ทีมโฆษก ปชป.ประณามพฤติกรรม “จตุพร” สร้างแกระแสกลบความผิดตัวเอง เปรียบเหมือนโจรเผาบ้านตัวเอง แล้วปลอมตัวเข้ามาช่วยคนในบ้าน ยันถามหาจิตสำนึกความเป็นไทยมีหรือไม่ แฉทำตัวเป็นสายลับส่งมอบข้อมูลใส่ความประเทศถึงมือเขมร เชื่อคลิปเสียงลวงโลกป่วนบ้านเมืองไปวันๆ วอน “แม้ว-ตู่” ยุติความเคลื่อนไหว เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ
วันนี้ (20 พ.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะทำงานปฏิบัติการเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมือง (วอร์รูม) เพื่อวิเคาระห์ปัญหาภายในประเทศและความสัมพันระหว่างประเทศว่า ที่ประชุมเห็นว่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในขณะนี้มีความคืบหน้า ทั้งในส่วนของสถานทูตและสถานกงสุล ในระดับที่เจ้าหน้าที่และรัฐมนตรีในฐับาลกัมพูชา ที่มีความห่วงใยความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ทำให้ความคืบหน้าในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเยี่ยมนายศิวรักษ์ ชุติพงศ์ วิศวกรบริษัทบริการจราจรทางอากาศกัมพูชา (CATS) ที่ถูกจับกุมในข้อหาล้วงความลับ และมีการตั้งทีมทนาย ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างที่จะมีการประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือ ซึ่งหวังว่าจะนำไปสู่การได้รับตัวนายศิวรักษ์กลับประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเห็นว่ามีอุปสรรคสำคัญ 3 ข้อ ต่อภารกิจของรัฐบาลในการคุ้มครองคนไทยและธุรกิจไทย ในประเทศกัมพูชาในขณะนี้ คือ 1.การที่พรรคเพื่อไทย มีการแสดงความเห็นในลักษณะซ้ำเติมปัญหาที่เกิดขึ้น และฉวยโอกาสให้เหตการณ์ดังกล่าว ถูกดึงเขามาเพื่อเป็นปัญหาในประเทศไทย ซึ่งอาจทำให้ข้อต่อสู้ในเรื่องคดีมีปัญหาได้
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า 2.กลุ่ม นปช.นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ออกมาอ้างว่ามีคลิปเสียงนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีจริงหรือไม่ หรือถ้ามีเป็นคลิปเสียงที่มีการตัดต่อสร้างหลักฐานเท็จหรือไม่ แต่เรื่องนี้เป็นการจงใจ เพิ่มปัญหาเพื่อสร้างผลกระทบต่อปัญหาการคลี่คลายคดีของนายศิวรักษ์ ซึ่งเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าทางกัมพูชาก็ออกมาระบุแล้วว่าทางกัมพูชา ไม่ได้มีการบันทึกเทปเสียงดังกล่าว ฉะนั้น ที่ประชุมวิเคาระห์ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือนายจตุพร คงจะล่วงรู้ว่ามีการบันทึกเทป ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นที่กัมพูชาก็อาจจะเกิดขึ้นจากเครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี มากกว่า และมีความพยายามที่จะให้นายจตุพรส่งมอบเทปดังกล่าว ซึ่งข้อสงสัยดังกล่าวสอดรับกับคำพูดของนายจตุพรว่า เรื่องนี้ไปถึงมือฝ่ายกัมพูชาแล้ว
“อยากถามว่าพฤติกรรมของนายจตุพรซึ่งกระทำเยี่ยงเป็นสายลับให้กับประเทศกัมพูชา ส่งมอบข้อมูลที่ให้ร้ายคนไทย และรัฐบาลไทย ขอถามว่านายจตุพรมีความสำนึกในความเป็นคนไทยหรือไม่ และยืนอยู่ฝ่ายใดกันแน่” นพ.บุรณัชย์ กล่าว
นพ.บุรัณัชย์ กล่าวต่อว่า 3.การที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย มีความพยายามที่จะฉวยจังหวะและโอกาสในการเบี่ยงเบนประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น จากการกระทำของตัวเองที่ทำให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปกัมพูชาของ พล.อ.ชวลิต ที่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมด และความพยายามเข้ามาไกล่เกลี่ยปัญหาขณะนี้ รวมถึงการให้สัมภาษณ์ไทมส์ออนไลน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งคิดว่าเป็นการสร้างข่าวขึ้นมาเพื่อกลบข่าวที่เกิดขึ้น และเรื่องนี้ทางพรรคมองว่า ไม่ว่าจะมีเบื้องหลังในฐานะของการสมรู้ร่วมคิดจากคนไทยหรือไม่ก็ตาม ยืนยันว่ารัฐบาลยังคงเดินหน้าเพื่อช่วยเหลือและรักษาผลประโยชน์อย่างเต็มที่ หาก พ.ต.ท.ทักษิณ และ พล.อ.ชวลิต ที่จะช่วยแก้ปัญหา ก็ขอให้แก้ปัญหาที่ตัวคนก่อไว้ วิธีที่ดีที่สุดคือ ทั้งสองคนควรหยุดการเคลื่อนไหวทำร้ายประเทศไทย เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวเปรียบได้กับผู้ร้ายลอบวางเพลิงบ้านตัวเอง พอไฟไหม้แล้วก็กลับมาเป็นพระเอกอ้างว่าจะช่วยดับไฟ จะเข้าให้ความช่วยเหลือคนที่ติดในบ้าน ตนคิดว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการจัดฉากเพื่อแก้ปัญหาที่ตัวเองสร้างไว้ และขอให้คนไทยบางคน ที่สมรู้ร่วมคิดกับบุคคลทั้งสองหันกับมารักษาผลประโยชน์ของชาติ