xs
xsm
sm
md
lg

“เราจะสู้เพื่อในหลวง” … 4 ปี กับการพิสูจน์ความจริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสนธิ ลิ้มทองกุล (ซ้าย) และ น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ กับข้อความ เราจะสู้เพื่อในหลวง เมื่อ 15 ก.ย. 2548
ASTVผู้จัดการ – กับข้อหา “ดึงฟ้าต่ำ” ที่บรรดาผู้ไม่หวังดียัดเยียดให้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล กลับไม่ประหวั่นพรั่นพรึง แต่พยายามเสาะแสวงหาหลักฐานต่างๆ มาเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า ขบวนการล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ขบวนการล่วงละเมิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้นมีอยู่จริง และวันนี้ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าการต่อสู้เกือบ 5 ปี นั้นไม่สูญเปล่า

บ่ายแก่ของวันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน 2548 ที่ห้องประชุมใหญ่ บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ สื่อมวลชนไทยและเทศ จากทุกแขนงทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ต่างเฝ้ารอการปรากฏตัวของบุคคล 2 คน หนึ่ง น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ พิธีกรรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ทางช่อง 9 และ สอง นายสนธิ ลิ้มทองกุล พิธีกรร่วมของรายการที่เพิ่งถูกถอดออกจากผังโทรทัศน์ของช่องโมเดิร์นไนน์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า

เมื่อถึงเวลานัดหมาย น.ส.สโรชา พิธีกรหญิงคนดังปรากฏตัวขึ้นในชุดสูทสีดำสนิท ใบหน้าของเธอแม้จะเปื้อนด้วยรอยยิ้ม แต่ในบางโอกาสสายตาเธอก็ปะปนไว้ด้วยแววของความวิตกกังวล ขณะเดียวกัน นายสนธิ กลับปรากฏตัวขึ้นในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเนื้อ สวมทับด้วยเสื้อยืดแขนสั้นสีเหลือง โดยด้านหน้าของเสื้อยืดถูกสกรีนไว้ด้วยตัวอักษรสีดำระบุข้อความว่า “เราจะสู้เพื่อในหลวง” ขณะที่ด้านหลังสกรีนไว้ด้วยตัวอักษรสีน้ำเงินระบุข้อความว่า “เรารักในหลวง”

วันเดียวกันนั้น เวลา 14.00 น. ผู้บริหารระดับสูงของ อสมท ประกอบไปด้วย นายธงทอง จันทรางศุ กรรมการ บมจ.อสมท นายเรวัติ ฉ่ำเฉลิม ประธานกรรมการ บมจ.อสมท และ นายมิ่งขวัญ แสงสุรรณ กก.ผอ.ใหญ่ บมจ.อสมท ได้ร่วมนั่งโต๊ะแถลงข่าวยกเลิกการออกอากาศรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์” ในวันศุกร์ที่ 16 ก.ย.2548 (อ่านข่าว) โดยกล่าวหาว่า ผู้ดำเนินรายการ คือ นายสนธิได้มีการพูดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่เหมาะสม ...

ตลอดระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา นายสนธิ รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ สื่อในเครือ ASTV-ผู้จัดการ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และประชาชนผู้รักชาติทั้งหลาย กลับไม่ประหวั่นพรั่นพรึงต่อข้อกล่าวหา “ดึงฟ้าต่ำ” ของบุคคลผู้ไม่หวังดี รวมถึงคำวินิจฉัยขององค์กรยุติธรรม แต่พยายามเสาะแสวงหาหลักฐานต่างๆ มาเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าขบวนการล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ขบวนการล่วงละเมิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช และเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์นั้นมีอยู่จริง และบุคคลที่อยู่เบื้องหลังนั้นก็เป็นนักการเมืองและนักธุรกิจใหญ่ผู้มีอำนาจคับประเทศ

วานนี้ (9 พ.ย.) คำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษผู้หลบหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี ที่ถูกเผยแพร่โดยหนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ จากประเทศอังกฤษ ได้พิสูจน์ให้คนไทยทุกหมู่เหล่าเห็นชัดเจนแล้วว่า คำว่า “เราจะสู้เพื่อในหลวง” ที่ นายสนธิ พูด และถูกสกรีนอยู่บนเสื้อสีเหลือง กลางหน้าอกของเขา ตั้งแต่เมื่อกว่า 4 ปีที่แล้ว มิได้ผิดไปจากความเป็นจริงแม้แต่น้อย

แม้ตลอดระยะเวลา 4 ปีกว่าที่ผ่านมาจะมีผู้ยัดเยียดข้อหา “ดึงฟ้าต่ำ” ให้เขาหลายต่อหลายคน ......
นายธงทอง จันทรางศุ
แถลงการณ์ของ อสมท ซึ่งมี นายธงทอง จันทรางศุ เป็นผู้อ่าน (15 ก.ย.2548)

“ในช่วงเวลาประมาณ 1 เดือน ที่ผ่านมา นายสนธิ ได้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์โดยกล่าวอ้างถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสถาบันพระมหากษัตริย์บ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ครั้งล่าสุด เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2548 ตลอดเวลาของรายการยาวนานเกือบ 1 ชั่วโมง นายสนธิ ได้กล่าวถึงการแต่งตั้งรักษาการสมเด็จพระสังฆราช ว่า เป็นการละเมิดหรือขัดพระราชอำนาจ ทั้งยังนำบทความ ซึ่งไม่ปรากฏชื่อผู้เขียนเรื่อง พ่อของแผ่นดิน มาอ่านในรายการ มีเนื้อความบางช่วงพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนได้ ...”
นายแก้วขวัญ วัชโรทัย
นายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการสำนักพระราชวัง (10 พ.ย.2548)

“นายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด จะไม่ให้เข้าไปในวัดพระแก้วหรือ ขณะที่คนทั่วไปขอเข้าไปปลุกเสกพระได้ทั้งนั้น เขาเจตนาดี ไปไหว้พระให้ประเทศชาติสงบสุข พากันไปทั้งคณะ ไปไหว้พระแก้ว เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ของประเทศไทย ไปให้สัตย์ปฏิญาณสาบานตน คนเข้าไปในวัดพระแก้วเขาผิดหรือ”
น.ต.ศิธา ทิวารี
น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย (29 พ.ย.2548)

“เลิกอ้างเบื้องสูงในการต่อสู้ การพูดของ นายสนธิ จะเห็นว่า เป็นการพูดแบบใส่อารมณ์ ไม่ได้สู้เพื่อใคร แต่สู้เพื่อตัวเอง การที่ใส่เสื้อโดยดึงเอาสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ขอให้แยกให้ชัดเจนว่าสิ่งใดเป็นการกระทำเพื่อเทิดพระเกียรติ และสิ่งใดเป็นการกระทำเพื่อตัวเอง นายสนธิไม่ควรที่จะอ้างเบื้องสูงในการต่อสู้ว่าสู้เพื่อในหลวง เพราะสิ่งที่ทำนั้นเป็นการสู้เพื่อตัวเองทั้งสิ้น อีกทั้งไม่ควรใส่เสื้อที่มีข้อความการพาดพิงถึงสถาบัน และในเว็บไซต์ของผู้จัดการก็ควรเลิกใช้คำว่า เราจะสู้เพื่อในหลวง เพราะทุกข่าวที่ลงในนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องการเมืองทั้งสิ้น”
นายดิสธร วัชโรทัย
นายดิสธร วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ (29 ต.ค.2551)

“ถ้าพวกเราทุกคนรักในหลวง ไม่ต้องไปทำนาที่ทำเนียบหรอกครับ ไม่ต้องไปแสดงพลังที่ไหน ...ไม่ต้องไปที่อื่น ผมเคยพูดตลอดเวลาว่า รักในหลวงให้อยู่บ้าน รักในหลวงให้กลับบ้าน คุณไปแสดงพลังตรงนั้น ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลย รังแต่จะทำให้เกิดความแตกแยก ผมกล้าพูดตรงนี้เพราะผมเป็นตัวจริงเสียงจริงนะครับ รับพระราชกระแสมาเองว่า พวกเราต้องขยาย ทำอย่างไรให้เขาทราบว่า เรามีหน้าที่และทำหน้าที่อะไร ผมไม่ได้เข้าข้างใครนะครับ ผมไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก ผมรู้อย่างเดียวว่า ผมอยู่พรรคในหลวง และพรรคนี้ใหญ่โตมาก”
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี (10 พ.ย. 2551)

“พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่า มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ 100% เพราะจบมาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน ซึ่งจากการสังเกตที่หน้า ท่าทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงทำให้มีความเชื่ออย่างนั้น เพราะจบมาจากโรงเรียนทหาร ตำรวจ ถูกหล่อหลอมมาให้ยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ และ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า ขอให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์...”
ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล
ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล

“เราไม่ใช่คนโง่ เรามีซิกเซนซ์ในเรื่องนี้ และในสมัยที่ท่านเป็นนายกฯ ได้ขอให้ทำบุญกุศลต่างๆ ที่ต้องถวายพระราชินีในนามมูลนิธิก็ไม่เคยปฏิเสธ ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่เข้าข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการมองด้วยความเป็นธรรม” (ไทยรัฐ 4 เม.ย. 2552)

“จากคำพูดและการกระทำของคุณทักษิณ พี่ไม่เชื่อว่าเขาไม่จงรักภักดี ใครถามร้อยครั้งก็จะตอบอย่างนี้ พี่ดูจากพฤติกรรมของเขา เราไม่ใช่คนโง่ ถ้าทักษิณไม่จงรักภักดี จะไปเชื่อท่านผู้หญิงจรุงจิตต์จนมาสั่งให้พี่หยุดขายเสื้อหรือ เวลาเจอกันในงานเลี้ยงหรืองานศพ ทักษิณก็จะวิ่งมาคุยกับพี่ บอกว่าไปเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มา...” (คมชัดลึก 6 พ.ค. 2552)

จากสถานการณ์ปัจจุบัน หากเราย้อนกลับไปมองเหตุการณ์ในอดีต ก็จะเห็นภาพอย่างชัดว่า ธาตุแท้ของบุคคลต่างๆ เป็นอย่างไร ใครพูดถูก-ใครพูดผิด ใครสร้างความเข้าใจถูก-ใครสร้างความเข้าใจผิด ใครปกป้องสถาบัน-ใครมุ่งร้ายต่อสถาบัน และ ใครประสงค์ดี-ใครประสงค์ร้าย ต่อประเทศชาติและสถาบันอันเป็นที่เคารพของคนไทยทั้งชาติกันแน่
กำลังโหลดความคิดเห็น