทีมข่าวการเมือง” ข้างต้นว่า
1.หวังซ่องสุมกำลังพลเพื่อขู่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
อันเห็นได้จาก คำสารภาพของ พลโทมนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 ในวันที่ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ระบุว่า
“วันนี้อดีตทหาร ตำรวจ เตรียม 10 ที่เข้าพรรคเพื่อไทย ก็พร้อมที่จะเผชิญกับแรงบีบคั้นทุกรูปแบบที่คิดจะทำลายเพื่อไทย และทักษิณ โดยเฉพาะอำนาจนอกระบบ หรือแม้แต่ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ จากบ้านสี่เสาเทเวศร์
ฝ่ายตรงข้ามเรา พวกอำนาจนอกระบบ ผู้มีบารมีทั้งหลายกำลังมีปัญหาเรื่องอายุขัย ถามว่าวันนี้อายุเท่าไหร่แล้ว อยู่อีกไม่นาน ท่านเกินอายุขัยแล้ว ทุกอย่างจบแล้ว จะอยู่ได้นานขนาดไหน ผู้มีบารมีและอำนาจนอกระบบที่คิดจะมาทำอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย วันนี้จะอยู่ได้อีกไม่นาน"
แผนการเช่นนี้ “ป๋าเปรม” ผู้ผ่านการเมือง-การแย่งชิงอำนาจมากอย่างโชกโชน มีหรือจะอ่านไม่ออกว่า นช.ทักษิณ วางแผนและคิดอะไรในการใช้ที่ทำการพรรคเพื่อไทย เป็นแหล่งชุมนุมทหารเก่าให้มากที่สุด
โดยเฉพาะการเน้นทหารสายฮาร์ดคอร์ คือหน่วยรบสงครามพิเศษ และกลุ่มที่เสียประโยชน์ให้มาเป็นพวก เช่น ทหารพรานค่ายปักธงชัย ที่ถูกรัฐบาลประชาธิปัตย์ยุบไป ว่าต้องต่อสู้เพื่อเรียกศักดิ์ศรีทหารพรานกลับคืนมา ด้วยการร่วมสนับสนุนคนเสื้อแดง
คำเตือน ป๋าเปรม ถึงน้องจิ๋ว ที่บอกว่า “อย่าทรยศชาติ” จึงไม่ได้แค่เตือนอดีตน้องรักคนนี้คนเดียว แต่หมายถึงการส่งสัญญาณไปให้อดีตทหารทั้งหลายที่ก้มหัวเป็นสมุนรับใช้นช.ทักษิณได้รู้ว่า
ป๋ารู้ทัน และพร้อมจะสู้เช่นกัน
2. มุ่งหมายจะทำการเมืองเชิงสัญลักษณ์และการเคลื่อนไหวแบบเอาการเมืองนำทหาร เพื่อแยก”ทหารออกมาจากสถาบัน” !
เพราะ ”ทหาร-กองทัพ” คือ องค์รักษ์ที่มีหน้าที่หลักคือ ปกป้องและยืนเคียงข้างสถาบันฯโดยยอมตายได้ เพื่อรักษาหน้าที่
นช.ทักษิณ จึงให้ความสำคัญกับการดึงทหารจากกรมกองต่างๆ มาอยู่กับเพื่อไทย เพื่อต้องการแสดงให้เห็นว่า
เพื่อไทย คือพรรคทหาร และทหารวันนี้ต้องฝักใฝ่การเมือง ไม่ใช่ทหารของสถาบันฯ อีกต่อไป
“แยกทหารออกจากสถาบัน”
จึงเป็นแผนการต่อยอดของนช.ทักษิณ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ทำการ ”แยกประชาชนออกมาจากสถาบัน” ด้วยการจัดตั้งกองกำลังเสื้อแดง และทำภารกิจหลายอย่างที่ไม่บังควร เช่นการล่าชื่อประชาชนถวายฎีกาให้ นช.ทักษิณ พ้นโทษ
แผนทั้งหมดของนช.ทักษิณ จะสำเร็จหรือไม่ มันก็อยู่ที่จิตสำนึกและเลือดทหารรักชาติ-รักสถาบันฯ ที่ต้องมีอยู่ในตัวทหารทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทหารที่ยังรับราชการอยู่ หรืออดีตทหารแก่ที่ปลดระวาง แม้วันนี้มีอดีตทหารหลงผิดเดินเข้าเพื่อไทย แต่หากทหารส่วนใหญ่ทั้งหมดรู้เท่าทันสิ่งที่ นช.ทักษิณคิดและต้องการ
“ทีมข่าวการเมือง”เชื่อว่าวันข้างหน้าเมื่อความจริงกระจ่างชัด ทหารหลงผิดทั้งหลาย จะต้องเสียใจไปจนวันตาย ที่ถูก นช.ทักษิณหลอกใช้ให้นำเครื่องแบบทหารมาหากินเช่นนี้
ยกเว้นก็แต่ทหารเหล่านี้เต็มใจจะตกเป็นเครื่องมือให้นช.ทักษิณ เพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางการเมือง และการเงิน จนลืมคำสัตย์ปฏิญาณในวันที่รับราชการทหารวันแรกในชีวิตจนสิ้น