รายงานการเมือง
โดย..คนหน้ากลม
การชุมนุมขงคนเสื้อแดงในวันที่ 10 ธ.ค. โดยไม่แคร์ว่าจะส่งผกระทบกับช่วงเวลาแห่งความสุขที่คนไทยกำลังเฉลิมฉลองในห้วงมหามงคล
สะท้อนให้เห็นถึงความคิดของตัวพ่ออย่าง “นช.แม้ว” ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่า “ถ้ากูยังไม่มีความสุข อย่าหวังว่าประเทศนี้จะสงบสุขเลย”
ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่คนไทยจะมีความสุขกับช่วงเทศกาล คนเสื้อแดงต้องออกโรง ดิบ เถื่อน ถ่อย ทำลายความสุขคนไทยทุกคราวไป ตั้งแต่สงกรานต์แดงถ่อย มาจนถึงช่วงมหามงคล และแนวโน้มน่าจะเลื่อนเปื้อนไปถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย
ที่น่าสะอิดสะเอียนกว่านั้นคือ “นช.แม้ว” ยังกล้าที่จะเอาหลังพิงสถาบัน อ้างต้องการร่วมถวายพระพรเพื่อแสดงความจงรกภักดี โดยใช้โอกาสในวันรัฐธรรมนูญมาเป็นผู้นำจุดเทียนชัย
แค่คิดก็น่าเวทนาแล้ว เพราะคนทั่วบ้านทั่วเมืองเขารู้กันดีว่าสัญชาติจิ้งจอกมันเป็นอย่างไร ข้อความที่ปรากฏอล่างฉ่างอยู่ในเดอะไทมส์ออนไลน์ เปลือยตัวตนของ “นช.แม้ว” จนหมดเปลือกว่า “ความภักดีที่มีต่อสถาบันนั้นฉาบยาพิษที่คิดล้มล้างอยู่ตลอดเวลา”
ขนาดการถวายพระพรซึ่งคนไทยเริ่มต้นกันตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคมเรื่อยมา คนเสื้อแดงกลับไม่อินังขังขอบ แถมมาประกาศแยกส่วนถวายพระพรเฉพาะคนเสื้อแดงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณถนนราชดำเนิน อันเป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองเสียอีก
จะแสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ยังแบ่งแยกประชาชน หรือกำลังส่งสัญญาณตีตนเสมอเจ้านาย ประกาศว่า นี่คือ “เสื้อแดงของผม” ทั้งๆ ที่ผืนแผ่นดินนี้แต่บรรพกาลมามีแต่พสกนิกรของพระองค์เท่านั้น แล้วจะมาร่ำหาคนกลางไกล่เกลี่ย ใครจะไปหลงลม เพราะเขารู้เช่นเห็นชาติหมดแล้วว่า เลวระยำได้ใจ กล้าทำร้ายบ้านเมืองเพียงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนตัว
หากคนเสื้อแดงจะมีจิตสำนึกสักนิดคงไม่เป็นทาสคนคดเช่น “นช.แม้ว” เพราะเห็นกันชัดเจนว่าทุกการกระทำล้วนแต่มี “วาระซ่อนเร้นให้ชาติย่อยยับอับปาง ไม่เป็นปกติสุขทั้งสิ้น”
รวมถึงการชุมนุครั้งล่าสุดที่กำลังเกิดขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคมด้วย เพราะหากต้องการให้เป็นสัญลักษณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยึดเอาวันรัฐธรรมนูญมาเป็นตัวตั้งแล้ว กิจกรรมต่างๆ ที่เอาอดีตผู้พิพากษาเสื้อแดงมาปั่นหัวให้คนเสื้อแดงเกลียดชังสถาบันตุลาการอันเป็นที่บ่มเพาะตัวเอง และใช้นักวิชาเกินความคิดอัปรีย์มาจัดชุดความคิดจัญไรให้คนเสื้อแดงหลงผิดนั้นล้วนสามารถจัดได้ภายในอาคาร ไม่จำเป็นต้องมาปิดถนนราชดำเนิน ซึ่งใช้เป็นที่จัดงานเฉลิมฉลองของคนไทยทั้งชาติ
แค่นี้หางแดงก็โผล่ชัดว่าต้องการะไร
เพราะถ้าอยากถวายพระพร คนเสื้อแดงก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่สามารถเฉลิมฉลองได้ในช่วงเวลาเดียวกับที่คนทั้งประเทศเขามีความสุข
เรามีความสุขร่วมกันได้ เว้นแต่พวกเสื้อแดงต้องการมีความสุขบนความทุกข์ของบ้านเมือง
ที่สำคัญการแสดงความจงรักภักดีต้องปลอดจากการเมือง ไม่บังควรอย่างยิ่งที่จะเอาการถวายพระพรมาบังหน้าการจัดกิจกรรมป่วนชาติ
เชื่อว่าคนเสื้อแดงที่ยังมีสำนึกคนไทยไม่ได้มีใจเป็นเขมร น่าจะมองออกและคงไม่เข้ามาร่วมสังฆกรรมกับกิจกรรมอุบาทว์นี้ ประกอบกับความแตกแยกในกลุ่มคนเสื้อแดงเองก็ทำให้การรวมพลังไม่น่าจะทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเหมือนที่คาดหวัง
ดังนั้น จำนวนคนที่จะมารวมชุมนุมไม่น่าจะล้นทะลักหลักแสนเหมือนที่สามเกลอกล่าวอ้าง
แต่รัฐบาลจะประมาทไม่ได้ เพราะจำนวนคนไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกถึงความรุนแรง การชุมนุมเรือนล้านแต่กระทำโดยสงบก็ไม่ได้สร้างความวุ่นวายให้แก่บ้านเมือง ตรงกันข้าม แม้มีแค่หลักร้อย หลักพัน แต่ถ้าจงใจสร้างความรุนแรงก็ทำให้เกิดเหตุอันยากจะคาดเดาได้เช่นเดียวกัน
สิ่งที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องะวังให้จงหนัก คือ การกระทบกระทั่งระหว่างประชาชนกับคนเสื้อแดงที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
แม้ว่ารัฐบาลจะงดการจัดงานในวันที่ 10 ธ.ค. เพื่อเปิดทางให้คนเสื้อแดงจัดกิจกรรมกันให้เต็มเหนี่ยว แต่ก็น่าจะยังมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่อาจเดินทางไปชมไฟในบริเวณโดยรอบ จึงอาจเกิดเหตุทะเลาะวิวาทได้
เพราะคงมีคนที่หงุดหงิดกับการกระทำอันไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาของคนเสื้อแดง กระทั่งอาจมีการตะโกนด่า หรือถึงขึ้นใช้กำลัง แม้เหตุที่เกิดจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ถึงขั้นวางระเบิด ยิงเอ็ม 79 แต่มันก็เพียงพอทีจะทำลายบรรยากาศแห่งความสุขที่คนไทยกำลังดื่มด่ำอยู่ในขณะนี้ได้
เลวร้ายไปกว่านั้นการทะเลาะวิวาทกลุ่มเล็กๆ อาจขยายเป็นการจลาจลย่อยๆ กลางเมืองได้ไม่ยากนัก เพาะอาจมีการสร้างสถานการณ์ว่าเจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติ ไม่ให้ความเป็นธรรมกับคนเสื้อแดง จนเป็นชนวนให้มีการก่อหวอดชุมนุมยืดเยื้อ หรืออาจบานปลายถึงขั้นเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งเสื้อแดงยังปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จตามบัญชาของ “นช.แม้ว”
อย่าลืมตัวละคร “เสือพรานจากค่ายปักธงชัย” ที่ทหารเลวตามคำนิยามของปลัดกระทรวงกลาโหม ออกมาโพนทนาเอาไว้
แม้หลายคนจะไม่ให้ค่าแต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า คำพูดของ “เสธ.แดง” เกิดเหตุจริงมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
แถมวันนี้ยังมี “พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” มาร่วมวงไพบูลย์ด้วย ภาพมอเตอร์ไซค์ซิ่งเผาสถานที่ราชการในช่วงพฤษภาทมิฬ เป็นสิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงไม่ควรมองข้าม
อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น กับคนที่ไร้คุณธรรมขาดจิตสำนึกต่อบ้านเมือง
แม้กระทั่งฉากละครความห่วงใยของคนเป็นแม่กับลูกชายที่ติดคุกในกัมพูชา ก็อาจจะไปแสดงเรียกน้ำตาบนเวทีเสื้อแดง เพื่อพลิกบท “นช.แม้ว” จากผู้ร้ายชาติชั่วมาเป็นพระเอกแสนดีผู้เสียสละ ตามที่ได้อำนวยการสร้างกันไปแล้ว
แต่ไม่ว่าจะใช้กลยุทธ์จุดชนวนเท่าไหร่ก็ไม่น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน เหมือนที่ “นช.แม้ว” ฝันเปียกเอาไว้
เพราะคนไทยรู้เท่าทันความจัญไรของคนต่ำช้าแล้ว ไม่ใช่เพราะเขาสนับสนุนรัฐบาล แต่เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวไม่มีที่สิ้นสุดของ “นช.แม้ว” ทำให้เดินเกมผิพลาดมาโดยตลอด
ภาพการเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจคงเหลือเพียงแค่คนชั่วป่วนเมือง ชักศึกเข้าบ้าน
ภาพคนเสื้อแดงที่เคยใส่เสื้อคลุมประชาธิปไตย ก็มีค่าเพียงแค่หางแดงที่คอยกระดิกระริกใส่เจ้านายขอกระดูกส่วนแบ่งเท่านั้น
ภาพของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยกยังคงเส้นคงวากับการเป็นทาสน้ำเงินของ “นช.แม้ว”
แล้วจะเหลือความชอบธรรมอะไรที่จะมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ในเมื่อระบบและกลไกทุกอย่างกำลังเดินหน้า แม้จรไม่ถึงขนาดเป็นไปตามความคาดหวังของคนไทยมากนัก แต่ก็ไม่ได้สะดุดจนเดินต่อไม่ได้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลนอมินีสมัคร-สมชาย
เศรษฐกิจก็กำลังฟื้นตัว
ประชาชนได้ประโยชน์จากนโยบายหลายอย่างของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการประกันราคาพืชผล ไปจนถึงการแก้หนี้นอกระบบ
แม้จะมีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันให้เห็น แต่ก็ยังเห็นความพยายามแก้ปัญหาจากผู้นำรัฐบาลอย่าง “อภิสิทธิ์”
ขณะเดียวกัน ฝ่ายค้านก็สามารถตรวจสอบ และโค่นล้มรัฐบาลได้ตามกลไกของระบบรัฐสภาด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
สู้กันในระบบ ยอมรับในกติกา จึงจะทำให้บ้านเมืองมีความมั่นคงเป็นปกติสุข
เรื่องแบบนี้ “นช.แม้ว-เสื้อแดง-เพื่อไทย” ทำเป็นไหม
หรือ “ชิน” แต่ “ชั่ว” จนลืมไปแล้วว่า “ความงดงาม” เป็นอย่างไร
โดย..คนหน้ากลม
การชุมนุมขงคนเสื้อแดงในวันที่ 10 ธ.ค. โดยไม่แคร์ว่าจะส่งผกระทบกับช่วงเวลาแห่งความสุขที่คนไทยกำลังเฉลิมฉลองในห้วงมหามงคล
สะท้อนให้เห็นถึงความคิดของตัวพ่ออย่าง “นช.แม้ว” ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่า “ถ้ากูยังไม่มีความสุข อย่าหวังว่าประเทศนี้จะสงบสุขเลย”
ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่คนไทยจะมีความสุขกับช่วงเทศกาล คนเสื้อแดงต้องออกโรง ดิบ เถื่อน ถ่อย ทำลายความสุขคนไทยทุกคราวไป ตั้งแต่สงกรานต์แดงถ่อย มาจนถึงช่วงมหามงคล และแนวโน้มน่าจะเลื่อนเปื้อนไปถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย
ที่น่าสะอิดสะเอียนกว่านั้นคือ “นช.แม้ว” ยังกล้าที่จะเอาหลังพิงสถาบัน อ้างต้องการร่วมถวายพระพรเพื่อแสดงความจงรกภักดี โดยใช้โอกาสในวันรัฐธรรมนูญมาเป็นผู้นำจุดเทียนชัย
แค่คิดก็น่าเวทนาแล้ว เพราะคนทั่วบ้านทั่วเมืองเขารู้กันดีว่าสัญชาติจิ้งจอกมันเป็นอย่างไร ข้อความที่ปรากฏอล่างฉ่างอยู่ในเดอะไทมส์ออนไลน์ เปลือยตัวตนของ “นช.แม้ว” จนหมดเปลือกว่า “ความภักดีที่มีต่อสถาบันนั้นฉาบยาพิษที่คิดล้มล้างอยู่ตลอดเวลา”
ขนาดการถวายพระพรซึ่งคนไทยเริ่มต้นกันตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคมเรื่อยมา คนเสื้อแดงกลับไม่อินังขังขอบ แถมมาประกาศแยกส่วนถวายพระพรเฉพาะคนเสื้อแดงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณถนนราชดำเนิน อันเป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองเสียอีก
จะแสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ยังแบ่งแยกประชาชน หรือกำลังส่งสัญญาณตีตนเสมอเจ้านาย ประกาศว่า นี่คือ “เสื้อแดงของผม” ทั้งๆ ที่ผืนแผ่นดินนี้แต่บรรพกาลมามีแต่พสกนิกรของพระองค์เท่านั้น แล้วจะมาร่ำหาคนกลางไกล่เกลี่ย ใครจะไปหลงลม เพราะเขารู้เช่นเห็นชาติหมดแล้วว่า เลวระยำได้ใจ กล้าทำร้ายบ้านเมืองเพียงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนตัว
หากคนเสื้อแดงจะมีจิตสำนึกสักนิดคงไม่เป็นทาสคนคดเช่น “นช.แม้ว” เพราะเห็นกันชัดเจนว่าทุกการกระทำล้วนแต่มี “วาระซ่อนเร้นให้ชาติย่อยยับอับปาง ไม่เป็นปกติสุขทั้งสิ้น”
รวมถึงการชุมนุครั้งล่าสุดที่กำลังเกิดขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคมด้วย เพราะหากต้องการให้เป็นสัญลักษณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยึดเอาวันรัฐธรรมนูญมาเป็นตัวตั้งแล้ว กิจกรรมต่างๆ ที่เอาอดีตผู้พิพากษาเสื้อแดงมาปั่นหัวให้คนเสื้อแดงเกลียดชังสถาบันตุลาการอันเป็นที่บ่มเพาะตัวเอง และใช้นักวิชาเกินความคิดอัปรีย์มาจัดชุดความคิดจัญไรให้คนเสื้อแดงหลงผิดนั้นล้วนสามารถจัดได้ภายในอาคาร ไม่จำเป็นต้องมาปิดถนนราชดำเนิน ซึ่งใช้เป็นที่จัดงานเฉลิมฉลองของคนไทยทั้งชาติ
แค่นี้หางแดงก็โผล่ชัดว่าต้องการะไร
เพราะถ้าอยากถวายพระพร คนเสื้อแดงก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่สามารถเฉลิมฉลองได้ในช่วงเวลาเดียวกับที่คนทั้งประเทศเขามีความสุข
เรามีความสุขร่วมกันได้ เว้นแต่พวกเสื้อแดงต้องการมีความสุขบนความทุกข์ของบ้านเมือง
ที่สำคัญการแสดงความจงรักภักดีต้องปลอดจากการเมือง ไม่บังควรอย่างยิ่งที่จะเอาการถวายพระพรมาบังหน้าการจัดกิจกรรมป่วนชาติ
เชื่อว่าคนเสื้อแดงที่ยังมีสำนึกคนไทยไม่ได้มีใจเป็นเขมร น่าจะมองออกและคงไม่เข้ามาร่วมสังฆกรรมกับกิจกรรมอุบาทว์นี้ ประกอบกับความแตกแยกในกลุ่มคนเสื้อแดงเองก็ทำให้การรวมพลังไม่น่าจะทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเหมือนที่คาดหวัง
ดังนั้น จำนวนคนที่จะมารวมชุมนุมไม่น่าจะล้นทะลักหลักแสนเหมือนที่สามเกลอกล่าวอ้าง
แต่รัฐบาลจะประมาทไม่ได้ เพราะจำนวนคนไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกถึงความรุนแรง การชุมนุมเรือนล้านแต่กระทำโดยสงบก็ไม่ได้สร้างความวุ่นวายให้แก่บ้านเมือง ตรงกันข้าม แม้มีแค่หลักร้อย หลักพัน แต่ถ้าจงใจสร้างความรุนแรงก็ทำให้เกิดเหตุอันยากจะคาดเดาได้เช่นเดียวกัน
สิ่งที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องะวังให้จงหนัก คือ การกระทบกระทั่งระหว่างประชาชนกับคนเสื้อแดงที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
แม้ว่ารัฐบาลจะงดการจัดงานในวันที่ 10 ธ.ค. เพื่อเปิดทางให้คนเสื้อแดงจัดกิจกรรมกันให้เต็มเหนี่ยว แต่ก็น่าจะยังมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่อาจเดินทางไปชมไฟในบริเวณโดยรอบ จึงอาจเกิดเหตุทะเลาะวิวาทได้
เพราะคงมีคนที่หงุดหงิดกับการกระทำอันไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาของคนเสื้อแดง กระทั่งอาจมีการตะโกนด่า หรือถึงขึ้นใช้กำลัง แม้เหตุที่เกิดจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ถึงขั้นวางระเบิด ยิงเอ็ม 79 แต่มันก็เพียงพอทีจะทำลายบรรยากาศแห่งความสุขที่คนไทยกำลังดื่มด่ำอยู่ในขณะนี้ได้
เลวร้ายไปกว่านั้นการทะเลาะวิวาทกลุ่มเล็กๆ อาจขยายเป็นการจลาจลย่อยๆ กลางเมืองได้ไม่ยากนัก เพาะอาจมีการสร้างสถานการณ์ว่าเจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติ ไม่ให้ความเป็นธรรมกับคนเสื้อแดง จนเป็นชนวนให้มีการก่อหวอดชุมนุมยืดเยื้อ หรืออาจบานปลายถึงขั้นเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งเสื้อแดงยังปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จตามบัญชาของ “นช.แม้ว”
อย่าลืมตัวละคร “เสือพรานจากค่ายปักธงชัย” ที่ทหารเลวตามคำนิยามของปลัดกระทรวงกลาโหม ออกมาโพนทนาเอาไว้
แม้หลายคนจะไม่ให้ค่าแต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า คำพูดของ “เสธ.แดง” เกิดเหตุจริงมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
แถมวันนี้ยังมี “พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” มาร่วมวงไพบูลย์ด้วย ภาพมอเตอร์ไซค์ซิ่งเผาสถานที่ราชการในช่วงพฤษภาทมิฬ เป็นสิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงไม่ควรมองข้าม
อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น กับคนที่ไร้คุณธรรมขาดจิตสำนึกต่อบ้านเมือง
แม้กระทั่งฉากละครความห่วงใยของคนเป็นแม่กับลูกชายที่ติดคุกในกัมพูชา ก็อาจจะไปแสดงเรียกน้ำตาบนเวทีเสื้อแดง เพื่อพลิกบท “นช.แม้ว” จากผู้ร้ายชาติชั่วมาเป็นพระเอกแสนดีผู้เสียสละ ตามที่ได้อำนวยการสร้างกันไปแล้ว
แต่ไม่ว่าจะใช้กลยุทธ์จุดชนวนเท่าไหร่ก็ไม่น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน เหมือนที่ “นช.แม้ว” ฝันเปียกเอาไว้
เพราะคนไทยรู้เท่าทันความจัญไรของคนต่ำช้าแล้ว ไม่ใช่เพราะเขาสนับสนุนรัฐบาล แต่เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวไม่มีที่สิ้นสุดของ “นช.แม้ว” ทำให้เดินเกมผิพลาดมาโดยตลอด
ภาพการเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจคงเหลือเพียงแค่คนชั่วป่วนเมือง ชักศึกเข้าบ้าน
ภาพคนเสื้อแดงที่เคยใส่เสื้อคลุมประชาธิปไตย ก็มีค่าเพียงแค่หางแดงที่คอยกระดิกระริกใส่เจ้านายขอกระดูกส่วนแบ่งเท่านั้น
ภาพของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยกยังคงเส้นคงวากับการเป็นทาสน้ำเงินของ “นช.แม้ว”
แล้วจะเหลือความชอบธรรมอะไรที่จะมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ในเมื่อระบบและกลไกทุกอย่างกำลังเดินหน้า แม้จรไม่ถึงขนาดเป็นไปตามความคาดหวังของคนไทยมากนัก แต่ก็ไม่ได้สะดุดจนเดินต่อไม่ได้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลนอมินีสมัคร-สมชาย
เศรษฐกิจก็กำลังฟื้นตัว
ประชาชนได้ประโยชน์จากนโยบายหลายอย่างของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการประกันราคาพืชผล ไปจนถึงการแก้หนี้นอกระบบ
แม้จะมีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันให้เห็น แต่ก็ยังเห็นความพยายามแก้ปัญหาจากผู้นำรัฐบาลอย่าง “อภิสิทธิ์”
ขณะเดียวกัน ฝ่ายค้านก็สามารถตรวจสอบ และโค่นล้มรัฐบาลได้ตามกลไกของระบบรัฐสภาด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
สู้กันในระบบ ยอมรับในกติกา จึงจะทำให้บ้านเมืองมีความมั่นคงเป็นปกติสุข
เรื่องแบบนี้ “นช.แม้ว-เสื้อแดง-เพื่อไทย” ทำเป็นไหม
หรือ “ชิน” แต่ “ชั่ว” จนลืมไปแล้วว่า “ความงดงาม” เป็นอย่างไร