xs
xsm
sm
md
lg

ครม.โยกรอง อธ.ดีเอสไอ นั่งตบยุงผู้ตรวจฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“มาร์ค” สั่งทบทวนข้าราชการออกนอกระบบ ชี้ ทำยาก เสนอนำร่อง ขรก.ออกนอกระบบ ยันตั้ง ก.พ.ร.มา 8 ปี ควรทบทวนโบนัสข้าราชการใหม่ ที่ประชุมเห็นชอบตามข้อเสนอกระทรวงยุติธรรม โยก “กัญญานุช” นั่งรองปลัด เด้ง “ดุษฎี” รองดีเอสไอเข้ากรุ เป็นผู้ตรวจฯ


วันนี้ (24 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับปรุงระบบราชการ ว่า เป็นการรวบรวมเพื่อเป็นการปรับปรุงระบบราชการต่อไป แต่ที่ ก.พ.ร.ให้หน่วยงานต่างๆทบทวนภารกิจตัวเอง และได้ให้ ครม.พิจารณาแล้วที่สุดเห็นว่ามีความก้าวหน้าค่อนข้างยาก เพราะในอดีตเวลาให้หน่วยงานต่างๆ ทบทวนภารกิจของตัวเอง พบว่า มักจะมีภารกิจส่วนใหญ่ของตนเป็นภารกิจหลัก สุดท้ายจะทำอะไรได้น้อยมาก ซึ่งตนได้คุยกับทาง ก.พ.ร.แล้วเบื้องต้น จะเชิญให้มีการประชุมร่วมกันทั้ง ก.พ.และ ก.พ.ร.

ทั้งนี้ การหยิบยกภารกิจกรณีตัวอย่างการปรับภารกิจของบางหน่วยงานออกจากระบบราชการไป และมีมาตรการรองรับที่ดีสำหรับทุกฝ่าย และจะทำในลักษณะโครงการนำร่อง และคิดว่าหากทำโครงการสำเร็จ จะสามารถขับเคลื่อนตามเป้าหมายได้ดี คาดว่า ประมาณ 2-3 สัปดาห์ในการให้ทาง ก.พ.และ ก.พ.ร.หารือ

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.ตีกลับมาตรการทบทวนบทบาทภารกิจของส่วนราชการ ตามมาตรา 33 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลัหเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 ตามที่ ก.พ.ร.เสนอ

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เห็นว่า ขอให้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ที่กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการ้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) นัดเวลาประชุมอย่างเร่งด่วนเพื่อกำหนดเรื่องการดึงส่วนราชการออกนอกระบบตามที่ ก.พ.ร.เสนอ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียังเห็นว่า บทบาทของ ก.พ.ร.ในขณะนี้ก็สมควรที่จะต้องมาพิจารณาใหม่ว่ามีความซ้ำซ้อนกับการทำการของ ก.พ.หรือไม่

“นายกฯเห็นว่า ข้อเสนอที่ ก.พ.ร.เสนอมานั้น ไม่ผิด แต่เห็นว่าบางเรื่องทำได้ยาก เพราะทราบว่าอายุเฉลี่ยของข้าราชการขณะนี้สูงถึง 40 ปี ซึ่งถือว่ามากและขอให้ ก.พ.ร.เสนอเป็นโครงการนำร่องมาหนึ่งโครงการเพื่อเป็นตัวอย่างว่าหากออกจากระบบจะได้ประโยชน์อย่างไร”

แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.แจ้งว่า ในที่ประชุมนายกฯ เห็นว่า ก.พ.ร.ซึ่งตามกฎหมายเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินการปรับระบบราชการในระยะ 3 ปีตามกฎหมายและมีการอนุมัติให้ดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่เมื่อ ก.พ.ร.อยู่มาถึง 7-8 ปี ก็ควรจะทบทวนบทบาทและภารกิจของ ก.พ.ร.เองด้วย ว่ามีความซ้ำซ้อนหรือไม่

ทั้งนี้ ก.พ.ร.เสนอปรับภารกิจให้คงเหลือเฉพาะบทบาทภารกิจหลักที่สำคัญ จำเป็นและมีความคุ้มค่าต่อการปฏิบัติงาน และจะจัดการกำลังคนประเภทต่างๆ โดยเฉพาะข้าราชการกับพนักงานราชการอย่างเหมาะสม ขณะที่จะสามารถลดงบประมาณได้กว่า 50,000 ล้านบาท

ที่ผ่านมา นายกฯได้ขอให้ทบทวนบทบาทภารกิจของกระทรวงสาธารณสุข โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่า การให้มีการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ หรือปรับปรุงหน่วยงานเป็นกรณีทั่วไป อาจกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของรัฐทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้ เพราะลักษณะงานที่เปลี่ยนแปลงไปอาจไม่สอดคล้องกับโครงสร้างเดิมหรือจำนวนบุคลากรที่มีไม่เพียงพอ

ขณะที่สำนักงบประมาณ เห็นว่า ประมาณค่าใช้จ่ายและงบประมาณที่ประหยัดได้ตามมาตรการ มีความแตกต่างกันมาก ดังนั้น จึงควรทบทวนให้ถูกต้อง ครบถ้วนเพื่อประกอบการตัดสินใจ ขณะที่เห็นว่า ควรจะทบทวนหลักการค่าตอบแทนตามผลงาน หรือโบนัสข้าราชการเพื่อจะพิจารณาถึงความประหยัดรายจ่ายในแต่ละปี ขณะที่โครงการเออร์ลีรีไทร์ควรมีมาตรการเพิ่มเติมที่จะประกันได้ว่าการคัดเลือกสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านบุคคลระยะยาว โดยรักษาสิทธิของระบบราชการไว้

“การปรับลดพนักงานราชการบางส่วน การจัดตั้งองค์การชั่วคราวเพื่อการรองรับการโอนภารกิจต้องศึกษาอย่างรอบครอบ เพราะจะมีผลกระทบต่อขวัญกำลังใจ”

นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมิตงตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ที่ว่างและแทนกัน จำนวน 3 คน ดังนี้ 1.เลื่อน นายวิทยา สุริยะวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักงาน สำนักงานกิจการยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม 2.ย้าย น.ส.กัญญานุช สอทิพย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม และ 3.เลื่อน พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
กำลังโหลดความคิดเห็น