สถานการณ์บ้านเมืองมาถึงตรงนี้ต้องบอกว่าเป็นจุดไคลแม็กซ์ของศึกชิงอำนาจประเทศไทย และอย่าได้ประมาทนักโทษชาย “ทักษิณ ชินวัตร” ที่เปิดเกมรุกทั้งในและนอก ตีขนาบประชิดเมือง
สำหรับศึกนอก ที่นักโทษชาย ว่าจ้าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และผู้นำเขมร ฮุนเซน ช่วยเดินเกมเผาเมือง อาจเพลาๆ ความร้อนแรงไป ปมปัญหาถูกขีดวงมาอยู่ที่ประเด็นการจับตัว ศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย ในข้อหาจารกรรมข้อมูลของทางการกัมพูชา
ประเด็นที่ “หัวขวดคางคก” จตุพร พรมพันธุ์ พยายาม เปิดประเด็น “เทปลับ” การสั่งการจากสถานทูตไทยไปยังวิศวกรไทยรายนี้ เพื่อขยายรอยร้าว แต่ก็ถูกตบปากโดยคำปฏิเสธของ “เตียบัญ” รองนายกฯ และรมว.กลาโหมกัมพูชาว่าไม่เป็นความจริง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เขมรเจ้าเล่ห์อย่างฮุนเซนเปิดข้อเท็จจริงเอาใจรัฐบาลไทย เพียงแต่ที่ฮุนเซนไม่เอาเรื่องนี้มาเล่น
เพราะจะเท่ากับยอมรับความผิด ในเรื่องการดักฟังโทรศัพท์ ล่วงละเมิดสิทธิสถานทูต ที่ถือเป็นอาณาเขตของประเทศนั้นๆ
แต่หากมองตามข้อเท็จจริง เรื่อง “เทปลับ” ดังกล่าวหากมีมูลความจริงบ้าง ก็คงไม่แปลก เพราะไทย-เขมร ที่มีอาณาเขตดินแดนติดต่อกัน และกระทบกระทั่งกันเรื่อยมา ย่อมไม่มีใครไว้วางใจใคร
ขณะที่ทางเขมรเอง จอมเผด็จการที่หลงเหลือไม่อยู่กี่รายบนโลกใบนี้อย่างฮุนเซน ก็ย่อมรู้ตัวดีว่า นานาชาติไม่ยอมรับ จ้องที่เข้ามาเจาะข่าวความเคลื่อนไหวของประเทศที่ “หลับไม่รู้ตื่น” ประเทศนี้ และจะเป็นอันตรายต่ออำนาจเผด็จการของเขา
การ “ล้วงตับ” ต่างชาติ จึงเป็นงานข่าวกรองระดับลับมากที่สุด ที่ “ฮุนเซน” อาจกระทำแต่ไม่อาจเปิดเผย!
ทั้งนี้ ถ้าประเมินสถานการณ์ในภาพรวม แนวโน้มความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ก็น่าจะสงบลงได้ เมื่อฮุนเซนเองไม่ต้องการต่อความยาวสาวความยืดเรื่องเทปลับ ขณะที่ประเทศสมาชิกอาเซียน ก็ตั้งท่าเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย ก่อนจะแตกเป็นเสี่ยง
กระนั้นก็ดี จิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างฮุนเซนไม่อาจไว้วางใจได้ โดยเฉพาะล่าสุด เขมรยังเปิดประเด็นช่วยทักษิณต่อเนื่อง ป่าวประกาศจะสร้างบ้านให้ “ลิ่วล้อทักษิณ” จักรภพ เพ็ญแข-ยงยุทธ ติยะไพรัช
เปิดประเทศให้เป็นแหล่งซ่องสุม นอกจากสองรายข้างต้นแล้วเชื่อว่า พวกหนีคดีหมิ่นสถาบันฯ อีกหลายราย “ฮุนเซน” เวลคัมอยู่แล้ว และอาจยอมให้ใช้เป็นฐานบัญชาการเดินแผนร้ายของทักษิณ ตั้ง
“รัฐบาลพลัดถิ่น”
ทั้งนี้ หากคนไทยทั่วไปต้องการจะส่ง “มารกลับนรก” ก็ต้องรู้เท่าทันแผนเหลี่ยมเล่ห์ร้ายของมารของอสูรพวกนี้ ในเกมชิงอำนาจที่ประกาศเป้าหมายระดมคนเสื้อแดง 1 ล้าน
ถ้าเป็นจริงจะเป็นการประกาศแสนยานุภาพของทักษิณ ทั้งในเป้าหมายเข้าตีหนักหน่วงเพื่อเพิ่มน้ำหนักการเจรจา หรือหากประตูสวรรค์ปิดตาย ก็จะลุยโค่นล้มล้างกันไปเลย
ก็อย่างที่ประเมินกัน ในเวลานี้กระแสส่วนใหญ่ไม่ตอบรับเกมทรยศชาติ ทักษิณจึงต้องดิ้นหนัก สั่งแม่ทัพขุนศึกน้อยใหญ่ เครือข่ายระบอบทักษิณ ทั้ง การเมือง อดีตทหาร มือจัดตั้งมวลชน ระดมพลให้ได้ตามเป้า พร้อมเงื่อนไขน้ำเลี้ยงอัดฉีดไม่อั้น
ทุ่มเดิมพันหมดหน้าตัก เพื่อทรัพย์สมบัติ 7.6 หมื่นล้าน!!
อีกกลุ่มที่ต้องจับตา “สำนักจานบิน” วัดธรรมกาย ที่มี ตระกูลอัศวโภคิน มหาเศรษฐีติดอันดับโลก เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ เพราะเรื่องระดมคน 1 ล้านคน เป็นเรื่องขี้ผง
แค่เจ้าสำนักเปล่งเสียง “ชิตังเม นะจ๊ะ-นะจ๊ะ” สาวกก็แห่มากันพรึ่บ!
ทั้งนี้เรื่องกำลังคนเป็นสิ่งสำคัญ หากระดมได้เข้าเป้า หรือจำนวนเพียงพอ แกนนำเสื้อแดงก็จะสามารถเดินหมาก “ดาวกระจาย” เคลื่อนกำลังไปยึดพื้นที่เป้าหมายแต่ละจุดได้ตามแผน
เป็น “รีเพลย์แมตช์” ให้แกนนำหัวขวดได้แก้มือ หลังจากเมื่อคราว เมษาฯทมิฬ แดงดิบเถื่อนถ่อยรับเผาบ้านเผาเมืองกันขนาดนั้นแล้วยังโค่น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เด็ก ไม่สำเร็จ
แต่ถ้ากำลังคนน้อยก็จะมีการปรับแผน เพิ่มความแรงของม็อบ เพราะถ้ายื้อเวลาออกไปอีกก็คงไม่สามารถเรียกคนมาเพิ่มได้มากกว่านี้ ฉะนั้นต้องบู๊แหลก ลุยเผด็จศึก เสี่ยงหัว-ก้อย กันไปเลย!
ถ้าเป็นรูปแบบนี้ ก็ต้องพุ่งเป้าไปจับตาบรรดา “บิ๊กท็อปบูต” ที่เข้ามาเสริมทัพให้ดี ไม่ว่าจะเป็นตัวพ่อ “บิ๊กจิ๋ว” และ ก๊วน จปร.7 “พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี- พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์” หรือ พล.อ.อ.มนัส รูปขจร ที่แรงไม่แพ้พี่ๆ
หรือถ้าเป็นสายใหม่ อย่างก๊วน “ฮาร์ดคอร์ ตท.10” พล.อ.สุเมธ โพธิ์มณี - พล.ท.มนัส เปาริก ก็แรงใช่ย่อย รวมทั้งที่ซุ่มเงียบไม่ให้เป็นเป้า “เสธ.ไอซ์” พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ผู้กว้างขวางในวงการ
ยังไม่รวมลูกไล่ปลายแถว จำพวกเล่นพวกหมาลอบกัด ถนัดเล่นระเบิด “คนหน้าคล้าย เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ที่ไปยืนสลอนถ่ายรูปกับ ทักษิณ-ฮุนเซน ที่เขมร และล่าสุดมีข่าวคนหน้าเหมือนเสธ.รายนี้ บินไปรับงานที่ดูไบมาแล้ว
เมื่อสั่งทุ่มทุกสรรพกำลัง ทักษิณเองก็จะต้องออกจากคฤหาสน์ในดูไบ มาปักหลักอยู่ใกล้ๆ ที่นอกจากฝั่งเขมร บนเกาะกง ยังมีกระแสข่าวที่การใช้เกาะอื่นๆในภาคตะวันออก เป็นฐานบัญชาการ
ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมรีสอร์ตบนเกาะช้าง-เกาะกูด-เกาะเหลายา จ.ตราด ที่มี พล.ท.ปรีชา วรรณรัตน์ อดีตรองเลขาธิการนายกฯ เพื่อน ตท.10 ของทักษิณ สร้างเครือข่ายทำธุรกิจมาตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทย
หรือที่มีรายงานบางส่วนระบุถึงเกาะที่มีโรงแรม รีสอร์ต สปา และจัดสรรบ้านหรูขาย พร้อมสนามบินขนาดเล็กไว้บริการ ที่ “เกาะไม้ซี้” ตรงข้ามกับเกาะกูด และนั่งเรือเดินทางจากเกาะกง ฝั่งเขมร โดยใช้เวลาไม่นาน
เรื่องนี้ฝ่ายรัฐบาลไม่ควรเพิกเฉย โดยเฉพาะที่ต้องฝากความหวังไว้ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. ที่ดูแลพื้นที่เขตแดนทางทะเล ถึงจะเป็นเพื่อน ตท.10 ของทักษิณ แต่ก็คงทราบแล้วว่า เพื่อนคนนี้เป็นอันตรายแค่ไหน เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติเพียงใด
ที่น่าสนใจอีกอย่างสำหรับแผนเผด็จศึก ล้มอำนาจรัฐ ล้างผลาญบ้านเมือง คือเรื่องเลขผานาที โดยที่ผ่านมาเชื่อและงมงาย อย่าง“ทักษิณ” เดินเกมเดินทัพแต่ละครั้งมีเรื่องตัวเลข โชคลางมาเกี่ยวข้องตลอด
ก่อนนี้มีเรื่องของเลขถูกโฉลกคือเลข 8 แต่เวลานี้ว่ากันว่า แม่หมออีที แม่หมอพม่ากระซิบให้ถือโชคลางเอาเคล็ด เลข 10
ทั้งดึงเตรียมทหาร10 มาเสริมบารมี เดินทางเข้าเขมรวันที่ 10 พ.ย. คฤหาสน์ที่ดูไบอยู่ในซอยที่ 10 รถที่ใช้ทะเบียนเลขท้ายบวกได้ 10 นัดชุมนุมเสื้อแดวันที่ 28 พ.ย. - 2 บวก 8 เท่ากับ 10 ในปีค.ศ.2010 ตั้งเป้ากลับคืนสู่อำนาจ และไม่รู้จะเหิมเกริมหวังสูงอะไรที่เกี่ยวกับหมายเลข 10 อีกหรือไม่
แต่ที่แน่ๆ ดีเดย์เคลื่อนทัพไปสู่ปลายทางวันที่ 2 ธ.ค.นี้ ก็เป็นอีกตัวเลขที่เป็นสัญลักษณ์ที่น่าสนใจ นอกจากเป็นวันครบรอบ 1 ปีที่รัฐบาลนอมินี “ชายกระโปรง” สมชาย วงศ์สวัสดิ์ หลังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคพลังประชาชน
หากยังจำกันได้ 2 ธ.ค. คือวันที่ทักษิณ เคยกดปุ่มประกาศสงครามปราบปรามยาเสพติด ที่ตรงกับ “วันเกิด” ของ “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ที่สูบบุหรี่จัด และสูดควันเข้าปอดรุนแรงผิดปกติ
ลูกชายคนโตที่เคียงข้างพ่อมาตลอด และศึกใหญ่ที่จะถึง “พานทองแท้” ก็ขอร่วมศึกกับผู้เป็นพ่อ โดยจับมือน้องสาม “เอม พิณทองทา” เปิดแนวรบด้านสื่อ จุดพลุทีวีอินเทอร์เน็ต VOICE TV เป็นกระบอกเสียงให้นักโทษชายอีกทาง
ทีวีอินเทอร์เน็ตเจ้าใหม่ ที่มีผู้อยู่เบื้องหลัง “หญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ที่แม้จะเปลี่ยนนามสกุลเป็น ณ ป้อมเพชร และหย่ากับสามี แต่ถึงวันนี้นักร้องสาว ใหม่ เจริญปุระ ก็เอามาแฉให้ “บ้านใหญ่” จันทร์ส่องหล้าเจ็บกระดองใจ
เหมือนโดนลากชื่อมาประจาน ที่อ้างว่า เลิกกับสามี เพราะไม่ชอบ และไม่อยากยุ่งเรื่องการเมือง แท้ที่จริงก็ยังไปมาหาสู่ รู้เห็นเป็นใจ ร่วมวางแผนกับสามีเหมือนเดิม
อย่างไรก็ดี นอกจากทัพเสื้อแดง และเกมดึงเพื่อนบ้านมาป่วนไทย สิ่งที่น่าจับตาคือผู้คุมกฎ อย่างกองทัพ ที่ก็เริ่มมีการพูดถึง แผนหยุดอำนาจ ตั้ง “รัฐบาลเฉพาะกาล” เพื่อจัดระเบียบประเทศใหม่
โดยให้ระวัง “ตัวเร่งสีน้ำเงิน” ที่อาจมีแผนแฝงตัวมาร่วม “เร้าไฟ” ให้เดินไปสู่สถานการณ์ที่ต้องการ
แต่อีกทางหนึ่ง ก็มีรายงานข่าวว่าหนนี้เมื่อทักษิณเปลือยตัวตนให้เห็นแล้ว “กองทัพ”รับไม่ได้ กับการคิดคดทรยศประเทศชาติบ้านเกิดตัวเอง จึงให้ความมั่นใจได้ว่าจะยืนเป็นกำแพงพิงให้รัฐบาล เพื่อจัดการกับแก๊งป่วนบ้านป่วนเมือง
มาตรการรับมือ และการจัดการกับการก่อความไม่สงบเรียบร้อยจากอ่อนไปสู่แข็ง ยังเหมือนเดิม เพียงแต่ถ้าถึงเวลาต้องใช้ไม้แข็ง
หนนี้ทหารเอาจริงแน่นอน!!