“ณัฐวุฒิ” ยังไม่รู้ตัวเหาใกล้กินกบาล ยังปกป้องแม้วจงรักภักดีต่อสถาบัน แฉรัฐบาลใช้ยุทธวิธีกิน 3 ต่อเข้าฮอร์ส ยัดเยียดข้อหาขายชาติ ทรยศแผ่นดินใส่ความ “ทักษิณ-เสื้อแดง-บิ๊กจิ๋ว” หน้าด้านๆ จวก “กษิต” จิ๊กโก๋ทวงหนี้นอกระบบ เดินสายไล่บี้ทุกประเทศเอาตัว “ทักษิณ” กลับ เหน็บ “เทพไท” ไล่แจกซีดีหนักแผ่นดิน ระวังเจอสวนซีดี “เขมรไล่ควาย” อิจฉาผลโพลคะแนนนิยมมาร์คพุ่งกระฉูด ท้ายุบสภาเลือกตั้งพิสูจน์
วันนี้ (9 พ.ย.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง แถลงข่าวท่าทีของกลุ่มคนเสื้อแดงต่อกรณีที่รัฐบาลไทยที่มีต่อรัฐบาลกัมพูชา ที่แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ว่า ขณะนี้กำลังเข้าสู่ยุทธการสุดท้ายในการต่อสู้ระหว่างรัฐบาล ฝ่ายอำมาตยาธิปไตย กับคนเสื้อแดง พ.ต.ท.ทักษิณ ประเมินได้ว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการในเวลานี้ คือการปลุกกระแสชาตินิยม สร้างความคลั่งชาติ เพื่อยัดเยียดข้อกล่าวหาร้ายแรงให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เสื้อแดง รวมถึง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ที่ได้มีการเคลื่อนไหวเชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ในฐานะประธานพรรคเพื่อไทยอยู่ในเวลานี้
“เกมนี้กะกวาดทีเดียวทั้งกระดาน เรียกยุทธวิธีนี้ว่า ฝ่ายอำมาตยาธิปไตย โดยรัฐบาลกำลังใช้วีธิกิน 3 ต่อ เข้าฮอร์ส หมายความว่า จะยัดเยียดข้อหาขายชาติ ทรยศแผ่นดินให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เสื้อแดง และ พล.อ.ชวลิต เพื่อที่จะทำลายลงไปในคราวเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า เสื้อแดงไม่มีใครมีความคิดเช่นนั้น แต่ยืนยันความเป็นคนไทย พร้อมปกป้องเกียรติยศ เกียรติภูมิของประเทศ เหมือนกับคนไทยทุกคนทั้งแผ่นดิน และเชื่อมั่นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีเจตนามุ่งหมายอย่างที่กล่าวหากัน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนไทย เกิดในประเทศไทย รับราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรม เพราฉะนั้นไม่มีทางจะมีเจตนาร้ายต่อบ้านเมือง และการที่ พล.อ.ชวลิต ก็มีเจตนาดี ที่จะเติมเต็มช่องว่างรัฐบาลที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในนโยบายต่างประเทศ รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทำหน้าที่เพียงจิ๊กโก๋ทวงหนี้นอกระบบ คือ เดินสายกดดันไล่บี้ทุกประเทศ ที่มีไมตรี ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างความรำคาญไปทั่วประชาคมโลก เพราะแก๊งทวงหนี้นอกระบบถึงจะชั่วช้าน่ารังเกียจ แต่ก็จะคุกคามเฉพาะคนที่เป็นหนี้ แต่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยไปตามกดดัน ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นหนี้ ที่ไม่ได้เป็นหนี้เรา และเขามีอธิปไตยเป็นของตัวเอง ส่งผลให้นโยบายต่างประเทศล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง แต่ พล.อ.ชวลิต ไปเติมเต็ม ถ้าเปิดใจให้กว้างมองในแง่ดี จะถือว่านั่นเป็นสัญญาณที่จะให้ความมั่นใจกับคนไทย ในยามที่รัฐบาลหง่อยเปลี้ยเสียขา ก็ยังมีคนที่มีประสบการณ์มาเติมเต็มช่องว่างได้” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยุทธวิธีกิน 3 ต่อเข้าฮอร์สไม่ได้ผล เพราะข้อเท็จจริงไม่มีใครดำเนินการที่จะชายชาติขายแผ่นดินอย่างนั้น อยากให้รัฐบาลชุดนี้ละทิ้งความอิจฉาพยาบาท มองโลกในแง่ดี การที่เรามีประเทศเพื่อนบ้าน ที่อยู่ในสถานะย่ำแย่ แล้วให้การยอมรับคนไทยไปเป็นที่ปรึกษา น่าจะถือว่าเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยได้สร้างความยอมรับนับถือ เกิดการยอมรับระหว่างกัน ประเทศติดกันแบบนี้ ทำไมเราไม่สร้างรักให้เป็นรั้ว ทำไมรัฐบาลคิดได้แต่รื้อรั้ว แล้วทำลายความรัก ความปรารถนาดีระหว่างกัน ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ไปเป็นที่ปรึกษาลาว ที่อดีตก็มีการทำมานานแล้ว ไม่เห็นมีใครกล่าวหาว่าขายชาติ ข้อกล่าวหาที่อ้างเพียงว่าจะเอาข้อมูลความลับต่างๆ ของประเทศไทยไปบอกกัมพูชา จนถึงขั้นต้องยกเลิกเอ็มโอยู ระหว่างไทยกัมพูชา เป็นข้อกล่าวหาที่สะท้อนความเป็นเด็กของรัฐบาล สะท้อนความไร้วุฒิภาวะของคนเป็นนายกรัฐมนตรี เอ็มโอยูเป็นการทำระหว่างประเทศกับประเทศ และเปิดเผยมีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ใช่ไปแอบตกลงหรือหมกเม็ด พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นตำแหน่งไปแล้ว 3 ปี ก็มีรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานน์ นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จนมาถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถ้าข้อตกลงเอ็มโอยูมีปัญหา มันจะรอดมาถึงวันนี้ได้อย่างไร
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า เป็นการอ้างเอาแต่ได้ เป็นการให้ร้ายหน้าด้านๆ ไม่มีหรอก ข้อตกลงจะมีอะไรหมกเม็ด จนถึงขนาดที่ว่าจะมีการขายความลับจนมีความเสียเปรียบ มันเป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ไม่มีใครเขาคิดทำ ถ้าใครก็ตามคิดทำแบบนี้ไม่ว่าจะเชื่ออะไร ก็ชั่วทั้งนั้น ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร คิดทำแบบนี้กับบ้านเกิดเมืองนอนก็เลวทั้งนั้น แต่ปัญหาไปกล่าวหาที่เขาไม่ได้ทำหรือไม่มีแม้แต่จะคิด อันนี้ชั่วกว่า เลวที่สุด ถ้าหากจะหาเรื่องกันแบบนี้ จะเล่นกันแบบเด็กๆ ก็ตั้งข้อกล่าวหาได้เหมือนกันว่า คุณอภิสิทธิ์ เกิดในประเทศอังกฤษ โตและเรียนในประเทศอังกฤษมาเป็นนายกฯประเทศไทย จะไว้ใจได้อย่างไร ว่าจะไม่เอาความลับของไทยไปบอกอังกฤษ กล่าวหากันแบบนี้มันง่าย แต่ไร้สาระ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หากรัฐบาลจะกล่าวหาว่าขายชาติ ขายข้อมูล แล้วกับการที่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ บุกเข้าทำเนียบขโมยฮาร์ดดิสก์ของฝ่ายความมั่นคง จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการส่งคืน และถ้าส่งคืนจริงไม่แน่ใจว่ามีการก๊อบปี้ไว้หรือไม่ นำไปให้คนที่ไม่หวังดีกับประเทศหรือไม่ ต้องถามว่าข้อหานี้เทียบกับข้อกล่าวหาในเอ็มโอยูอันไหนร้ายแรงกว่ากัน นี่คือการขายชาติใช่หรือไม่ ถ้าใช่รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไร ล่าสุดยังมีการให้พันธมิตรฯ เข้าไปยื่นหนังสือในทำเนียบ ทำไมไม่ล็อกตัวถามว่าฮาร์ดดิสก์อยู่ไหน และที่มองว่าการตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ กัมพูชาดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรมของไทย ต้องทบทวนความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งกระบวนการยุติธรรมของไทยไม่ได้มีใครดูหมิ่นหรือทำลาย แต่ถูกทำลายด้วยมือคนไทยกันเองตลอด 3 ปีที่ผ่านมา กระบวนการยุติธรรมที่ไร้ความยุติธรรม ไม่มีมาตรฐานคดีความทักษิณ ตั้งต้นโดย คตส. ตั้งคนที่เป็นปฏิปักษ์มาสอบสวน หากบอกว่าเป็นกระบวนการยุติธรรมที่ทั่วโลกยอมรับ ต้องตั้งคำถามว่าคดีความของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปเอาเงินจากทีพีไอ โพลีน 285 ล้านบาท แล้วมีความผิดถึงขั้นยุบพรรค ก็อย่าให้ กกต.ทำ แต่ให้เสื้อแดงเป็นพนักงานสอบสวน เอาหรือไม่
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เอแบคโพลที่ออกมา ก็เด้งรับทันที ว่าการดำเนินการตรงนี้ส่งผลให้นายอภิสิทธิ์ มีคะแนนนิยม สูงขึ้นถึง 3 เท่า ต้องเรียนว่าคนเป็นสถาบันการศึกษา ประกาศว่า ตัวเองเป็นนักวิชาการ ควรรักศักดิ์ศรี รักเกียรติภูมิของตัวเองมากกว่านี้ ถามไปยังคุณนพดล กรรณิการ์ ว่าท่านไม่ใช่เหรอ ตอนที่ คมช.เรืองอำนาจ เคยพูดกับสื่อมวลชนว่ารับงานทำโพลให้กับ คมช.แล้วโพลนี้รับงานใครมาหรือเปล่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า เป็นความจริง อธิบายวิธีการสำรวจได้หรือไม่ ที่ว่าคะแนนความนิยมเหนือและอีสานของนายอภิสิทธิ์ แซงหน้าพ.ต.ท.ทักษิณ เท่าที่สำรวจปรากฎว่าไม่เห็นมีการเปลี่ยนแปลง นี่เป็นเล่ห์เหลี่ยม เป็นเกมการเมืองของรัฐบาล ที่จะทำลายคนเสื้อแดงและ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้นเอง
“ถ้าโพลเชื่อถือได้ ขอฝากไปถึง นายอภิสิทธิ์ ว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวที่มาจากการเลือกตั้ง คะแนนนิยม 60 กว่าเปอร์เซ็นต์เป็นรัฐบาลแน่ ไม่มีใครสู้ได้ นายอภิสิทธิ์ จะได้โอกาสนี้เป็นโอกาสทองของชีวิต ที่จะสลัดภาพผู้นำที่เป็นนายกฯที่มาจากอำนาจเผด็จการ มาจากผลพวงของการรัฐประหารก็เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภาเดี๋ยวนี้ แล้วเลือกตั้งใหม่ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด และเสื้อแดงประกาศว่าถ้านายอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภา คนเสื้อแดงจะประกาศยุติชุมนุมขับไล่รัฐบาล ตอนปลายเดือนนี้เช่นกัน และจะยุติชุมนุมตีบตบขับไล่นายกฯ รัฐมนตรี ที่ลงพื้นที่โดยทันที ส่วนการจัดคอนเสิร์ต เพื่อนร่วมร้อง พี่น้องร่วมรบ ในวันที่ 14 พ.ย.ก็จะเป็นการพบปะ ก่อนจะแยกย้ายเข้าสู่บรรยากาศการเลือกตั้ง จะไม่มีการชุมนุมใหญ่ ไม่มีการระดมผู้คนมาเป็นล้าน เพื่อขับไล่รัฐบาล นี่ไม่ใช่การร้องขอ แต่เป็นการยื่นคำท้า ต่อรัฐบาลชุดนี้ เพราะ 60 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีอีกแล้ว สำหรับคุณอภิสิทธิ์ในชีวิตนี้ จะรอสร้างผลงาน ถ้ามีจริงคงมีตั้งแต่ 10 เดือนที่แล้ว เลือกตั้งเสร็จก็เดินหน้าต่อสู้กับระบอบมาตยาธิปไตยต่อไป เอารึเปล่า”นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนที่มีการแจกซีดีเพลงหนักแผ่นดิน ตนไม่อยากให้ศิลปะดนตรีมาปนกับการเมือง ถ้าไปเที่ยวแจกเพลงหนักแผ่นดินอย่างนี้ แล้วแจกเลยเถิดไปประเทศเพื่อนบ้าน ไปคุกคามอธิปไตย ไปไล่กดดันให้พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้คนไทย 64 ล้านคน เผชิญหน้ากับประเทศเพื่อนบ้าน ตนเป็นห่วง พอแจกเฉพาะคนไทยพอกัดฟันทนกันได้ หากไปแจกถึงประเทศเพื่อนบ้าน เดี๋ยวประเทศโน้น เขาแจก “เขมรไล่ควาย” จะทำอย่างไร สรุปก็คือให้รัฐบาลทบทวนแสดงท่าทีในเรื่องนี้ แล้วกระบวนการต่างประเทศสร้างผลประโยชน์สูงสุดร่วมกันในภูมิภาคอาเซียนร่วมกัน เพราะไม่ได้มีกัมพูชาประเทศเดียวที่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ และให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่กัมพูชา แต่มีมากกว่าหนึ่ง ก็แล้วกัน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนวันที่ 12 พ.ย.นี้ ก็เป็นการเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ มาบรรยายประเด็นวิกฤติเศรษฐกิจโลกให้กับนักธุรกิจและบุคคลที่เกี่ยวข้องของกัมพูชาฟัง เหมือนกับหลายประเทศเชิญไปบรรยาย เท่าที่ทราบก็มีนักธุรกิจไทย ทวิตเตอร์ไปปรึกษาด้านเศรษฐกิจ 1 พันกว่ารายแล้ว ทั้งนี้รอฟังคำยืนยันของพ.ต.ท.ทักษิณ ในการจัดรายการวิทยุ “ทักษิณไลฟ์เรดิโอ” ในคืนวันที่ 10 พ.ย.นี้