กกต.มีมติ ส่งเรื่องสถานภาพความเป็นรัฐมนตรีช่วยคลัง ให้ศาล รธน.พิจารณา เนื่องจากจงใจปกปิดการถือหุ้นเกิน 5% โดยไม่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ยันข้อชี้แจงบริษัททั้ง 2 แห่งได้เลิกกิจการไปแล้ว ฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อได้ตรวจสอบก็พบว่า บริษัทแห่งหนึ่งยังอยู่ขั้นตอนการชำระบัญชี
วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.แถลงว่า ที่ประชุม กกต.มีมติเสียงข้างมาก เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ให้เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความเป็นรัฐมนตรีของ นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 วรรคสาม ทั้งนี้สืบเนื่องจาก การที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีหนังสือแจ้งต่อ กกต.ว่า นายพฤฒิชัยได้ถือหุ้นในบริษัทเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยได้ถือหุ้นใน 2 บริษัท คือ หุ้นในบริษัท ครัวราสเบอรี่ จำกัด จำนวน 200 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 1,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 20 และถือหุ้นในบริษัท อีสเทอร์น ดราก้อน จำกัด จำนวน 450,000 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 4 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 11.25 จึงเป็นการถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จำหน่ายได้ในบริษัท และมิได้มีหนังสือแจ้งให้ประธาน ป.ป.ช.ทราบว่าประสงค์จะได้รับประโยชน์จากการเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในบริษัททั้ง 2 แห่ง ภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 269 ประกอบมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา182 (7)
นายสุทธิพลกล่าววา การกระทำดังกล่าวของนายพฤฒิชัยเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายโดยเจตนา เป็นการจงใจปกปิดการถือหุ้น ข้ออ้างที่นายพฤฒิชัยหยิบยกขึ้นต่อสู้โดยระบุว่า บริษัททั้ง 2 แห่งได้เลิกกิจการไปแล้ว เป็นการฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อได้ตรวจสอบก็พบว่าบริษัทแห่งหนึ่งยังอยู่ขั้นตอนการชำระบัญชี และอีกหนึ่งแห่งยังไม่ได้ชำระบัญชี ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1, 249 แม้บริษัทจะเลิกกิจการแต่ก็ให้ถือว่ายังคงตั้งอยู่ ตลอดระยะเวลาที่จำเป็นในการชำระบัญชี ดังนั้น จึงถือว่าบริษัททั้ง 2 แห่งยังคงอยู่ อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าว ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบ แต่ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดที่ให้อำนาจป.ป.ช.ในการดำเนินการ ต่อ ดังนั้น ป.ป.ช.จึงส่งเรื่องดังกล่าวแจ้งแก่ นายกรัฐมนตรี ประธานสภาฯ ประธานวุฒิสภา และประธาน กกต.เพื่อให้ดำเนินการต่อตามรัฐธรรมนูญ และในการนี้โดย กกต.มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรค 3 ในการเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา