เคาะข่าวริมโขง : "ส.ส.เพื่อแม้ว" สุดชั่ว สุมหัวทรราช "นช.แม้ว-ฮุนเซน" ทำร้ายไทย เร่ง "มาร์ค" ใช้มาตรการเฉียบขาดตอบโต้เขมร หลังผยองหนัก จับวิศวกรไทยยัดข้อหาจารกรรมสำคัญ หวังประทุสงคราม ด้าน "ไอ้ตู่" สอพลอ "ฮุนเซน" เลียไข่เขมร นั่งด่าทอประเทศตัวเอง ขณะที่ "เทพไท" เย้ย ค่าหัว "นช.แม้ว" 150 ล้านแพงไป เชื่อจุดจบนักการเมืองชั่ว ต้องตายอย่างไร้เกียรติ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน โดยมี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ และนายประเสริฐ เลิศยะโส อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ มาร่วมพูดคุยถึงหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการประฌามและต่อต้านระบอบทักษิณ ที่ปัจจุบันอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ได้ไปสุมหัวคบ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อโจมตีและรุมทำร้ายประเทศไทย
เริ่มต้นรายการ น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดประเด็น ความเคลื่อนไหวของแกนนำคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็น นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ตลอดจนถึง ส.ส.พรรคเพื่อไทยอีกหลายสิบคน ที่ได้ยกขบวนไปเยี่ยมเยียน พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงกัมพูชา
นายประเสริฐ กล่าวว่า การกระทำที่เห็น ตนอยากให้ทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง รวมทั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อย่านิ่งเฉยกับเรื่องดังกล่าว โดยสมควรจะดำเนินคดีกับขบวนการคนทรยศชาติ ไล่ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พล.อ.ชวลิต ยงใยยุทธ นายสมชาย และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ตลอดจนบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่หนีการประชุมสภาไปพบนายถึงประเทศเพื่อนบ้าน
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า ตามมาตรา 120 ในประมวลกฏหมายอาญา ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า บุคคลใดสมคบคิดกับรัฐต่างประเทศ ในการเป็นปรปักษ์ต่อรัฐถือว่ามีความผิด ดังนั้น การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ และสมเด็จฯ ฮุนเซน ก็ถือว่าเป็นความผิดตามกฏหมาย โดยปัญหาทั้งหมดเกิดจากความโลภผู้นำกัมพูชา ที่ต้องการผลประโยชน์จาก พ.ต.ท.ทักษิณ จึงยอมแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ และอนุญาตให้ใช้กัมพูชาเป็นฐานบัญชาการโจมตีประเทศไทย ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่กัมพูชาและสั่งการให้กลุ่มคนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมืองจนเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย ล่าสุด ยังไม่สำนึก เรียกบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปร่วมสมคบที่ประเทศเพื่อนบ้านอีกครั้ง ทั้งที่ ส.ส.เหล่านั้น กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน แต่เห็น พ.ต.ท.ทักษิณ สำคัญกว่าศักดิ์ศรีบ้านเมือง ที่กัมพูชากำลังพยายามย่ำยีอยู่
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จากการได้ติดตามบทสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านทาง ไทมส์ ออนไลน์ สื่อประเทศอังกฤษ รวมทั้ง การกระทำของ สมเด็จฯ ฮุนเซน ที่ด่าทอกระบวนการยุติธรรมไทย หาว่ากลั่นแกล้ง พ.ต.ท.ทักษิณ สิ่งเหล่านี้ ถือว่านอกจาก สมเด็จฯ ฮุนเซน ดูถูกการตัดสินของศาลไทยแล้ว ยังถือว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เนื่องจากศาลอยู่ภายใต้พระปรมาภิไธย ที่ทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น เวลานี้ชัดเจนแล้วว่าทั้งสองคนไม่ได้หวังดีกับประเทศไทย รวมทั้ง เหล่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่เดินทางไปกัมพูชา โดยส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ภาคอีสาน ตนอยากให้พวกนี้ทบทวนบทบาทตัวเอง ว่าเหมาะสมหรือไม่ ที่ไปเอาใจนายในสถานการณ์ความขัดแย้งเช่นนี้
นายประเสริฐ กล่าวว่า หากนักโทษหนีคดีไปอยู่บ้านเมืองหรือประเทศใด ก็ถือว่าประเทศดังกล่าวให้ที่พักพิงคนกระทำผิด ซึ่งก็ต้องมีความผิดตามกฏหมายด้วย ฐานรู้เห็นเป็นใจและสมรู้ร่วมคิด ดังนั้น ตนอยากให้ นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ รวมทั้ง ผบ.ตร. ลงมาจัดการเรื่องนี้ด้วยความเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งที่ เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะหมายถึงเกียรติภูมิประเทศไทย
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า วันนี้ ในการประชุมสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ต้องสั่งเลื่อนเวลาการประชุมออกไปเรื่อยๆ เนื่องจาก ส.ส.ที่เข้าประชุมบางตา เพราะขาด ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่บินไปเยือน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กัมพูชา โดยในการเดินทางไปครั้งนี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องข่าวลือที่มีคนจ้างฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยค่าหัว 150 ล้านบาท นอกจากนี้ พอ ส.ส. กลุ่มดังกล่าวถึงสนามบินกัมพูชา ก็ได้มีการต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี และทาง สมเด็จฯ ฮุนเซน ก็จะจัดงานเลี้ยงรับรองให้ด้วย ทั้งนี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยพร้อมด้วยกลุ่มคนเสื้อแดงที่ตามไปสมทบ พอได้พบหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ บางคนถึงกลับร้องห่มร้องไห้ด้วยความดีใจ
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น คือ มีแต่คนถามหา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่จากเดิมเคยออกหน้าประจบ พ.ต.ท.ทักษิณ มาตลอด แต่ทำไมคราวนี้กลับพลาดงานสำคัญได้ โดยมีข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม เข้าโรงพยาบาลและอ้างว่าป่วยหนัก ทั้งที่จริงแล้วเป็นแค่เกมตบตา เพราะไม่อยากไปเจอ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กัมพูชา ซึ่งคนใกล้ชิด ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ได้เจ็บป่วย แต่ถ้าหากไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เท่ากับทำตัวเป็นกบฏ โดยถ้าหากไม่บอกว่าป่วยหนัก ก็หาเหตุผลไม่ได้และกลัวจะน่าเกลียด จึงต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน
ต่อจากนั้น ได้มีการเปิดมิวสิกวิดีโอเพลงหมารับใช้ ที่มีเนื้อเพลงแฉและประฌามการกระทำ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีสัญชาติเป็นคนไทย แต่เป็นหมารับใช้ให้ สมเด็จฯ ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา ปอกลอกเอาเงิน
น.ส.อัญชะลี กล่าวถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาที่จับกุมวิศวกรชาวไทย ที่ทำงานกับบริษัท บริการการเดินอากาศกัมพูชา หรือ Cambodia Air Traffic Services โดยกล่าวหาว่า วิศวกรผู้นี้ ทำการสืบค้นข้อมูลตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เดินทางเข้ากัมพูชาในวันอังคารที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ ก็เครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น และพยายามหาทางช่วยเหลือวิศวกรคนดังกล่าว ผิดกลับทางด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และเป็นแกนนำคนเสื้อแดง ได้ออกมาใส่ร้ายป้ายสีว่า วิศวกรที่ถูกจับกุมตัวเป็นเพื่อนกับเลขาทูตไทยที่ถูกทางกัมพูชาส่งกลับประเทศเมื่อวันก่อน และได้ส่งข้อมูลตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กับรัฐบาลไทย
นายประพันธ์ กล่าวประเด็นนี้ ว่า ขณะนี้ นายจตุพร กำลังทำตัวเป็นโฆษกให้รัฐบาลกัมพูชา เพราะวิศวกรที่ถูกจับกุมเป็นคนไทย แต่ในฐานะที่เป็นคนไทยเหมือนกัน นายจตุพร ไม่ได้แสดงความเป็นห่วงคนชาติเดียวกันเลย ไม่หนำซ้ำ ยังแต่งเรื่องโกหก เหมือนกัมพูชาที่ชอบบิดเบือนข้อมูลและเปิดเกมยั่วยุไทย ด้วยการกุเรื่อง รวมทั้งสร้างสถานการณ์ให้เกิดสงคราม โดยออกมาระบุว่า วิศวกรไทยเข้าไปล้วงความลับ ทั้งที่ความจริงแค่ข้อมูลที่กัมพูชาได้จากคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็รู้หมดแล้วว่าประเทศไทยจุดอ่อน จุดแข็งอย่างไร
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่านั้น คือ รัฐบาลไทยที่เป็นฝ่ายตั้งรับกัมพูชามาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลไทยทำได้แค่เพียงตอบโต้ เมื่อทางฝ่ายกัมพูชาจุดชนวนปัญหาขึ้นมา ทำให้ประชาชนมองว่า มาตรการตอบโต้กัมพูชายังอ่อนเกินไป อีกทั้ง รัฐบาลไทยยังไม่ได้ชี้แจงความจริงให้แก่ประชาคมโลกได้รับทราบว่าเป็นอย่างไร ซึ่งอาจเกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง ดังนั้น รัฐบาลไทยต้องสั่งสอนกัมพูชาให้ได้รับบทเรียน และรับผิดชอบกับการกระทำที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวด้วย ไม่เช่นนั้น ทางด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ และ สมเด็จฯ ฮุนเซน ก็ยังได้ใจทำร้ายประเทศไทยอย่างนี้ต่อไป
นายโสภณ กล่าวว่า สถานะรัฐบาลไทยที่ตั้งรับอยู่ขณะนี้ ไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ อีกทั้ง ยังมีคนไทยกลุ่มหนึ่งทำตัวเข้าข้างกัมพูชา อาทิ นายจตุพร ที่ตอนนี้กลายเป็นโฆษกของฝ่ายกัมพูชาไปแล้ว แสดงให้เห็นว่า ส.ส.กัมพูชามีมาตรฐานดีกว่า ส.ส.ไทย เพราะอย่างน้อย ส.ส.กัมพูชา ก็ยังไม่มีคนไหนมาประเทศไทยแล้วนั่งด่าทอ สมเด็จฯ ฮุนเซน ไม่เหมือนกับ นายจตุพร ที่เป็นส.ส.ไทย แต่ไปกัมพูชา เพื่อนั่งด่าทอประเทศตัวเอง แบบนี้ไม่รู้ว่าหากกลับประเทศไทยมาจะสามารถมองหน้าคนไทยได้อยู่หรือไม่
นายประพันธ์ กล่าวว่า งานนี้ต้องชมทาง สมเด็จฯ ฮุนเซน ที่แม้เคยมีประวัติเกลียดชัง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เวลานี้กลับเล่นละครได้อย่างสมบทบาท เพราะต้องการปอกลอกนักโทษชายของไทย โดยใช้ข้ออ้างหลายประการในการไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไทย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ที่รับรองโดย สมเด็จพระนโรดม สีหนุ กษัตริย์กัมพูชา แต่ถึงอย่างไรเชื่อว่า ในที่สุดแล้ว ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และ สมเด็จฯ ฮุนเซน ไม่สามารถร่วมมือกันได้นาน เนื่องจากต้องมีคนใดคนหนึ่งทรยศอีกคน
นายประเสริฐ กล่าวว่า มีหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์สัมพันธ์ฉันท์เพื่อนรักของทั้งคู่ โดยส่วนใหญ่เห็นพ้องตรงกันว่า ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และ สมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นมิตรรักกัน เพราะในอดีตผู้นำกัมพูชา รู้สึกโกรธเคืองอดีตนายกรัฐมนตรีไทยไม่น้อย ที่ไปมีส่วนในการยึดอำนาจกัมพูชา
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ สมเด็จฯ ฮุนเซน มาเจอกันเป็นเรื่องราวของคนไม่เต็มบาท ที่ต่างหวังอยากได้ผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย ซึ่งแท้จริงแล้วคนทั้งคู่มีนิสัยใจคอคล้ายคลึงกัน คือ เห็นแก่ตัว เอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นใหญ่เหนือเรื่องอื่นๆ พ.ต.ท.ทักษิณ โกงกินคอรัปชัน ใช้เงินซื้อเสียง ซื้ออำนาจ ซื้อประชาชน ได้เป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ชอบ เช่นเดียวกับ สมเด็จฯ ฮุนเซน ที่เคยยื่นข้อเสนอเมื่อครั้งที่สหประชาชนเข้ามามีบทบาทในการไกล่เกลี่ยเขมรทั้ง 4 ฝ่าย โดยระบุว่า ถ้าตนเองแพ้การเลือกตั้ง กัมพูชาต้องมีผู้นำ 2 คน แต่ถ้าหาก สมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นฝ่ายชนะ ต้องยอมให้เป็นผู้นำประเทศคนเดียว สิ่งเหล่านี้ชัดเจนถึงธาตุแท้คนทั้งคู่ ซึ่งตนเชื่อว่า ที่ผ่านมาคนกัมพูชาก็เบื่อหน่าย สมเด็จฯ ฮุนเซน มากเหมือนที่คนไทยรู้สึกเบื่อหน่าย พ.ต.ท.ทักษิณ
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามามีบทบาทในทางการเมือง ได้สร้างวีรกรรมที่ไม่เคยมีคนไทยคนไหนทำมาก่อน อาทิ การโกงเลือกตั้ง จนทำให้พรรคการเมืองตัวเองถูกยุบถึง 2 ครั้ง หรือจะเป็นการโกงเชิงนโยบาย ที่เปิดช่องให้ทุจริตในโครงการต่างๆ ทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่ หรือจะเป็นการเกิดกระบวนการจาบจ้วง ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ทั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และสมุนที่รับเงินค่าจ้าง ได้แสดงทั้งการกระทำและคำพูดในช่วงที่ผ่านมา หรือจะเป็นการเอาพื้นที่อนาธิปไตยของไทยไปแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางธุรกิจกับผู้นำกัมพูชา และสุดท้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นคนทรยศชาติ ที่กระทำการทุกอย่างไม่หวังดีกับประเทศ นอกจากนี้ ล่าสุด ตนได้ยินข่าวมาว่า มีพ่อค้าชาวไทยนำพันธุ์ข้าวหอมมะลิไทย ไปปลูกในกัมพูชาแล้วมีคุณภาพใกล้เคียงกับที่ปลูกในไทย ซึ่งด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังมีความสนใจจะชวนนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาซื้อที่ดินในกัมพูชา และปลูกข้าวหอมมะลิส่งออกต่างประเทศแข่งกับคนไทย
ช่วงต่อมา ได้มีการเปิดสกู๊ปเพลงหนักแผ่นดิน ที่เผยแพร่ไปทั่วในเว็บไซต์ยูทูป และมีผู้คนจำนวนมากเข้าไปชมและวิพากษ์วิจารณ์อย่างสนั่นถึงการกระทำสุดชั่วของ พ.ต.ท.ทักษิณ และ สมเด็จฯ ฮุนเซน
จากนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า ตนอยากให้คนไทยเปิดใจดูการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าการไปให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศและหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เป็นเรื่องที่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ชาติไทยหรือไม่ ว่าเคยมีใครทำเช่นนี้มาก่อน ซึ่งยังไม่นับเหตุการณ์ที่ผ่านมาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยกระทำในวัดพระแก้ว หรือจะเป็นการปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดงในหลายที่ โดยชอบตีตนเสมอพระเจ้าแผ่นดิน และใช้ถ้อยคำกระทบกระเทียบสถาบัน
นายประเสริฐ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ตนอยากให้คนไทยและชาวกัมพูชาสามัคคีกัน และมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็น เพราะการกระทำของคน 2 คน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ และ สมเด็จฯ ฮุนเซน ส่วนประชาชนทั้ง 2 ประเทศไม่เกี่ยว ดังนั้น หนทางแก้ไข ทุกฝ่ายต้องร่วมกันประฌามและต่อต้านการกระทำดังกล่าว โดยต้องขจัดพวกทรยศออกไปให้พ้นแผ่นดิน
นายโสภณ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีเงินจำนวนมหาศาลแต่ยังไม่รู้จักพอ โลภมากแม้ตอนนี้จะไม่สามารถอยู่บนแผ่นดินบ้านเกิดได้ แต่ก็ยังไม่สำนึกไปคิดแผนทำร้ายประเทศไทยที่กัมพูชาต่อ
นายประเสริฐ กล่าวเสริมว่า คนกัมพูชาวิเคราะห์เพราะรู้จักตัวตน สมเด็จฯ ฮุนเซน ดีว่ามีนิสัยชอบเอาคนรวยไปอยู่ในประเทศ เพื่อปอกลอกผลประโยชน์ ซึ่งขอให้รอดูวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เหลือแต่ตัว เมื่อเวลานั้นมาถึงจะเห็นผู้นำกัมพูชาถีบหัวส่ง พ.ต.ท.ทักษิณ แน่นอน
นายโสภณ กล่าวว่า ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มกลัวกระแสคนไทยรักชาติ ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ จะยิ่งทนไม่ได้ที่เห็นทุกคนรุมรังเกียจ ซึ่งทางด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาระบุว่า คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ต้องใช้เงินถึง 150 ล้านบาท ก็สามารถตายได้ เพราะสุดท้ายแล้วมนุษย์ก็หนีกรรมที่ตัวเองก่อไว้ไม่พ้น โดยจุดจบของนักการเมืองโกงบ้านโกงเมือง คือ การตายอย่างไร้เกียรติ
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ขณะที่ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ในฐานะอดีตมือไม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำอยู่ เพราะมีความสุขที่ได้เห็นประเทศไทยยุ่งเหยิง เพราะคนอย่างอดีตนายกรัฐมนตรี ถ้าสิ่งใดไม่มีความสุขจะไม่กระทำเด็ดขาด โดยนายเนวิน กล่าวอีกว่า ควรปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำต่อไป
ช่วงสุดท้ายของรายการ มีการเชิญชวนประชาชนคนไทยที่รักชาติ และพร้อมแสดงออกด้วยการปกป้องสถาบัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน สีอะไร สามารถมาร่วมแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ ในวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ย. ที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งวันดังกล่าว ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นแค่มวลชนพี่น้องพันธมิตรฯ เท่านั้น หากผู้ใดต้องการมาร่วมกันแสดงพลังขับเคลื่อนบ้านเมือง เพื่อตอกย้ำความจงรักภักดีต่อ 3 สถาบัน ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เดินทางมาร่วมงานนี้ได้
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน โดยมี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ และนายประเสริฐ เลิศยะโส อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ มาร่วมพูดคุยถึงหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการประฌามและต่อต้านระบอบทักษิณ ที่ปัจจุบันอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ได้ไปสุมหัวคบ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อโจมตีและรุมทำร้ายประเทศไทย
เริ่มต้นรายการ น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดประเด็น ความเคลื่อนไหวของแกนนำคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็น นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ตลอดจนถึง ส.ส.พรรคเพื่อไทยอีกหลายสิบคน ที่ได้ยกขบวนไปเยี่ยมเยียน พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงกัมพูชา
นายประเสริฐ กล่าวว่า การกระทำที่เห็น ตนอยากให้ทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง รวมทั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อย่านิ่งเฉยกับเรื่องดังกล่าว โดยสมควรจะดำเนินคดีกับขบวนการคนทรยศชาติ ไล่ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พล.อ.ชวลิต ยงใยยุทธ นายสมชาย และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ตลอดจนบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่หนีการประชุมสภาไปพบนายถึงประเทศเพื่อนบ้าน
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า ตามมาตรา 120 ในประมวลกฏหมายอาญา ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า บุคคลใดสมคบคิดกับรัฐต่างประเทศ ในการเป็นปรปักษ์ต่อรัฐถือว่ามีความผิด ดังนั้น การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ และสมเด็จฯ ฮุนเซน ก็ถือว่าเป็นความผิดตามกฏหมาย โดยปัญหาทั้งหมดเกิดจากความโลภผู้นำกัมพูชา ที่ต้องการผลประโยชน์จาก พ.ต.ท.ทักษิณ จึงยอมแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ และอนุญาตให้ใช้กัมพูชาเป็นฐานบัญชาการโจมตีประเทศไทย ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่กัมพูชาและสั่งการให้กลุ่มคนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมืองจนเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย ล่าสุด ยังไม่สำนึก เรียกบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปร่วมสมคบที่ประเทศเพื่อนบ้านอีกครั้ง ทั้งที่ ส.ส.เหล่านั้น กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน แต่เห็น พ.ต.ท.ทักษิณ สำคัญกว่าศักดิ์ศรีบ้านเมือง ที่กัมพูชากำลังพยายามย่ำยีอยู่
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จากการได้ติดตามบทสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านทาง ไทมส์ ออนไลน์ สื่อประเทศอังกฤษ รวมทั้ง การกระทำของ สมเด็จฯ ฮุนเซน ที่ด่าทอกระบวนการยุติธรรมไทย หาว่ากลั่นแกล้ง พ.ต.ท.ทักษิณ สิ่งเหล่านี้ ถือว่านอกจาก สมเด็จฯ ฮุนเซน ดูถูกการตัดสินของศาลไทยแล้ว ยังถือว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เนื่องจากศาลอยู่ภายใต้พระปรมาภิไธย ที่ทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น เวลานี้ชัดเจนแล้วว่าทั้งสองคนไม่ได้หวังดีกับประเทศไทย รวมทั้ง เหล่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่เดินทางไปกัมพูชา โดยส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ภาคอีสาน ตนอยากให้พวกนี้ทบทวนบทบาทตัวเอง ว่าเหมาะสมหรือไม่ ที่ไปเอาใจนายในสถานการณ์ความขัดแย้งเช่นนี้
นายประเสริฐ กล่าวว่า หากนักโทษหนีคดีไปอยู่บ้านเมืองหรือประเทศใด ก็ถือว่าประเทศดังกล่าวให้ที่พักพิงคนกระทำผิด ซึ่งก็ต้องมีความผิดตามกฏหมายด้วย ฐานรู้เห็นเป็นใจและสมรู้ร่วมคิด ดังนั้น ตนอยากให้ นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ รวมทั้ง ผบ.ตร. ลงมาจัดการเรื่องนี้ด้วยความเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งที่ เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะหมายถึงเกียรติภูมิประเทศไทย
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า วันนี้ ในการประชุมสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ต้องสั่งเลื่อนเวลาการประชุมออกไปเรื่อยๆ เนื่องจาก ส.ส.ที่เข้าประชุมบางตา เพราะขาด ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่บินไปเยือน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กัมพูชา โดยในการเดินทางไปครั้งนี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องข่าวลือที่มีคนจ้างฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยค่าหัว 150 ล้านบาท นอกจากนี้ พอ ส.ส. กลุ่มดังกล่าวถึงสนามบินกัมพูชา ก็ได้มีการต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี และทาง สมเด็จฯ ฮุนเซน ก็จะจัดงานเลี้ยงรับรองให้ด้วย ทั้งนี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยพร้อมด้วยกลุ่มคนเสื้อแดงที่ตามไปสมทบ พอได้พบหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ บางคนถึงกลับร้องห่มร้องไห้ด้วยความดีใจ
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น คือ มีแต่คนถามหา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่จากเดิมเคยออกหน้าประจบ พ.ต.ท.ทักษิณ มาตลอด แต่ทำไมคราวนี้กลับพลาดงานสำคัญได้ โดยมีข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม เข้าโรงพยาบาลและอ้างว่าป่วยหนัก ทั้งที่จริงแล้วเป็นแค่เกมตบตา เพราะไม่อยากไปเจอ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กัมพูชา ซึ่งคนใกล้ชิด ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ได้เจ็บป่วย แต่ถ้าหากไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เท่ากับทำตัวเป็นกบฏ โดยถ้าหากไม่บอกว่าป่วยหนัก ก็หาเหตุผลไม่ได้และกลัวจะน่าเกลียด จึงต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน
ต่อจากนั้น ได้มีการเปิดมิวสิกวิดีโอเพลงหมารับใช้ ที่มีเนื้อเพลงแฉและประฌามการกระทำ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีสัญชาติเป็นคนไทย แต่เป็นหมารับใช้ให้ สมเด็จฯ ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา ปอกลอกเอาเงิน
น.ส.อัญชะลี กล่าวถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาที่จับกุมวิศวกรชาวไทย ที่ทำงานกับบริษัท บริการการเดินอากาศกัมพูชา หรือ Cambodia Air Traffic Services โดยกล่าวหาว่า วิศวกรผู้นี้ ทำการสืบค้นข้อมูลตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เดินทางเข้ากัมพูชาในวันอังคารที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ ก็เครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น และพยายามหาทางช่วยเหลือวิศวกรคนดังกล่าว ผิดกลับทางด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และเป็นแกนนำคนเสื้อแดง ได้ออกมาใส่ร้ายป้ายสีว่า วิศวกรที่ถูกจับกุมตัวเป็นเพื่อนกับเลขาทูตไทยที่ถูกทางกัมพูชาส่งกลับประเทศเมื่อวันก่อน และได้ส่งข้อมูลตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กับรัฐบาลไทย
นายประพันธ์ กล่าวประเด็นนี้ ว่า ขณะนี้ นายจตุพร กำลังทำตัวเป็นโฆษกให้รัฐบาลกัมพูชา เพราะวิศวกรที่ถูกจับกุมเป็นคนไทย แต่ในฐานะที่เป็นคนไทยเหมือนกัน นายจตุพร ไม่ได้แสดงความเป็นห่วงคนชาติเดียวกันเลย ไม่หนำซ้ำ ยังแต่งเรื่องโกหก เหมือนกัมพูชาที่ชอบบิดเบือนข้อมูลและเปิดเกมยั่วยุไทย ด้วยการกุเรื่อง รวมทั้งสร้างสถานการณ์ให้เกิดสงคราม โดยออกมาระบุว่า วิศวกรไทยเข้าไปล้วงความลับ ทั้งที่ความจริงแค่ข้อมูลที่กัมพูชาได้จากคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็รู้หมดแล้วว่าประเทศไทยจุดอ่อน จุดแข็งอย่างไร
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่านั้น คือ รัฐบาลไทยที่เป็นฝ่ายตั้งรับกัมพูชามาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลไทยทำได้แค่เพียงตอบโต้ เมื่อทางฝ่ายกัมพูชาจุดชนวนปัญหาขึ้นมา ทำให้ประชาชนมองว่า มาตรการตอบโต้กัมพูชายังอ่อนเกินไป อีกทั้ง รัฐบาลไทยยังไม่ได้ชี้แจงความจริงให้แก่ประชาคมโลกได้รับทราบว่าเป็นอย่างไร ซึ่งอาจเกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง ดังนั้น รัฐบาลไทยต้องสั่งสอนกัมพูชาให้ได้รับบทเรียน และรับผิดชอบกับการกระทำที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวด้วย ไม่เช่นนั้น ทางด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ และ สมเด็จฯ ฮุนเซน ก็ยังได้ใจทำร้ายประเทศไทยอย่างนี้ต่อไป
นายโสภณ กล่าวว่า สถานะรัฐบาลไทยที่ตั้งรับอยู่ขณะนี้ ไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ อีกทั้ง ยังมีคนไทยกลุ่มหนึ่งทำตัวเข้าข้างกัมพูชา อาทิ นายจตุพร ที่ตอนนี้กลายเป็นโฆษกของฝ่ายกัมพูชาไปแล้ว แสดงให้เห็นว่า ส.ส.กัมพูชามีมาตรฐานดีกว่า ส.ส.ไทย เพราะอย่างน้อย ส.ส.กัมพูชา ก็ยังไม่มีคนไหนมาประเทศไทยแล้วนั่งด่าทอ สมเด็จฯ ฮุนเซน ไม่เหมือนกับ นายจตุพร ที่เป็นส.ส.ไทย แต่ไปกัมพูชา เพื่อนั่งด่าทอประเทศตัวเอง แบบนี้ไม่รู้ว่าหากกลับประเทศไทยมาจะสามารถมองหน้าคนไทยได้อยู่หรือไม่
นายประพันธ์ กล่าวว่า งานนี้ต้องชมทาง สมเด็จฯ ฮุนเซน ที่แม้เคยมีประวัติเกลียดชัง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เวลานี้กลับเล่นละครได้อย่างสมบทบาท เพราะต้องการปอกลอกนักโทษชายของไทย โดยใช้ข้ออ้างหลายประการในการไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไทย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ที่รับรองโดย สมเด็จพระนโรดม สีหนุ กษัตริย์กัมพูชา แต่ถึงอย่างไรเชื่อว่า ในที่สุดแล้ว ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และ สมเด็จฯ ฮุนเซน ไม่สามารถร่วมมือกันได้นาน เนื่องจากต้องมีคนใดคนหนึ่งทรยศอีกคน
นายประเสริฐ กล่าวว่า มีหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์สัมพันธ์ฉันท์เพื่อนรักของทั้งคู่ โดยส่วนใหญ่เห็นพ้องตรงกันว่า ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และ สมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นมิตรรักกัน เพราะในอดีตผู้นำกัมพูชา รู้สึกโกรธเคืองอดีตนายกรัฐมนตรีไทยไม่น้อย ที่ไปมีส่วนในการยึดอำนาจกัมพูชา
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ สมเด็จฯ ฮุนเซน มาเจอกันเป็นเรื่องราวของคนไม่เต็มบาท ที่ต่างหวังอยากได้ผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย ซึ่งแท้จริงแล้วคนทั้งคู่มีนิสัยใจคอคล้ายคลึงกัน คือ เห็นแก่ตัว เอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นใหญ่เหนือเรื่องอื่นๆ พ.ต.ท.ทักษิณ โกงกินคอรัปชัน ใช้เงินซื้อเสียง ซื้ออำนาจ ซื้อประชาชน ได้เป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ชอบ เช่นเดียวกับ สมเด็จฯ ฮุนเซน ที่เคยยื่นข้อเสนอเมื่อครั้งที่สหประชาชนเข้ามามีบทบาทในการไกล่เกลี่ยเขมรทั้ง 4 ฝ่าย โดยระบุว่า ถ้าตนเองแพ้การเลือกตั้ง กัมพูชาต้องมีผู้นำ 2 คน แต่ถ้าหาก สมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นฝ่ายชนะ ต้องยอมให้เป็นผู้นำประเทศคนเดียว สิ่งเหล่านี้ชัดเจนถึงธาตุแท้คนทั้งคู่ ซึ่งตนเชื่อว่า ที่ผ่านมาคนกัมพูชาก็เบื่อหน่าย สมเด็จฯ ฮุนเซน มากเหมือนที่คนไทยรู้สึกเบื่อหน่าย พ.ต.ท.ทักษิณ
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามามีบทบาทในทางการเมือง ได้สร้างวีรกรรมที่ไม่เคยมีคนไทยคนไหนทำมาก่อน อาทิ การโกงเลือกตั้ง จนทำให้พรรคการเมืองตัวเองถูกยุบถึง 2 ครั้ง หรือจะเป็นการโกงเชิงนโยบาย ที่เปิดช่องให้ทุจริตในโครงการต่างๆ ทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่ หรือจะเป็นการเกิดกระบวนการจาบจ้วง ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ทั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และสมุนที่รับเงินค่าจ้าง ได้แสดงทั้งการกระทำและคำพูดในช่วงที่ผ่านมา หรือจะเป็นการเอาพื้นที่อนาธิปไตยของไทยไปแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางธุรกิจกับผู้นำกัมพูชา และสุดท้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นคนทรยศชาติ ที่กระทำการทุกอย่างไม่หวังดีกับประเทศ นอกจากนี้ ล่าสุด ตนได้ยินข่าวมาว่า มีพ่อค้าชาวไทยนำพันธุ์ข้าวหอมมะลิไทย ไปปลูกในกัมพูชาแล้วมีคุณภาพใกล้เคียงกับที่ปลูกในไทย ซึ่งด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังมีความสนใจจะชวนนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาซื้อที่ดินในกัมพูชา และปลูกข้าวหอมมะลิส่งออกต่างประเทศแข่งกับคนไทย
ช่วงต่อมา ได้มีการเปิดสกู๊ปเพลงหนักแผ่นดิน ที่เผยแพร่ไปทั่วในเว็บไซต์ยูทูป และมีผู้คนจำนวนมากเข้าไปชมและวิพากษ์วิจารณ์อย่างสนั่นถึงการกระทำสุดชั่วของ พ.ต.ท.ทักษิณ และ สมเด็จฯ ฮุนเซน
จากนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า ตนอยากให้คนไทยเปิดใจดูการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าการไปให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศและหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เป็นเรื่องที่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ชาติไทยหรือไม่ ว่าเคยมีใครทำเช่นนี้มาก่อน ซึ่งยังไม่นับเหตุการณ์ที่ผ่านมาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยกระทำในวัดพระแก้ว หรือจะเป็นการปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดงในหลายที่ โดยชอบตีตนเสมอพระเจ้าแผ่นดิน และใช้ถ้อยคำกระทบกระเทียบสถาบัน
นายประเสริฐ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ตนอยากให้คนไทยและชาวกัมพูชาสามัคคีกัน และมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็น เพราะการกระทำของคน 2 คน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ และ สมเด็จฯ ฮุนเซน ส่วนประชาชนทั้ง 2 ประเทศไม่เกี่ยว ดังนั้น หนทางแก้ไข ทุกฝ่ายต้องร่วมกันประฌามและต่อต้านการกระทำดังกล่าว โดยต้องขจัดพวกทรยศออกไปให้พ้นแผ่นดิน
นายโสภณ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีเงินจำนวนมหาศาลแต่ยังไม่รู้จักพอ โลภมากแม้ตอนนี้จะไม่สามารถอยู่บนแผ่นดินบ้านเกิดได้ แต่ก็ยังไม่สำนึกไปคิดแผนทำร้ายประเทศไทยที่กัมพูชาต่อ
นายประเสริฐ กล่าวเสริมว่า คนกัมพูชาวิเคราะห์เพราะรู้จักตัวตน สมเด็จฯ ฮุนเซน ดีว่ามีนิสัยชอบเอาคนรวยไปอยู่ในประเทศ เพื่อปอกลอกผลประโยชน์ ซึ่งขอให้รอดูวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เหลือแต่ตัว เมื่อเวลานั้นมาถึงจะเห็นผู้นำกัมพูชาถีบหัวส่ง พ.ต.ท.ทักษิณ แน่นอน
นายโสภณ กล่าวว่า ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มกลัวกระแสคนไทยรักชาติ ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ จะยิ่งทนไม่ได้ที่เห็นทุกคนรุมรังเกียจ ซึ่งทางด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาระบุว่า คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ต้องใช้เงินถึง 150 ล้านบาท ก็สามารถตายได้ เพราะสุดท้ายแล้วมนุษย์ก็หนีกรรมที่ตัวเองก่อไว้ไม่พ้น โดยจุดจบของนักการเมืองโกงบ้านโกงเมือง คือ การตายอย่างไร้เกียรติ
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ขณะที่ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ในฐานะอดีตมือไม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำอยู่ เพราะมีความสุขที่ได้เห็นประเทศไทยยุ่งเหยิง เพราะคนอย่างอดีตนายกรัฐมนตรี ถ้าสิ่งใดไม่มีความสุขจะไม่กระทำเด็ดขาด โดยนายเนวิน กล่าวอีกว่า ควรปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำต่อไป
ช่วงสุดท้ายของรายการ มีการเชิญชวนประชาชนคนไทยที่รักชาติ และพร้อมแสดงออกด้วยการปกป้องสถาบัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน สีอะไร สามารถมาร่วมแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ ในวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ย. ที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งวันดังกล่าว ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นแค่มวลชนพี่น้องพันธมิตรฯ เท่านั้น หากผู้ใดต้องการมาร่วมกันแสดงพลังขับเคลื่อนบ้านเมือง เพื่อตอกย้ำความจงรักภักดีต่อ 3 สถาบัน ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เดินทางมาร่วมงานนี้ได้