“เรื่องมันฟ้อง”
โดย...กรงเล็บ
เมื่อไม่นานมานี้ บ้านพิษณุโลก ถูกจัดให้เป็นสถานที่ประชุมของหน่วยงานด้านความมั่นคงนอกรอบ โดยปราศจาก รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง สะท้อนให้เห็นสถานะที่ไม่มั่นคงของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อย่างมีนัยสำคัญ
ยิ่งเมื่อมุมหนึ่งของบ้านพิษณุโลกกำลังถูกจัดให้เป็นสถานที่ทำงานให้กับ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับการทาบทามจาก นายกรัฐมนตรี ให้มาช่วยงานในการบริหารราชการแผ่นดิน ก็คงทำให้ สุเทพ อดร้อนๆ หนาวๆ ไม่ได้
แม้ว่าจะยังไม่มีการพูดถึงตำแหน่งแห่งหน แต่ พล.ต.อ.ธานี ซึ่งยินดีที่จะมาช่วยงาน “อภิสิทธิ์” ก็ได้เสนอกรอบการทำงานของตัวเองให้นายกรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้ว โดยหลักๆ งานที่ พล.ต.อ.ธานี ถนัด ก็คือ
งานด้านความมั่นคง ซึ่งมีการออกตัวไว้ล่วงหน้าว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกองทัพ แต่มีศักยภาพเพียงพอที่จะดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การดูแลรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะการลงพื้นที่ต่างจังหวัด ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ งานด้านกฎหมาย และประสานงานด้านอื่น ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
คำถามคือ แล้วนายกรัฐมนตรีจะมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธานี ไปทำหน้าที่ในตำแหน่งอะไร
หากพิจารณาตามกรอบที่เป็นอยู่โดยไม่มีการปรับเปลี่ยน ครม. มีอยู่สองตำแหน่งที่ พล.ต.อ.ธานี จะไปปฏิบัติหน้าที่ได้ คือ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กับ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี มีการตั้งเต็มจำนวนไปแล้ว จึงตัดออกไปได้
เหลือเพียงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีเท่านั้น ซึ่งตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ.2546 กำหนดให้มีได้ไม่เกิน 30 คน โดยขณะนี้ยังตั้งไม่ครบเต็มจำนวนที่กำหนดไว้
โดยอำนาจหน้าที่ของผู้ช่วยรัฐมนตรีตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯมีเช่น
มิติด้านการเมือง ประสานงานระหว่างนายกรัฐมนตรีและสำนักนายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรี สำนักงานรัฐมนตรี และกระทรวง ในเรื่องที่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีมอบหมาย,มิติด้านประชาชน เป็นผู้แทนของรัฐมนตรีในการรับฟังข้อเสนอแนะพิจารณาเรื่องร้องเรียน หรือร้องทุกข์เกี่ยวกับนโยบาย หรือกิจการอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวง
มิติด้านข้าราชการ ประสานงานกับข้าราชการประจำและข้าราชการการเมืองในกระทรวง เพื่อให้ภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีหรือคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่จะใช้อำนาจบังคับบัญชาหรือสั่งการใดๆมิได้
มิติด้านสังคม ปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีในงานพิธีการของทางราชการหรือเอกชน หรืองานสังคมที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการหรือขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ และมิติด้านอื่นๆ ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีมอบหมาย โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย
ถ้าพิจารณาจากอำนาจหน้าที่ข้างต้น จะเห็นได้ว่าตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี ไม่สามารถที่จะเข้าไปบังคับบัญชาหรือสั่งการหน่วยงานราชการได้ ดังนั้นที่ผ่านมาผู้ช่วยรัฐมนตรีจึงมักถูกใช้งานประเภทเป็นตัวแทนรัฐมนตรีเปิดแพรคลุมป้าย รับหน้าเสื่อดูแลรับเรื่องราวร้องทุกข์ หรือ ไปประชุมแทนโดยไม่มีพันธะผูกพันทางกฎหมายกับตัวรัฐมนตรี
นี่หรือเปล่า...จึงทำให้ยังไม่มีการเสนอให้ ครม.แต่งตั้ง พล.ต.อ.ธานี ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี เพราะ “อภิสิทธิ์” คงรู้ดีว่าถ้าใช้ พล.ต.อ.ธานี ตามกรอบอำนาจหน้าที่แค่นี้ ต้องเรียกว่า “เสียของ” แต่ขณะเดียวกัน “อภิสิทธิ์” เองก็ยังไม่ตกผลึกกับความคิดที่จะให้ พล.ต.อ.ธานี ไปทำหน้าที่ในตำแหน่งที่สำคัญกว่านี้ คือ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง แทน สุเทพ เทือกสุบรรณ!
ปัญหาคือ ถ้าปรับ ครม.เขี่ยสุเทพออกจากตำแหน่งรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง แน่นอนว่ามิติด้านงานน่าจะกระฉับกระเฉงและทรงพลังมากขึ้น โดยเฉพาะการดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่ง สุเทพ ล้มเหลวกับการคุมเกมใน ก.ตร. เพราะตกเป็นเบี้ยล่างพรรคภูมิใจไทยและนายทหารนอกราชการที่เป็นใหญ่ในบางกระทรวง จนเป็นเหตุให้การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถึงผู้บังคับการจบไม่ลงมาจนถึงวันนี้
ถ้าให้ พล.ต.อ.ธานี ไปทำหน้าที่นี้ ก็ต้องหาตำแหน่งอื่นให้ สุเทพ เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็น เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ การจะหักด้ามพร้าด้วยเข่า ปรับ สุเทพ ออกจาก ครม.โดยไม่มีตำแหน่งใดๆ ปลอบใจเลย ย่อมเป็นเรื่องที่ อภิสิทธิ์ ไม่น่าที่จะเลือกเดิน
วันนี้จึงต้องวัดใจ อภิสิทธิ์ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะ นายพลไม้บรรทัด อย่าง พล.ต.อ.ธานี ฟิตจัด พร้อมทำงานทุกวัน ไม่เว้นแม้วันเสาร์-อาทิตย์ แถมไม่เคยถามว่านายกรัฐมนตรีจะให้อยู่ในตำแหน่งไหน เพราะเห็นใจ “อภิสิทธิ์” ถึงขนาดเปลี่ยนใจยอมไม่ไปบวช หันหลังให้ร่มกาสาวพัสตร์ที่คิดจะไปพึ่งพิงหาความสุขสงบในบั้นปลายชีวิต ด้วยเหตุผลที่ให้กับคนใกล้ชิดว่า
“อยู่ตรงไหนก็ได้ไม่มีปัญหา เพราะตั้งใจจะช่วยงานนายกฯไม่ได้คิดถึงเรื่องตำแหน่ง สงสารนายกฯ เขาไม่มีใครเลย”
