ผู้จัดการรายวัน – สสปน.ชงงบปี 52 เพิ่ม 200 ล้านบาท หวังบูมตลาดไมซ์ในประเทศปีหน้าโตเท่าตัว พร้อม เตรียมจัดงาน “ไมซ์มาร์ท” เชิญผู้ซื้อพบผู้ขายกระตุ้นตลาดไมซ์ตลอดทั้งปี เพิ่มทางรอดให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในยุคน้ำมันแพงช๊อตเศรษฐกิจ
นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า สสปน. ได้ยื่นของบประมาณ ปี 2552 แก่สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลังไว้ที่ 850 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2551 ราว 200 ล้านบาท โดยสสปน. ได้เพิ่มงบประมาณ เพื่อใช้ในส่วนของตลาดไมซ์ภายในประเทศ อีกเท่าตัว จากปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 100% เพราะต้องการกระตุ้นตลาดไมซ์ภายในประเทศมากขึ้น ถือเป็นการช่วยส่งเสริมให้เกิดการเดินทางภายในประเทศ และเป็นอีกหนึ่งภาระกิจหลักของ สสปน.
ทั้งนี้การพิจารณางบประมาณยังไม่แล้วเสร็จ คาดว่าจะประมาณสิ้นเดือนนี้ ก็จะสรุปได้ว่า สสปน.จะได้รับจัดสรรงบประมาณตามที่ขอไว้หรือไม่ ซึ่งการของบเพิ่ม เพราะเรามีโครงการที่จะทำเพิ่มเติมในปีหน้า หลายงาน แบ่งเป็นตลาดในประเทศ เช่น เตรียมจัดงาน “ไมซ์ มาร์ท” เป็นลักษณะคล้ายงานเทรดโชว์ เป็นเวทีของผู้ประกอบการกลุ่มไมซ์ ได้มาออกบูธ พบกับผู้ซื้อ ซึ่งจะเป็นองค์กรภาครัฐ และเอกชนต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังมีงบอีกส่วนหนึ่ง ที่จะใช้สนับสนุน หรือให้อินเซนทีฟแก่องค์กร หรือ บริษัท ที่เดินทางไปสัมมนาต่างจังหวัด เช่น จัดเลี้ยงฟรี หนึ่งมือ หรือ ช่วยค่าใช้จ่ายคอฟฟี่เบรค เป็นต้น ส่วนตลาดต่างประเทศ ยังมีภาระกิจที่จะต้องออกไปร่วมงานเทรดโชว์ โรดโชว์ และ บิดงานประชุมและนิทรรศการให้เข้ามาจัดที่ประเทศไทยเพิ่มขึ้น
“จากผลงานที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจุบันไมซ์ของประเทศไทยขึ้นเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ผลงานเรามีให้รัฐบาลเห็น ว่ามีนักท่องเที่ยวจากการจัดประชุมนิทรรศการเดินทางเข้ามาประเทศไทยจำนวนมาก คนกลุ่มนี้เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพใช้จ่ายเงินสูง ซึ่งตรงกับเป้าหมายของ ททท. และรัฐบาล จึงเชื่อว่ารัฐจะเห็นความสำคัญให้เงินอัดฉีด เพื่อนำไปขยายตลาดได้เพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า ซึ่งเฉพาะโดเมสติกไมซ์ ปีนี้น่าจะเดินทางได้ถึง 2 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อน เท่าตัว และปีหน้า ถ้าจัดโครงการดีๆออกมานำเสนอ คาดว่าจะบูมตลาดนี้ได้โตอีกเท่าตัวเช่นกัน”
นายณัฐวุฒิ กล่าวยอมรับว่า จากสภาพเศรษฐกิจ และ ปัญหาราคาน้ำมันแพง กระทบต่อการท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและ นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ สสปน. จึงมีนโยบายว่าจะต้องให้การท่องเที่ยวในรูปแบบการจัดประชุมและนิทรรศการ เข้ามาช่วยพยุงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ตั้งแต่ปีนี้ ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ไม่เว้นแม้แต่ช่วงไฮซีซั่น เพราะจากการสอบถามจากผู้ประกอบการโรงแรม พบว่าวิกฤตราคาน้ำมันแพงจะกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นปีนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนครึ่งปีหลัง ที่ สสปน. เร่งดำเนินการ เพื่อกระตุ้นโดเมสติกไมซ์ ได้แก่ การจัดแฟมทริป เชิญ ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจเลือกที่จัดประชุมสัมมนาได้ของแต่ละองค์กร ร่วมเดินทางไปสำรวจเส้นทาง และศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวในที่ต่างๆ โดยเดือนสิงหาคมนี้จะโปรโมตเส้นทาง สุโขทัย และพิษณุโลก ชูเส้นทางด้านประวัติศาสตร์ และในเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน จะพาฝ่ายงานHR ขององค์กรต่างๆทั้งรัฐและเอกชน ร่วมเดพินทางไปดูตลาดไมซ์ที่เชียงใหม่
“การพาคนกลุ่มนี้ลงสำรวจพื้นที่จริง เพื่อเขาจะได้เห็นศักยภาพของสถานที่ที่จะไป เช่น ความพร้อมสถานที่จัดประชุม การคมนาคม และโรงแรมที่พัก เป็นต้น “
สำหรับงานที่ทำไปแล้วและจะทำต่อเนื่อง คือการโปรโมตเส้นทางของโครงการเปิดทองหลังพระ และการร่วมกับสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ(ไทย) หรือทิก้า นำภาคเอกชน ไปพบปะกับหน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ทำเสนอแพกเกจทัวร์เพื่อจัดประชุมสัมมนาในรูปแบบต่างๆ
นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า สสปน. ได้ยื่นของบประมาณ ปี 2552 แก่สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลังไว้ที่ 850 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2551 ราว 200 ล้านบาท โดยสสปน. ได้เพิ่มงบประมาณ เพื่อใช้ในส่วนของตลาดไมซ์ภายในประเทศ อีกเท่าตัว จากปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 100% เพราะต้องการกระตุ้นตลาดไมซ์ภายในประเทศมากขึ้น ถือเป็นการช่วยส่งเสริมให้เกิดการเดินทางภายในประเทศ และเป็นอีกหนึ่งภาระกิจหลักของ สสปน.
ทั้งนี้การพิจารณางบประมาณยังไม่แล้วเสร็จ คาดว่าจะประมาณสิ้นเดือนนี้ ก็จะสรุปได้ว่า สสปน.จะได้รับจัดสรรงบประมาณตามที่ขอไว้หรือไม่ ซึ่งการของบเพิ่ม เพราะเรามีโครงการที่จะทำเพิ่มเติมในปีหน้า หลายงาน แบ่งเป็นตลาดในประเทศ เช่น เตรียมจัดงาน “ไมซ์ มาร์ท” เป็นลักษณะคล้ายงานเทรดโชว์ เป็นเวทีของผู้ประกอบการกลุ่มไมซ์ ได้มาออกบูธ พบกับผู้ซื้อ ซึ่งจะเป็นองค์กรภาครัฐ และเอกชนต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังมีงบอีกส่วนหนึ่ง ที่จะใช้สนับสนุน หรือให้อินเซนทีฟแก่องค์กร หรือ บริษัท ที่เดินทางไปสัมมนาต่างจังหวัด เช่น จัดเลี้ยงฟรี หนึ่งมือ หรือ ช่วยค่าใช้จ่ายคอฟฟี่เบรค เป็นต้น ส่วนตลาดต่างประเทศ ยังมีภาระกิจที่จะต้องออกไปร่วมงานเทรดโชว์ โรดโชว์ และ บิดงานประชุมและนิทรรศการให้เข้ามาจัดที่ประเทศไทยเพิ่มขึ้น
“จากผลงานที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจุบันไมซ์ของประเทศไทยขึ้นเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ผลงานเรามีให้รัฐบาลเห็น ว่ามีนักท่องเที่ยวจากการจัดประชุมนิทรรศการเดินทางเข้ามาประเทศไทยจำนวนมาก คนกลุ่มนี้เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพใช้จ่ายเงินสูง ซึ่งตรงกับเป้าหมายของ ททท. และรัฐบาล จึงเชื่อว่ารัฐจะเห็นความสำคัญให้เงินอัดฉีด เพื่อนำไปขยายตลาดได้เพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า ซึ่งเฉพาะโดเมสติกไมซ์ ปีนี้น่าจะเดินทางได้ถึง 2 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อน เท่าตัว และปีหน้า ถ้าจัดโครงการดีๆออกมานำเสนอ คาดว่าจะบูมตลาดนี้ได้โตอีกเท่าตัวเช่นกัน”
นายณัฐวุฒิ กล่าวยอมรับว่า จากสภาพเศรษฐกิจ และ ปัญหาราคาน้ำมันแพง กระทบต่อการท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและ นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ สสปน. จึงมีนโยบายว่าจะต้องให้การท่องเที่ยวในรูปแบบการจัดประชุมและนิทรรศการ เข้ามาช่วยพยุงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ตั้งแต่ปีนี้ ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ไม่เว้นแม้แต่ช่วงไฮซีซั่น เพราะจากการสอบถามจากผู้ประกอบการโรงแรม พบว่าวิกฤตราคาน้ำมันแพงจะกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นปีนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนครึ่งปีหลัง ที่ สสปน. เร่งดำเนินการ เพื่อกระตุ้นโดเมสติกไมซ์ ได้แก่ การจัดแฟมทริป เชิญ ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจเลือกที่จัดประชุมสัมมนาได้ของแต่ละองค์กร ร่วมเดินทางไปสำรวจเส้นทาง และศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวในที่ต่างๆ โดยเดือนสิงหาคมนี้จะโปรโมตเส้นทาง สุโขทัย และพิษณุโลก ชูเส้นทางด้านประวัติศาสตร์ และในเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน จะพาฝ่ายงานHR ขององค์กรต่างๆทั้งรัฐและเอกชน ร่วมเดพินทางไปดูตลาดไมซ์ที่เชียงใหม่
“การพาคนกลุ่มนี้ลงสำรวจพื้นที่จริง เพื่อเขาจะได้เห็นศักยภาพของสถานที่ที่จะไป เช่น ความพร้อมสถานที่จัดประชุม การคมนาคม และโรงแรมที่พัก เป็นต้น “
สำหรับงานที่ทำไปแล้วและจะทำต่อเนื่อง คือการโปรโมตเส้นทางของโครงการเปิดทองหลังพระ และการร่วมกับสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ(ไทย) หรือทิก้า นำภาคเอกชน ไปพบปะกับหน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ทำเสนอแพกเกจทัวร์เพื่อจัดประชุมสัมมนาในรูปแบบต่างๆ