xs
xsm
sm
md
lg

คิดปฏิวัติมีแต่ทหารโง่ กับทหารของ “ระบอบทักษิณ” เท่านั้น!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร
“ผ่าประเด็นร้อน”

หลายคนกำลังเป็นกังวลว่าการชุมนุมในวันที่ 19 กันยายน ของ “คนเสื้อแดง” ลิ่วล้อทักษิณ ชินวัตร จะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่

หรือว่าจะเลยเถิดทำให้เกิดการรัฐประหาร จนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือไม่ และยังรวมไปถึง เมื่อนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่สหรัฐอเมริกา ไปกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติ ในวันที่ 20 กันยายน จะได้กลับมาประเทศไทยในฐานะนายกฯ อีกหรือไม่

หรือจะเกิดเหตุซ้ำรอยทักษิณหรือไม่ ที่เคยถูกรัฐประหารโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อมาเป็น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

เป็นความกังวลสารพัดจากประชาชนทั่วไป

แต่ถ้าพิจารณาในมุมของฝ่ายทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงเครือข่ายทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นในส่วนของภาคการเมือง ข้าราชการ ทั้งตำรวจและทหารบางส่วน ที่เคยเติบโตและได้รับประโยชน์จากระบอบทักษิณก็ต้องลุ้นอีกทาง นั่นคือ ต้องทำทุกทางเพื่อให้รัฐบาลชุดนี้ล้มคว่ำลงให้ได้

ยิ่งฉิบหายมากเท่าใดยิ่งดี เพราะยิ่งฉิบหายมาก เกิดความวุ่นวายมาก ก็ยิ่งเป็นคุณสำหรับพวกเขา หรือถ้าไม่สามารถทำให้รัฐบาลล้มคว่ำลงไปได้ อย่างน้อยก็ต้องฉุดรั้งไม่ให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเดินไปข้างหน้าได้ เพราะในทางตรงกันข้ามถ้ารัฐบาลทำผลงานได้ดี พลิกฟื้นเศรษฐกิจมาเป็นบวก มันก็ยิ่งทำให้โอกาสที่ทักษิณ ชินวัตร จะกลับเข้ามาอย่างวีรบุรุษ ยิ่งห่างไปไกลออกไป

เนื่องจากที่ผ่านมาภาพของเขาถูกสร้างขึ้นมาในหมู่คนเสื้อแดงอย่างเกินจริงมานานว่าในประเทศไทยมีเพียง ทักษิณ ชินวัตร เศรษฐีแสนล้านคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่เป็น “เทพเจ้า” สามารถสร้างความกินดีอยู่ดี ให้กับคนไทย ส่วนคนอื่นนอกจากนั้นถือว่า “กระจอก” ไปหมด

ยิ่งนายกฯ อภิสิทธิ์ ยังถูกฝ่ายทักษิณ ปรามาสในทำนองเหยียดหยามว่า “เด็กเมื่อวานซืน” เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะเวลาผ่านมาเพียงแค่ 8-9 เดือน ทั้งที่เจอสารพัดปัญหาหนักๆ รุมเร้าทั้งภายนอกภายใน ภายนอกก็คือ ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่กระหน่ำเข้ามาและส่งผลหนักที่สุดในช่วงที่เข้ารับตำแหน่งพอดี หรือวิกฤตการเมืองภายในจนแทบเอาชีวิตไม่รอด อีกทั้งยังมีปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาล แต่กลับกลายเป็นว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์สามารถรับมือกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาในภาวะ “จำกัดจำเขี่ย” ได้ดีเกินคาด ทั้งภาคธุรกิจ ชาวบ้านทั่วไปเริ่มให้การยอมรับมากขึ้น

แทบจะเรียกว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวล้วนๆ ภาพของ “เด็กเล่นขายของ” ที่ทักษิณ พยายามใส่ไคล้ ก็เริ่มไม่มีความหมาย และเวลานี้งบประมาณในโครงการ “ไทยเข้มแข็ง” จำนวนกว่า 1.43 ล้านล้านบาท กำลังทยอยออกมา มีการสร้างงาน สร้างโครงสร้างพื้นฐานออกมาอีกมากมาย

เมื่อเห็นภาพแบบนี้ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะถ้า “มาร์ค” ยิ่งไปโลด “แม้ว” ก็จะเป็นสัมภเวสีล่องลอยพเนจรอย่างไร้จุดหมายไปเรื่อยๆ

นอกจากนี้ เมื่อมองในเรื่องของคดีความหลายคดีที่จ่อเข้ามาเริ่มรัดคอ ทักษิณ และครอบครัวมากขึ้น เช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดก็คือ คดียึดทรัพย์กว่า 7 หมื่น 6 พันล้านบาท ที่กำลังพิจารณาอยู่ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม คาดว่าปลายเดือนนี้น่าจะรู้ว่าจะออกหัวก้อย

ซึ่งถ้ามองกันแบบทะลุเข้าไปในใจ ทักษิณ รับรองว่าเรื่องเงินเกือบแสนล้านนี่แหละที่เขากลัวที่สุด กลัวถูกยึดทรัพย์!!

จึงช่วยไม่ได้ที่จะต้องทำทุกวิถีทางที่จะต้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ในลักษณะ “ปิดเกม” ให้เร็วที่สุด ซึ่งทำให้หลายคนเป็นห่วงว่า เมื่อมีเวลาจำกัดก็อาจจะต้องทำทุกวิถีทางทั้งใต้ดินบนดิน เพื่อให้เกิดความวุ่นวาย หรือสร้างเงื่อนไขให้เกิดความวุ่นวายเพื่อเดินไปสู่เป้าหมายที่ตัวเองต้องการ

น่าสังเกตก็คือ การออกมาส่งสัญญาณและปล่อยข่าว “เสี้ยม” ออกมาจากฝ่ายทักษิณ อยู่เป็นระยะ ทั้งที่ออกมาจากปากของ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ญาติผู้พี่ของทักษิณ ที่สนับสนุนการรัฐประหาร ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนี่คือความต้องการ และเป็นผลดีกับพวกเขา หากมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะดังกล่าวจริง เพราะจะมีการล้างไพ่ใหม่ คดีทุกอย่างก็จะลบล้างหมด

สังคมส่วนใหญ่มองทางออกกันอยู่แล้ว ไม่มีอะไรซับซ้อน!!

อย่างไรก็ดี เมื่อหันไปดูคนที่มีศักยภาพที่จะก่อรัฐประหารในยามนี้ ถ้าพูดกันแบบตรงไปตรงมา มีอยู่ไม่กี่คน และพูดกันแบบไม่อ้อมค้อม ก็ไล่เรียงรายชื่อ ตามลำดับ คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 หรือนายทหารในเครือข่าย “บูรพา” เท่านั้น ซึ่งรวมไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่พวกเสื้อแดงพยายามโยงให้เห็นความไม่พอใจกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด

แต่ถามว่านายทหารเหล่านี้จำเป็นแค่ไหนที่จะต้องทำการยึดอำนาจให้เปลืองตัว เพราะที่ผ่านมามีการแบ่งปันประโยชน์กันอย่างลงตัวอยู่แล้ว ทั้งตำแหน่งก็มีการโยกย้ายเดินเรียงแถวตามลำดับกันมาทำนอง “รุ่นพี่ ไปรุ่นน้อง-เพื่อนพ้องขึ้นมาแทน” จะมาเสี่ยงให้เมื่อยตุ้มหรือ “ฆ่าตัวตาย” ทำไม

ส่วนพวกที่จะก่อรัฐประหาร “ถ้า” หากมี นาทีนี้ก็น่าจะเป็นพวกทหารโง่ๆ ไร้เดียงสา หรือทหาร “รับจ้าง” หรือทหารของระบอบทักษิณ เท่านั้น แต่เชื่อว่าไม่มีศักยภาพพอ หรือถ้าทำ ก็น่าจะถูกขัดขวางจากกลุ่มข้างต้น เพราะจะทำให้ความฝันของพวกตนหายไปในพริบตา

อย่างไรก็ตาม การชุมนุมในวันที่ 19 กันยายน จะมีโอกาสเกิดความวุ่นวายหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า มีความเป็นไปได้ไม่น้อย เพราะเมื่อบางคนเดินเข้ามุมอับ มันก็ต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อหาทางรอด ไม่ต้องไปสนใจว่าบ้านเมืองจะพินาศฉิบหายหรือไม่!!
กำลังโหลดความคิดเห็น