กลุ่มดิเอ็มเพรสเชียงใหม่ ทุ่ม 380 ล้านบาท ผุดศูนย์การประชุมนานาชาติอีซีซี รองรับตลาดไมซ์ หวังดันสู่ฮับศูนย์ประชุมภาคเหนือ ชี้สถานการณ์โรงแรมแข่งหนัก มีห้องพักล้นตลาด
นายกนก สุวรรณวิสูตร์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มโรงแรมดิเอ็มเพรส บริษัท ช้างคลานเวย์ จำกัด ผู้บริหารโรงแรม 3 แบรนด์ ในจังหวัดเชียงใหม่ คือ โรงแรมดิเอ็มเพรสเชียงใหม่ โรงแรมเดอะปาร์ค และโรงแรมดาวน์ทาวน์อินน์ เปิดเผยว่า จากศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วง 4-5 ปีนี้ที่ระบบสาธารณูปโภคมีความพร้อมมากขึ้น โดยเฉพาะการขยายโครงข่ายถนนสายหลักภายในจังหวัด การขยายเที่ยวบินตรงสู่เชียงใหม่ของสายการบินต่างๆจากต่างประเทศ รวมทั้งชื่อเสียงทางด้านแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ของเชียงใหม่ ประกอบกับประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของบริษัทฯด้านตลาดการประชุมสัมมนากว่า 20 ปี
บริษัทฯจึงตัดสินใจลงทุนก่อสร้างศูนย์การประชุมขนาดใหญ่ชื่อว่า ศูนย์การประชุมนานาชาติ อีซีซี ECC (Empress Convention Center) ด้วยงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารสูง 3 ชั้นพื้นที่รวม 2,500 ตารางเมตร ในพื้นที่เดิมของที่จอดรถ ของโรงแรม ดิเอ็มเพรส ถนนช้างคลาน และลงทุนอีกกว่า 80 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างอาคารจอดรถสูง 7 ชั้นจอดรถได้ 350 คัน และของเดิมจอดได้อีก 100 คัน ซึ่งเปิดอย่างไม่เป็นทางการเมื่อต้นปีแล้ว และเตรียมเปิดเป็นทางการวันที่ 19 มิถุนายนนี้
"ศูนย์ฯนี้จะเป็นเหมือนศูนย์การประชุมนานาชาติแห่งแรกในภาคเหนือ ซึ่งเราต้องการสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับกับตลาดไมซ์ (MICE) ด้วยที่มีการเจริญเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาทั้งตลาดในและตลาดต่างประเทศ และยังเป็นการขยายธุรกิจให้ครบวงจรด้วยจากเดิมที่มีที่พักเป็นโรงแรมอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้เราสามารถขยายตลาดได้มากขึ้นและบริการได้สมบูรณ์กว่าเดิม โดยมีเป้าหมายระยะยาวจะผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติและการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาค
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักคือ ตลาดไมซ์ต่างประเทศ และตลาดการประชุมสัมมนาข้าราชการของไทยเอง ซึ่งขณะนี้มีคิวงานที่จองยาวถึงปีหน้า ส่วนราคาค่าบริการศูนย์ฯอีซีซีนั้นแล้วแต่ประเภทและรูปแบบการใช้งานตลอดจนจำนวนคนด้วย บริษัทฯได้จัดราคาเสนอเป็นแพคเกจทั้งที่พัก สถานที่จัดประชุม อาหาร โดยคาดหวังรายได้จากศูนย์ฯนี้จะมีประมาณ 10 กว่าล้านบาทต่อเดือน ซึ่งบริษัทฯมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่แล้ว เนื่องจากดิเอ็มเพรสเชียงใหม่ ถือเป็นโรงแรมที่ติดท็อปส์ไฟว์ในเชียงใหม่อยู่แล้ว จึงมีสัมพันธภาพที่ดีกับพวกเอเย่นต์ทัวร์ และตลาดที่ชัดเจน
ทั้งนี้แนวทางการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ได้มุ่งเน้นการสื่อสารกับกลุ่มธุรกิจการประชุมและองค์กร ด้วยงบประมาณด้านตลาด 10 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าศูนย์การประชุมนานาชาติ อีซีซี จะทำให้กลุ่มโรงแรมดิเอ็มเพรสก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านศูนย์กลางการประชุมและการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือสามารถรองรับงานแสดงสินค้าระดับประเทศได้โดยเฉพาะกลุ่มประเทศสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจได้แก่ ไทย พม่า ลาวและจีน และยังคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจให้กับกลุ่มโรงแรมดิเอ็มเพรสได้กว่า 60%
ปีที่แล้วทั้งกลุ่มมีรายได้รวม 280 ล้านบาท เติบโต 35% และปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวมมากกว่า 340 ล้านบาท กลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มทัวร์เอเจนซี่ในต่างประเทศ 70% และอีก 30% เป็นลูกค้าในประเทศ
นายกนกกล่าวต่อถึงสถานการณ์ตลาดโรงแรมในเชียงใหม่ขณะนี้ว่า มีการแข่งขันที่รุนแรงเพราะมีโรงแรมเปิดใหม่จำนวนมากช่วง 2 ปีมานี้ ทั้งของทุนท้องถิ่นและทุนต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะให้เชนระดับโลกเข้ามาบริหาร เช่น ที่เพิ่งเปิดไปคือ โรงแรมเชียงการีล่า โรงแรมดาราเทวี โรงแรมโซฟิเทล โรงแรมเลอเมอริเดียน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นระดับ 4-5 ดาวนอกจากนั้นในช่วงมหกรรมพืชสวนโลกมีโรงแรมที่เกิดขึ้นมากแบบเฉพาะกิจจำนวนมากรองรับตลาดช่วงนั้นที่มีมากทำให้ปัจจุบันนี้ห้องพักเริ่มล้นตลาดแล้ว
จากตัวเลขของสมาคมโรงแรมไทย (ภาคเหนือ) ระบุว่า จำนวนโรงแรมและห้องพักในเชียงใหม่ในปี 2549 มีจำนวน 292 แห่ง จำนวน 17,709 ห้อง เพิ่มขึ้น 29% ขณะที่ปี 2550 มีโรงแรมเพิ่มเป็น 376 แห่ง มีห้องพักเพิ่มเป็น 20,782 ห้อง และประมาณการณ์ว่าในปี 2551 นี้ จะมีโรงแรมเพิ่มเป็น 420 แห่ง และมีห้องพักเพิ่มเป็น 25,870 ห้อง
ส่วนรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในเชียงใหม่นั้น ในปี 2549 มีมูลค่า 5,797 ล้านบาท เพิ่มเป็น 6,514 ล้านบาท ในปี 2550 ส่วนปี 2551 คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในเชียงใหม่จากการใช้จ่ายด้านที่พักและอาหารของนักท่องเที่ยวประมาณ 10,464 ล้านบาท
นายกนก สุวรรณวิสูตร์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มโรงแรมดิเอ็มเพรส บริษัท ช้างคลานเวย์ จำกัด ผู้บริหารโรงแรม 3 แบรนด์ ในจังหวัดเชียงใหม่ คือ โรงแรมดิเอ็มเพรสเชียงใหม่ โรงแรมเดอะปาร์ค และโรงแรมดาวน์ทาวน์อินน์ เปิดเผยว่า จากศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วง 4-5 ปีนี้ที่ระบบสาธารณูปโภคมีความพร้อมมากขึ้น โดยเฉพาะการขยายโครงข่ายถนนสายหลักภายในจังหวัด การขยายเที่ยวบินตรงสู่เชียงใหม่ของสายการบินต่างๆจากต่างประเทศ รวมทั้งชื่อเสียงทางด้านแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ของเชียงใหม่ ประกอบกับประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของบริษัทฯด้านตลาดการประชุมสัมมนากว่า 20 ปี
บริษัทฯจึงตัดสินใจลงทุนก่อสร้างศูนย์การประชุมขนาดใหญ่ชื่อว่า ศูนย์การประชุมนานาชาติ อีซีซี ECC (Empress Convention Center) ด้วยงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารสูง 3 ชั้นพื้นที่รวม 2,500 ตารางเมตร ในพื้นที่เดิมของที่จอดรถ ของโรงแรม ดิเอ็มเพรส ถนนช้างคลาน และลงทุนอีกกว่า 80 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างอาคารจอดรถสูง 7 ชั้นจอดรถได้ 350 คัน และของเดิมจอดได้อีก 100 คัน ซึ่งเปิดอย่างไม่เป็นทางการเมื่อต้นปีแล้ว และเตรียมเปิดเป็นทางการวันที่ 19 มิถุนายนนี้
"ศูนย์ฯนี้จะเป็นเหมือนศูนย์การประชุมนานาชาติแห่งแรกในภาคเหนือ ซึ่งเราต้องการสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับกับตลาดไมซ์ (MICE) ด้วยที่มีการเจริญเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาทั้งตลาดในและตลาดต่างประเทศ และยังเป็นการขยายธุรกิจให้ครบวงจรด้วยจากเดิมที่มีที่พักเป็นโรงแรมอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้เราสามารถขยายตลาดได้มากขึ้นและบริการได้สมบูรณ์กว่าเดิม โดยมีเป้าหมายระยะยาวจะผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติและการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาค
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักคือ ตลาดไมซ์ต่างประเทศ และตลาดการประชุมสัมมนาข้าราชการของไทยเอง ซึ่งขณะนี้มีคิวงานที่จองยาวถึงปีหน้า ส่วนราคาค่าบริการศูนย์ฯอีซีซีนั้นแล้วแต่ประเภทและรูปแบบการใช้งานตลอดจนจำนวนคนด้วย บริษัทฯได้จัดราคาเสนอเป็นแพคเกจทั้งที่พัก สถานที่จัดประชุม อาหาร โดยคาดหวังรายได้จากศูนย์ฯนี้จะมีประมาณ 10 กว่าล้านบาทต่อเดือน ซึ่งบริษัทฯมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่แล้ว เนื่องจากดิเอ็มเพรสเชียงใหม่ ถือเป็นโรงแรมที่ติดท็อปส์ไฟว์ในเชียงใหม่อยู่แล้ว จึงมีสัมพันธภาพที่ดีกับพวกเอเย่นต์ทัวร์ และตลาดที่ชัดเจน
ทั้งนี้แนวทางการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ได้มุ่งเน้นการสื่อสารกับกลุ่มธุรกิจการประชุมและองค์กร ด้วยงบประมาณด้านตลาด 10 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าศูนย์การประชุมนานาชาติ อีซีซี จะทำให้กลุ่มโรงแรมดิเอ็มเพรสก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านศูนย์กลางการประชุมและการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือสามารถรองรับงานแสดงสินค้าระดับประเทศได้โดยเฉพาะกลุ่มประเทศสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจได้แก่ ไทย พม่า ลาวและจีน และยังคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจให้กับกลุ่มโรงแรมดิเอ็มเพรสได้กว่า 60%
ปีที่แล้วทั้งกลุ่มมีรายได้รวม 280 ล้านบาท เติบโต 35% และปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวมมากกว่า 340 ล้านบาท กลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มทัวร์เอเจนซี่ในต่างประเทศ 70% และอีก 30% เป็นลูกค้าในประเทศ
นายกนกกล่าวต่อถึงสถานการณ์ตลาดโรงแรมในเชียงใหม่ขณะนี้ว่า มีการแข่งขันที่รุนแรงเพราะมีโรงแรมเปิดใหม่จำนวนมากช่วง 2 ปีมานี้ ทั้งของทุนท้องถิ่นและทุนต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะให้เชนระดับโลกเข้ามาบริหาร เช่น ที่เพิ่งเปิดไปคือ โรงแรมเชียงการีล่า โรงแรมดาราเทวี โรงแรมโซฟิเทล โรงแรมเลอเมอริเดียน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นระดับ 4-5 ดาวนอกจากนั้นในช่วงมหกรรมพืชสวนโลกมีโรงแรมที่เกิดขึ้นมากแบบเฉพาะกิจจำนวนมากรองรับตลาดช่วงนั้นที่มีมากทำให้ปัจจุบันนี้ห้องพักเริ่มล้นตลาดแล้ว
จากตัวเลขของสมาคมโรงแรมไทย (ภาคเหนือ) ระบุว่า จำนวนโรงแรมและห้องพักในเชียงใหม่ในปี 2549 มีจำนวน 292 แห่ง จำนวน 17,709 ห้อง เพิ่มขึ้น 29% ขณะที่ปี 2550 มีโรงแรมเพิ่มเป็น 376 แห่ง มีห้องพักเพิ่มเป็น 20,782 ห้อง และประมาณการณ์ว่าในปี 2551 นี้ จะมีโรงแรมเพิ่มเป็น 420 แห่ง และมีห้องพักเพิ่มเป็น 25,870 ห้อง
ส่วนรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในเชียงใหม่นั้น ในปี 2549 มีมูลค่า 5,797 ล้านบาท เพิ่มเป็น 6,514 ล้านบาท ในปี 2550 ส่วนปี 2551 คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในเชียงใหม่จากการใช้จ่ายด้านที่พักและอาหารของนักท่องเที่ยวประมาณ 10,464 ล้านบาท