สสปน.จับมือ 9 พันธมิตร ปั้นงาน Connection Plus เปิดเวทีชิงตลาด มีตติ้งและอินเซนทีฟ หวัง 5 ปี สร้างการรับรู้แบรนด์ประเทศไทยได้ทั่วโลก ช่วยเปิดตลาดให้แก่ภาคเอกชน ตั้งเป้าผลการจัดงานปีนี้ดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้าประเทศได้กว่า 1 หมื่นคน ภายใน 2 ปี สร้างรายได้กว่า 650 ล้านบาท
นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับพันธมิตร 9 องค์กร ได้แก่ ททท. การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ(ไทย) และศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นต้น จัดงาน Connection Plus 2008 ภายใต้แนวคิด Thailand Team Up ขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 มิ.ย.51 โดยใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท ในลักษณะ Matching Fund เพื่อจัดงานครั้งนี้
สสปน. ได้จัดปีนี้เป็นปีที่ 3 เพื่อกระตุ้นตลาด ประชุม (Meetings) และตลาดท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล(Incentives) ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และงานนี้ยังโปรโมตประเทศไทยในเรื่องของความพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ซึ่งถือเป็นตลาดระดับบน ที่มีการใช้จ่ายสูง และยังเป็นเวทีที่ตัวแทนจากองค์กรธุรกิจจากทั่วโลก ที่สสปน. ได้เชิญเข้ามาร่วมงานได้มีโอกาส พบปะเจรจาการซื้อขายกับภาคเอกชนของไทย ซึ่งคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะมีอำนาจตัดสินใจในการเลือกเดสติเนชั่นสำหรับการจัดประชุม และท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล
“ปีนี้มีองค์กรธุรกิจตอบรับเข้ามาร่วมงาน ประมาณ 100 ราย จาก 15 ประเทศทั่วโลก เพิ่มจากปีก่อน ที่มีองค์กรธุรกิจเข้าร่วมงานราว 98 ราย จาก 10 ประเทศ”
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า สสปน. ตั้งเป้าหมายการจัดงานครั้งนี้จะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวกลุ่ม มีตติ้ง และอินเซนทีฟ กลับเข้ามาที่ประเทศไทยจำนวน 10,000 คน ภายในปี 2553 ก่อเกิดรายได้เข้าประเทศ ประมาณ 650 ล้านบาท ขณะที่ปี 2550 ผลของการจัดงานช่วยดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้าประเทศไทยได้ประมาณ 5,000 คน โดย สสปน. ตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 5 ปีจากนี้จะพัฒนางาน Connection Plus ให้เป็นแบรนด์ สำหรับตลาดมีตติ้งและอินเซนทีฟของประเทศไทย เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการไทย
นางมาลินี กิตะพาณิชย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายการประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล สสปน. กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาด M และ I มีการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 20% ทุกปี สร้างรายได้เข้าประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 50% ของตลาดMICE ซึ่งปีนี้ สสปน.ตั้งเป้าว่า M และ I จะดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ราว 380,000 คน คิดเป็นรายได้ 24,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 18%
สำหรับปีนี้ เราได้จัดแฟมทริป เชิญ แขกที่เข้ามาร่วมงาน ได้เดินทางไปชมสินค้าทางการท่องเที่ยวของไทย โดยแบ่งเป็น 2 เส้นทาง คือ กรุงเทพ-เชียงใหม่ และ กรุงเทพ-เกาะช้าง เพราะเห็นว่า ทั้ง 2 เส้นทาง มีความพร้อมในเรื่องระบบการคมนาคม สิ่งอำนวยความสะดวกและที่พัก
อย่างไรก็ตามการโปรโมตสินค้าทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย ช่วยส่งเสริมให้ตลาดมีตติ้งและอินเซนทีฟเติบโตตามไปด้วย แต่ยอมรับว่า ตลาดนี้ก็มีคู่แข่งขันสูง เช่น ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ มาเลเซีย เราจึงต้องเร่งพัฒนาและร่วมมือกันกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผนึกนโยบายเป็นหนึ่งเดียว ในการบุกตลาดนี้ ยอมรับว่า ผลจากการปฎิวัติ เมื่อปี 49 มีผลให้ตลาด M และ I ในช่วง ต้นปี 51 ถดถอย ซึ่งเราก็เร่งมือทำการตลาด เพื่อต่อสู้กับคู่แข่งขัน ขณะที่ปีนี้ ประเทศมีรัฐบาลบริหารประเทศแล้ว เชื่อว่าจะยิ่งเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้
นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับพันธมิตร 9 องค์กร ได้แก่ ททท. การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ(ไทย) และศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นต้น จัดงาน Connection Plus 2008 ภายใต้แนวคิด Thailand Team Up ขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 มิ.ย.51 โดยใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท ในลักษณะ Matching Fund เพื่อจัดงานครั้งนี้
สสปน. ได้จัดปีนี้เป็นปีที่ 3 เพื่อกระตุ้นตลาด ประชุม (Meetings) และตลาดท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล(Incentives) ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และงานนี้ยังโปรโมตประเทศไทยในเรื่องของความพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ซึ่งถือเป็นตลาดระดับบน ที่มีการใช้จ่ายสูง และยังเป็นเวทีที่ตัวแทนจากองค์กรธุรกิจจากทั่วโลก ที่สสปน. ได้เชิญเข้ามาร่วมงานได้มีโอกาส พบปะเจรจาการซื้อขายกับภาคเอกชนของไทย ซึ่งคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะมีอำนาจตัดสินใจในการเลือกเดสติเนชั่นสำหรับการจัดประชุม และท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล
“ปีนี้มีองค์กรธุรกิจตอบรับเข้ามาร่วมงาน ประมาณ 100 ราย จาก 15 ประเทศทั่วโลก เพิ่มจากปีก่อน ที่มีองค์กรธุรกิจเข้าร่วมงานราว 98 ราย จาก 10 ประเทศ”
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า สสปน. ตั้งเป้าหมายการจัดงานครั้งนี้จะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวกลุ่ม มีตติ้ง และอินเซนทีฟ กลับเข้ามาที่ประเทศไทยจำนวน 10,000 คน ภายในปี 2553 ก่อเกิดรายได้เข้าประเทศ ประมาณ 650 ล้านบาท ขณะที่ปี 2550 ผลของการจัดงานช่วยดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้าประเทศไทยได้ประมาณ 5,000 คน โดย สสปน. ตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 5 ปีจากนี้จะพัฒนางาน Connection Plus ให้เป็นแบรนด์ สำหรับตลาดมีตติ้งและอินเซนทีฟของประเทศไทย เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการไทย
นางมาลินี กิตะพาณิชย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายการประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล สสปน. กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาด M และ I มีการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 20% ทุกปี สร้างรายได้เข้าประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 50% ของตลาดMICE ซึ่งปีนี้ สสปน.ตั้งเป้าว่า M และ I จะดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ราว 380,000 คน คิดเป็นรายได้ 24,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 18%
สำหรับปีนี้ เราได้จัดแฟมทริป เชิญ แขกที่เข้ามาร่วมงาน ได้เดินทางไปชมสินค้าทางการท่องเที่ยวของไทย โดยแบ่งเป็น 2 เส้นทาง คือ กรุงเทพ-เชียงใหม่ และ กรุงเทพ-เกาะช้าง เพราะเห็นว่า ทั้ง 2 เส้นทาง มีความพร้อมในเรื่องระบบการคมนาคม สิ่งอำนวยความสะดวกและที่พัก
อย่างไรก็ตามการโปรโมตสินค้าทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย ช่วยส่งเสริมให้ตลาดมีตติ้งและอินเซนทีฟเติบโตตามไปด้วย แต่ยอมรับว่า ตลาดนี้ก็มีคู่แข่งขันสูง เช่น ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ มาเลเซีย เราจึงต้องเร่งพัฒนาและร่วมมือกันกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผนึกนโยบายเป็นหนึ่งเดียว ในการบุกตลาดนี้ ยอมรับว่า ผลจากการปฎิวัติ เมื่อปี 49 มีผลให้ตลาด M และ I ในช่วง ต้นปี 51 ถดถอย ซึ่งเราก็เร่งมือทำการตลาด เพื่อต่อสู้กับคู่แข่งขัน ขณะที่ปีนี้ ประเทศมีรัฐบาลบริหารประเทศแล้ว เชื่อว่าจะยิ่งเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้