xs
xsm
sm
md
lg

ผลประโยชน์รถไฟมหาศาล อย่าให้อยู่ในมือเสือหิว !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ผ่าประเด็นร้อน"

เมื่อวานนี้(4พ.ย.) นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีกำหนดนัดหารือกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โสภณ ซารัมย์ และผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่รัฐสภา หลังจากก่อนหน้านี้ 1 วันได้หารือกับตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ทำเนียบรัฐบาลไปแล้ว

ดังนั้นหากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวดังกล่าวคงจะเป็นการรับฟังปัญหาจากทุกฝ่ายของนายกรัฐมนตรี แล้วนำมาเปรียบเทียบข้อเท็จจริงจากข้อมูลที่ตัวเองมีอยู่

ดูรูปการณ์แล้วน่ายังไม่อาจได้ข้อสรุปที่เป็นเนื้อเป็นหนังอะไรนัก อีกทั้งการหารือก็น่าจะออกมาในลักษณะหลักการกว้างๆคงไม่มีการลงลึกในรายละเอียดมากนัก

อย่างไรก็ดีสิ่งที่สังคมรับรู้กันอยู่เต็มอกก็คือการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นองค์กรที่มีปัญหาเน่าเฟะมานาน เต็มไปด้วยการทุจริตคอรัปชั่น การบริหารงานที่ห่วยแตก อันเนื่องมาจากที่ผู้บริหารของการรถไฟเองและผสมโรงกับนักการเมืองสมคบกันสูบเลือดสูบเนื้อ ซึ่งลักษณะล้าหลังแบบนี้ยังเกิดขึ้นแบบเดียวกันกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอีกหลายแห่ง

กรณีของการรถไฟแห่งประเทศไทยมีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ตรงที่แม้ว่าจะเป็นกิจการเพื่อสาธารณะ อำนวยความสะดวกในด้านการขนส่ง โดยไม่ได้เน้นในเรื่องผลกำไรก็จริงอยู่ แต่ด้วยทรัพย์สินที่มีมากมายมหาศาลเป็นมรดกติดตัวมาตั้งแต่สมัยที่รัชกาลที่ 5 ทรงสถาปนาและทรงประทานให้กับคนไทยมานานนับร้อยปี โดยเฉพาะที่ดินที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 2 แสนไร่ ในจำนวนนี้ยังมีที่ดินอยู่ในย่านทำเลทองอีกนับหมื่นไร่ มูลค่ารวมกันหลายแสนล้านบาท

เฉพาะที่ดินบริเวณแยกลาดพร้าว ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมเซ็นทรัลลาดพร้าว บริเวณสวนจตุจักร หรือย่านมักกะสัน เป็นต้น รวมไปถึงตามแนวสองข้างทางรางรถไฟที่ลากยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้ ตะวันออกไปตะวันตกพาดผ่านพื้นที่ในย่านชุมชนก็ล้วนเป็นทำเลทองทั้งสิ้น

ที่ผ่านมาทรัพย์สินที่มีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวนี่แหละได้กลายเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้นักการเมืองและกลุ่มธุรกิจเข้ามาหาประโยชน์กับการรถไฟ โดยให้ผลตอบแทนในราคาที่ถูกแสนถูก ไม่คุ้มค่าบ่อนเซาะกัดกินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

นอกจากนี้ยังไม่นับที่ดินที่ถูกปล่อยปละละเลยจนกลายเป็นชุมชนแออัดอยู่ทั่วประเทศอีกไม่รู้เท่าไหร่ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็ได้สะท้อนภาพความไม่เอาไหนของผู้บริหารการรถไฟ รวมไปถึงรัฐบาลทุกยุคที่ผ่านมาว่าไม่เคยเข้ามาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

ขอย้ำว่าไม่เคยเข้ามาอย่างจริงจัง และโปรงใสแม้แต่ครั้งเดียว

ว่ากันว่าหากมีการปรับปรุง รื้อโครงสร้างการบริหาร และจัดการทรัพย์สินอย่างมีคุณภาพโดยไม่มีการเอาเข้าพกเข้าห่อของใครเป็นส่วนตัวรับรองว่าคนไทยจะได้นั่งรถไฟฟรี มีระบบรถไฟรางคู่โดยไม่ต้องเสียเวลาสับหลีกกันนานเป็นชั่วโมงอย่างที่เป็นอยู่

หรือทำให้ต้นทุนการขนส่งถูกแสนถูก โดยไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพาระบบการขนส่งโยรถยนต์ให้เสียค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วอยู่ในขณะนี้ หากมีการบริหารจัดการที่ดี โดยเฉพาะในเรื่องการจัดการกับการให้เช่าที่ดินของการรถไฟทั่วประเทศ เอาเฉพาะแค่ที่ดินย่านลาดพร้าวแปลงเดียวก็สามารถนำมาชดเชยการขาดทุนของการรถไฟที่สะสมมาจนถึงปัจจุบันนับหมื่นล้านบาทให้หมดไปได้แล้ว

แต่จากสภาพปัจจุบันที่อยู่ในสภาพที่ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง และมีแนวโน้มจะเลวร้ายลงไปอีก เพราะผู้บริหารในชุดปัจจุบันไล่ขึ้นไปตั้งแต่ผู้ว่าการรถไฟฯคนปัจจุบันคือ ยุทธนา ทัพเจริญ ก็มีปัญหาในเรื่องการทุจริตตั้งแต่สมัยเป็นรองผู้ว่าการรถไฟเคยถูกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินสรุปว่าทุจริตกรณีการให้เช่าที่ดินบริเวณตลาดนัดซันเดย์ ขณะที่ โสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ถูกมองว่าเป็น “นอมินี” ของกลุ่มการเมือง “บุรีรัมย์” ที่มีปัญหาในเรื่องบุกรุกที่ดินการรถไฟที่ “เขากระโดง”

อย่างไรก็ดีหากจะว่ากันไปแล้วปัญหาในการรถไฟฯได้กลับมาเป็นที่สนใจของสังคมอย่างจริงจังมากขึ้นเรื่องยๆนับตั้งแต่กรณีอุบัติเหตุรถไฟตกรางที่บริเวณสถานีเขาเต่า อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก และจากการตรวจสอบพบว่าเกิดจากอุปกรณ์ชำรุด รวมไปถึงพนักงานขับรถที่เหนื่อยล้าจากการทำงานต่อเนื่องโดยไม่มีเวลาหยุดพัก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความปลอดภัย ทั้งของผู้โดยสารและพนักงานประจำรถทั้งหมด

แต่กลายเป็นว่าคนที่ต้องรับผิดคือ พนักงานขับรถเพียงฝ่ายเดียว ขณะที่ผู้บริหารโดยเฉพาะผู้ว่าการรถไฟฯ หรือแม้แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น

และนี่คือสาเหตุของการหยุดเดินรถของนักงานในนามของสหภาพการรถไฟฯเพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเดินรถทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหัวรถจักรเป็นต้น ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร และตัวพนักงานเอง ซึ่งแน่นอนว่าการหยุดเดินรถดังกล่าวย่อมต้องสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และกลุ่มพนักงานและสหภาพฯก็ย่อมถูกมองในด้านลบ ทั้งที่หากพิจารณาอีกมุมหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นได้สะท้อนภาพความล้มเหลวในการบริหารหน่วยงานได้ชัดเจนที่สุด

และปัญหายิ่งเลวร้ายลงไปอีกเมื่อมีการรวมหัวกับฝ่ายการเมืองพยายามใช้สถานการณ์การดังกล่าว โดยใช้อำนาจของผู้ว่าการการรถไฟสั่งหยุดการเดินรถที่สถานีรถไฟละแม จังหวัดชุมพร โดยปล่อยให้ผู้โดยสารไว้ตามยะถากรรม ทำให้เข้าใจว่าเป็นการประท้วงของกลุ่มสหภาพฯ สร้างความเกลียดชังให้กับสังคมเพิ่มขึ้นอีก

กรณีดังกล่าวมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็นแผนเพื่อกำจัดสหภาพที่ขัดขวางการเข้ามาแสวงหาประโยชน์ในการรถไฟ โดยเฉพาะโครงการแปรรูปที่ฝ่ายบริหารพยายามดำเนินการมาหลายครั้ง เช่นในเรื่องการตั้งบริษัทลูก 3 บริษัทที่จะเข้ามาดูแลทรัพย์สิน โดยจะแยกการเดินรถและที่ดินออกจากกัน

นอกจากนี้ยังฉวยจังหวะในช่วงที่สังคมกำลังมองภาพการรถไฟมีปัญหาในเรื่องการเดินรถและประสิทธิภาพในการขนส่ง ก็มีการเสนอแผนปรับปรุงฟื้นฟูด้วยการเสนอขอกู้เงินเพื่อขอซื้อหัวรถจักรใหม่ การก่อสร้างรถไฟรางคู่ รวมไปถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น

จากการแถลงของ สุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ทำให้ทราบว่าตัวเลขที่จะนำมาใช้ในแผนดังกล่าวมีจำนวนถึง 1.1 ล้านล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 3ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน 3-5 ปี ใช้งบประมาณ 46,000 ล้านบาท เพื่อปรับเปลี่ยนราง ไม้หมอน อาณัติสัญญาณ และทางข้าม ระยะกลาง 10 ปี ก่อสร้างทางคู่ 3,000 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 33,000 ล้านบาท และระยะยาว ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มูลค่ากว่า 707,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ดีแม้ว่าสังคมส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับการปฏิรูปหรือปรับปรุงการบริหาร ปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เพราะถึงเวลาปรับปรุงอย่างขนานใหญ่ แต่นั่นย่อมหมายความว่าต้องกระทำอย่างโปร่งใส ให้หน่วยงานอิสระที่เชื่อถือได้เข้าไปดำเนินการ และที่สำคัญต้องไม่ใช่ผู้บริหารชุดปัจจุบันที่มีผลงานไม่เอาไหนและเต็มไปด้วยข้อครหาทุจริต ฉ้อฉล เป็นอันขาด

และยิ่งเห็นการใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งไม่ไม่ใครเห็นด้วยแน่ !!

กำลังโหลดความคิดเห็น