xs
xsm
sm
md
lg

เหตุโผนายพล ตร.วุ่นไม่เสร็จ อ้างชื่อ“บิ๊กตู่”ขอเก้าอี้ ผบช.น.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คลอดยากคลอดเย็นเสียจริง สำหรับบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ – ผู้บัญชาการ เหตุผลเพราะ “เด็กในท้อง”แทนที่จะหลุดออกมาตามธรรมชาติถูกต้องจารีตและทำนองคลองธรรม

แต่เมื่อเอ็กซเรย์เข้าไปพบว่าทำท่าพิเรนทร์ แทนที่จะหันหัวออกเหมือนชาวบ้านชาวช่อง กลับเหยียดขาออกมาเต็มตีน ชนิดที่ถ้าคลอดออกมาได้ คนเป็นแม่ก็อาจถึงกับหมดลมหายใจ

งานนี้ทำเอา “พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ” รักษาการณ์ ผบ.ตร. ถึงกับกุมขมับ เมื่อเห็นโผจับยัดที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ยืนกรานว่าต้องได้ตามนี้ จนต้องวิ่งสี่คูณร้อยนำข้อมูลไปให้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี พิจารณา ในตำแหน่งที่มีการวางตัวบุคคลไม่เหมาะสม

การงัดข้อที่ “สุเทพ” เคยยืนยันว่า ชนะนายกรัฐมนตรีเพราะตัวใหญ่กว่า จึงเกิดขึ้นอีกคำรบหนึ่ง

มาดูกันหน่อยว่าตำแหน่งสำคัญ ๆ ตามบัญชีที่ “สุเทพ” ต้องการนั้นโฉมหน้าเป็นอย่างไร?

เริ่มตั้งแต่ตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากโผเดิมที่ “พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์” ทำเอาไว้ และผ่านการพิจารณาของบอร์ดกลั่นกรองไปแล้ว ส่วนนี้จึงไม่มีปัญหา

ตำแหน่งที่ทำให้คนตัวเล็กอย่าง “อภิสิทธิ์” งัดข้อกับคนตัวใหญ่อย่าง “สุเทพ” อีกครั้งคือ

ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)

ซึ่ง “สุเทพ” อ้างชื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. มาการันตีให้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8) มาคุมนครบาล ทำเอา “ผู้นำรัฐบาล”ถึงกับต้องยกหูขอเคลียร์กับ “บิ๊กตู่” อธิบายเหตุผลที่ไม่สามารถให้ “พล.ต.ท.สัณฐาน” มาเป็น ผบช.น.ได้

เพราะนายตำรวจคนนี้ยังไม่ใส ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในการกระทำความผิดถึง 7 กรณี รอให้เรื่องเรียบร้อยแล้วค่อยมาเป็นก็ยังไม่สาย

ไม่เพียงเท่านั้น ชื่อของ “บี๊กตู่” ยังถูกอ้างในการส่งเสริมตำรวจอีกสองนายคือ พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ซึ่งเป็นคู่เขยกับ “บิ๊กตู่” ถูกวางให้อยู่ในตำแหน่ง ผบช.ภาค1 และ พล.ต.ต.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย ได้รับการผลักดันให้เป็น ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล(ผบช.ส.)

กรณี พล.ต.ท.วิบูลย์ ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ จึงไม่เป็นปัญหา แต่กรณีของ พล.ต.ต.ตรีทศ มีบัญชีหนังสัตว์ระบุไว้ทั้งเรื่องการรับใช้จัดกำลังดูแลอารักขา นช.ทักษิณ ชินวัตรกับครอบครัว 24 ชั่วโมง นินทากันว่าถึงขนาดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วไปรับงาน นช.ทักษิณ ถึงประเทศจีน

แถมยังมีเรื่องขัดแย้งกับตำรวจใต้บังคับบัญชาในหน่วยสันติบาลอยู่หลายประเด็น อันไม่น่าจะสามารถเคลียร์ปัญหาสร้างความสมานฉันท์ให้ “นายกับลูกน้อง”กลับมากอดคอกันได้ เพราะชำระบัญชีแค้นคงไม่ง่ายที่จะจบได้...ดังนั้นเป็นเจ้าพ่อสันติบาลเมื่อไรมีหวังเจอปัญหาการปกครอง กำลังพลปลดเกียร์ทำงานแน่ๆ

เสียงนินทาในหน่วยสันติบาลกระเซ็นได้รับฟังมาว่า นายตำรวจใหญ่บางคนเป็น “นักอมเงิน”ตัวฉกาจ แค่กรณีการจับกุม นายฮัมบาลี ที่มีเงินรางวัลนำจับแบ่งจ่ายลงมาหลายสิบล้านบาท ว่ากันว่าไม่มีเม็ดเงินกระเด็นลงมาถึงมือคนทำงานในระดับล่างเลยสักสตังค์ เพราะโดนตำรวจใหญ่อมไปตั้ง 10 ล้านบาท ฯลฯ


แต่เรื่อง “นายพลจอมอม”ไม่เกี่ยวกับ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล รอง ผบช.ส. นายตำรวจผู้ทำหน้าที่เชิดชูประชาธิปไตยด้วยผลงานจับทุจริตซื้อเสียงที่จ.เชียงราย จน “ยุทธ ตู้เย็น”จบชีวิตทางการเมืองไปด้วยคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคพลังประชาชนและสั่งเว้นวรรคนักการเมืองอีก109 คน เหตุที่บอกว่าพล.ต.ต.ชัยยะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหม็นๆที่สันติบาล ก็เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องและมีเอี่ยวกับคดีจับแขกแสบคนนี้

ก็ต้องบอกกันให้สบายใจกับ “พล.ต.ต.ชัยยะ” ซึ่งโผนี้อาจจะได้โยกไปนั่งตำแหน่งผู้บัญชาการประจำสำนักงานใหญ่ในสตช.ก็เป็นได้

เนื่องจากตำรวจสันติบาลเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง ต้องเลือกเฟ้นตัวบุคคลที่เหมาะสมทั้งประวัติความเป็นมาและความสามารถในการทำงานด้านนี้ จึงเป็นอีกตำแหน่งที่ลงตัวยาก

แต่ถึงจะยากอย่างไร ก็เสาะหาคนที่เหมาะเป็นผบช.ส.เจอแล้ว!!

คนที่ทั้ง พล.ต.อ.ปทีป กับ อภิสิทธิ์ เห็นตรงกันว่าควรมานั่งตำแหน่ง ผบช.ส.คือ พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์


ส่วนตำแหน่งอื่น ๆ ไม่ได้มีปัญหาถึงขนาดยอมกันไม่ได้ ทำให้ “อภิสิทธิ์” ไม่คิดเปลี่ยนแปลงรายชื่อจากบัญชีที่ “สุเทพ”วางเอาไว้

ขนาดว่าได้ตามความต้องการเกือบ 100 % “สุเทพ” ยังเล่นแง่ ป่วยการเมืองไม่ยอมประชุม กตร. เพื่อกดดันให้ได้ทุกตำแหน่งตามต้องการ โดยกระซิบบอกคนใกล้ชิดว่า

“ยอมตามนายกฯไม่ได้เพราะพี่ป้อม (คงหมายถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ)โกรธ”

ความก็เลยแตก ว่าตำแหน่งเจ้าปัญหาที่ยัดเยียดคนเข้ามานั้น แท้จริงแล้วมิใช่ความต้องการของ “บิ๊กตู่” แต่เป็นแรงดันจาก “พล.อ.ประวิตร” พี่ชายของ “พล.ต.อ.พัชรวาท” ที่ช่วยสานฝันสร้างรัฐตำรวจให้น้อง และมาขอให้ “บิ๊กตู่” ออกหน้าให้


เรื่องมันเลยฟ้องว่า “สุเทพ”แอบอ้างชื่อ “พล.อ.ประวิตร”เสียเอง หรือ “พล.ต.อ.พัชรวาท” เป็นเชื้อดื้อยาไม่มีวันตายจริง ๆ เพราะแม้ว่าจะถูกปลดออกจากราชการไปแล้ว แต่ยังไม่ละความพยายามที่จะยึดกุมตำแหน่งสำคัญใน สตช. โดยอาศัยบารมีพี่ชาย

สถานการณ์วันนี้จึงวัดความกล้าหาญของ “อภิสิทธิ์” อีกครั้งว่าจะยืนหยัดทัดทาน “สองพี่น้องวงษ์สุวรรณ”อีกยกหรือไม่? หลัง“แตกหัก”กันไปแล้วครั้งหนึ่งจากการให้ “พล.ต.อ.พัชรวาท” ลาราชการ กระทั่งมีคำสั่งให้ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และไม่ยอมเซ็นอนุมัติการลาออกของ “พล.ต.อ.พัชรวาท” จนต้องจบชีวิตราชการด้วยการถูกปลดออกในที่สุด

พรุ่งนี้มาตามกันต่อว่า สิ่งที่ “สองพี่น้องวงษ์สุวรรณ” กำลังพยายามทำอะไรซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งคนในแวดวงสีกากีและสีเขียวอย่างไร?
กำลังโหลดความคิดเห็น