โฆษกรัฐเผยที่ประชุม ครม.เตรียมทบทวนโครงการความร่วมมือกับเขมรที่มีความซับซ้อน หรือ “นช.แม้ว” มีเอี่ยวผลประโยชน์ ตามข้อเสนอของสภาความมั่นคงฯ แต่จะไม่ชะลอโครงการที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชน มั่นใจเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเข้าพบตัววิศวกรวันนี้ ยันสัมพันธ์ 2 ชาติยังดีอยู่
วันนี้ (17 พ.ย.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุม ครม.ว่า วันนี้กระทรวงต่างประเทศจะส่งเรื่องที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้มีข้อตกลงร่วมกันในเรื่องความช่วยเหลือหรือความร่วมมือต่างๆ หากเกี่ยวข้องกับความซับซ้อนเกิดขึ้น หลังจากที่แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็อยู่ในข่ายที่ต้องชะลอและปรับเปลี่ยนเงื่อนไข แต่หากถ้าไม่อยู่ในข่ายและเป็นโครงการที่มีผลกระทบต่อประชาชน ต่อความสัมพันธ์โดยภาพรวม ถ้าหากไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เราก็คงไว้ ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เกี่ยวกับเครือข่ายคมนาคม เป็นโครงการที่เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา นอกจากนี้ บางโครงการที่แม้ว่าจะได้รับการพิจารณาจากฝ่ายบริหาร แต่จำเป็นต้องขออนุมัติจากสภาตามมาตรา 190 ดังนั้นยังมีอีกหลายขั้นตอนที่ต้องทำก่อนจัดระบบปรับเปลี่ยนความร่วมมือบางอย่าง
“เราก็ยืนยันว่าไทยกับกัมพูชายังมีความสัมพันธ์ที่ดี นายกรัฐมนตรีเดินทางไปประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ถือเป็นการประชุมนานาชาติที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งนายกฯ ยังได้เชิญชวนให้นายกฯกัมพูชาไปร่วมประชุมเรื่องของสภาวะโลกร้อนที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์กในเดือนธันวาคม ก็คือเรายังทำงานร่วมกันในหลายเรื่อง ในเรื่องที่เห็นพ้องต้องกัน ส่วนในเรื่องที่เรามีความเห็นแตกต่างกัน ขณะนี้เราก็พยายามแก้ไขปัญหาแล้วก็ผลักดันให้กัมพูชาและนานาชาติรับทราบจุดยืนของเรา” นายปณิธานกล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทยที่ถูกทางการกัมพูชาควบคุมตัวที่เรือนจำกัมพูชา ในข้อกล่าวหาว่าจารกรรมตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ปรึกษาสมเด็จฯ ฮุนเซน นายปณิธานกล่าวว่า เมื่อคืนนี้ทางสถานทูตไทยในกัมพูชาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาว่า วันนี้จะประสานงานให้เราไปยื่นหนังสือ เพื่อขอหมายศาลหรือว่าขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับทางกฎหมาย เพื่อไปขอพบตัวนายศิวรักษ์ วันนี้คาดว่าก็คงจะได้เดินเรื่องได้
เมื่อถามว่าเมื่อวานนี้ยังไม่ได้พบกันใช่หรือไม่เพราะทางกัมพูชาอ้างว่า ได้พบแล้วตั้งแต่ตอนบ่ายสอง นายปณิธานกล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันกลับมาว่ายังไม่ได้พบ ส่วนวันนี้คาดว่าจะได้พบช่วงเวลาใดนั้น นายปณิธานกล่าวว่า ถ้าเอกสารเดินได้เรียบร้อย เข้าใจว่าก็คงไม่นาน เจ้าหน้าที่ของสถานทูตไทยก็จะไปเดินเรื่องที่ศาล
เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ของไทยที่จะไปพบมีใครบ้างแล้วเตรียมอะไรบ้างที่จะไปช่วย โฆษกรัฐบาลไทยกล่าวว่า ในเบื้องต้นก็คงจะดูในเรื่องของข้อกล่าวหา และดูเรื่องของการเป็นอยู่ให้เป็นไปตามระเบียบและขั้นตอนปฏิบัติที่เจ้าหน้าที่กระทรวงจะดูแลคนไทยเวลาโดนจับกุม ก็เป็นขั้นตอนตามปกติ และเข้าใจว่าคุณศิวรักษ์น่าจะมีทนายของตัวเองด้วยเข้าใจว่าน่าจะเป็นชาวกัมพูชาที่มีความเชี่ยวชาญ ในเรื่องของการทำคดีด้วย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็มีหน้าที่ประสานงานกับคณะทนายของนายศิวรักษ์อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของนายศิวรักษ์มีความเป็นห่วงเรื่องโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้เรื้อรัง ปัญหาระบบทางเดินหายใจ หายใจขาดช่วง นายปณิธาน กล่าวว่า คือตั้งแต่ถูกจับกุมตั้งแต่วันแรก สถานทูตไทยก็ได้ประสานขอให้มีการดูแลทางด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะการส่งเครื่องใช้และยารักษาโรคประจำตัวที่ต้องการ ซึ่งทางกัมพูชาก็ตอบรับมาตั้งแต่วันแรกแล้วว่าเรื่องยาและเรื่องของใช้ประจำตัวไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่ามารดาของนายศิวรักษ์หวังว่ารัฐบาลจะช่วยลูกชายของเขาได้ แล้วรัฐบาลจะช่วยได้หรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า เราก็ทำเต็มที่ และมีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้วก็คือว่า สถานกงสุลจะมีฝ่ายกฎหมายที่เข้าไปประสานงานกับผู้ต้องคดีหรือว่าผู้ต้องหา ส่วนใน กทม.ทางกระทรวงการต่างประเทศก็จะตั้งคณะทำงานเพื่อมาดูแลเรื่องนี้เพื่อที่จะให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากว่าประชาชนสนใจคดีนี้ค่อนข้างมาก ฉะนั้นการประสานงานกันก็จะเป็นเรื่องที่เราจะเร่งรัดไป
“แต่เชื่อว่าในกัมพูชาเองก็มีขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายของกัมพูชาซึ่งเราก็เคารพ และไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เราก็จะรอให้กระบวนการยุติธรรมของกัมพูชาทำงาน เพียงแต่ว่าเราจะประสานงานไปเป็นระยะๆ วันนี้เข้าใจว่าเมื่อส่งเอกสารขอพบตัวผ่าน ทางศาลเรียบร้อยแล้วก็น่าจะได้พบภายในวันนี้ หากว่ามีข้อขัดข้องยังไงเราก็จะได้ดูขั้นตอนต่อๆ ไป ซึ่งได้เตรียมกันไว้บ้างแล้ว” นายปณิธานกล่าว
เมื่อถามว่าทางอุปทูตของไทยที่กัมพูชาจะดำเนินการเองหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า ท่านอุปทูตก็ได้ช่วยเข้ามาดูตั้งแต่วันแรก โดยเข้าไปในบริเวณที่มีการจับกุมตั้งแต่วันแรก เพื่อขอเข้าพบแต่ก็ไม่สามารถที่จะพบได้ และจากการที่เรามีเจ้าหน้าที่ทูตอยู่ที่สถานทูตไม่มากนัก เราก็จะใช้คณะทำงานจาก กทม.ช่วยประสานงานด้วย
เมื่อถามว่าจากการพิจารณาข้อกฎหมายต่างๆ มั่นใจหรือว่าคนไทยจะได้รับการปล่อยตัว นายปณิธานกล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่กระบวนการยุติธรรมของกัมพูชา เราก็เชื่อว่าเป็นไปตามหลักสากลและกระบวนการทางกฎหมายของกัมพูชาเองด้วย ซึ่งข้อกล่าวหาเหล่านี้ก็ต้องเปิดโอกาสให้นายศิวรักษ์ต่อสู้ และเชื่อว่าคงจะได้รับความเป็นธรรม
เมื่อถามว่าข้อกล่าวจารกรรมของกฎหมายกัมพูชามีบทลงโทษจำคุก 15 ปี รัฐบาลมีช่องทางช่วยเหลือหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า ในแง่ของกฎหมายนายศิวรักษ์ก็ต้องต่อสู้ตามขั้นตอน แต่ว่าเราเองจะประสานงานและดูแลความสะดวกต่างๆ