นายกฯ เบรกแนวคิด ปธ.พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐปัตตานี หวั่นทำประชาชนสับสนตอกหลิ่มความรุนแรง มองแค่เกมแข่งขันทางการเมืองหวังเพิ่มคะแนนนิยม ยันสัมพันธ์ไทย-มาเลย์แน่นปึก พร้อมหนุนแนวทางดับไฟใต้ตามที่ไทยร้องขอ ไม่เอาด้วยทางออกฝ่ายตรงข้ามด้วยการนิรโทษกรรม สวนทางนโยบายรัฐบาล
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (4 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เสนอแนวทาง “นครรัฐปัตตานี” แก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เกรงว่าจะเกิดความสับสน จริงแล้วแนวคิดที่รัฐบาลทำอยู่สนับสนุนเรื่องการกระจายอำนาจ และสนับสนุนเรื่องการพัฒนาที่สอดคล้องกับชีวิตของคนในพื้นที่ เมื่อไปพูดในเชิงโครงสร้างขึ้นมาจะเกิดข้อถกเถียงและนำไปสู่ความขัดแย้ง ฉะนั้นอยากให้ระมัดระวังถ้าเป้าหมาย คือ ต้องการจะหากลไกตอบสนองประชาชนในพื้นที่ได้ดีขึ้น นั้นเป็นสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่แต่ไม่ทำในลักษณะ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ พล.อ.ชวลิต ไปรับแนวคิดของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องไปถามท่านว่ารับมาจากไหน เมื่อถามต่อว่า มีการเสนอด้วยว่า ในเมื่อมีการเสนอทางออกในการแก้ไขปัญหาก็ต้องมีการเสนอให้กับฝ่ายตรงข้ามด้วยกว่านิรโทษกรรม นายกฯ กล่าวว่า ที่รัฐบาลทำคือ เราจะเริ่มขยับด้วยการเอากฎหมายความมั่นคงมาใช้ ซึ่งจะมีกลไกลักษณะเปิดโอกาสให้ผู้กระทำความผิดสามารถเข้าสู่กระบวนการได้ ฉะนั้นจะทำแบบเป็นขั้นเป็นตอนในขณะนี้ โดยจะเริ่ม 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาเป็นตัวนำร่องก่อน
เมื่อถามว่าจะยุ่งยากมากกว่าหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงไม่ เพราะรัฐบาลมีแนวที่ชัดเจนอยู่แล้ว และตนคิดว่าประชาชนก็เริ่มมีความเข้าใจ เมื่อถามต่อว่า มองหรือไม่ทำไม พล.อ.ชวลิตจึงได้มีแนวคิดแบบนี้ในตอนนื้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยดูแลภาคใต้แต่กลับมไม่ทำ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า น่าจะไปถามท่าน เมื่อถามต่อว่า ทำให้ประชาชนสับสนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันคือการแข่งขันในทางการเมืองเป็นสิทธิของแต่ละฝ่ายอยู่แล้ว พรรคการเมืองแต่ละพรรคอาจจะเสนอแนวทางการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไป แต่ตรงไหนจะน่าเชื่อถือแค่ไหนอย่างไร และใครทำงานในลักษณะไหนอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การหยิบเอาคำ “นครรัฐปัตตานี” มามีความละเอียดอ่อนค่อนข้างสูงในพื้นที่ กังวลหรือไม่ จะยิ่งเป็นการตอกหลิ่มให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น นายกฯ กล่าวว่า นั้นเป็นเหตุผลที่ตนพูดตั้งแต่ต้น ซึ่งจริงๆ ถ้าจะพูดถึงหลักการกระจายอำนาจ การตอบสนองเน้นตรงนั้นจะดีกว่า พอไปพูดในลักษณะนี้แล้วมันเกิดความขัดแย้งขึ้นได้ เมื่อถามว่า เป็นวิธีหาเสียงกับคนบางกลุ่มในพื้นที่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ เขาคงมุ่งหวังที่จะได้รับการสนับสนุนจากคนบางกลุ่ม แต่รัฐบาลอยากจะยึดประโยชน์ของส่วนรวม ประโยชน์ของคนในพื้นที่ด้วย และประโยชน์ของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
เมื่อถามว่า วันนี้ควาพยายามแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่มีมากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราต้องยอมรับว่าขบวนการนี้มี และพยายามหาทางยกระดับซึ่งเป็นแนวทางการต่อสู้ของเขาอยู่แล้ว ฉะนั้นด้วยเหตุผลนี้รัฐบาลจึงมีแนวทางที่จะต่อสู้ด้วยเรื่องการพัฒนา การอำนวยความยุติธรรม และเรื่องโครงสร้างที่กำลังมีการปรับปรุงตามกฎหมายใหม่ ที่กำลังจะเสนอเข้าสภาในอีก 2-3 สัปดาห์นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ พล.อ.ชวลิตจะเดินทางไปมาเลเซียจะทำให้ปัญหานี้ยกระดับหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทางมาเลเซียพูดชัดเจน และถือว่าปัญหานี้เป็นเรื่องภายในของเรา เขาพร้อมที่จะสนับสนุนช่วยเราให้แก้ไขปัญหาได้ ตามที่เราร้องขอ ฉะนั้นนโยบายเขาชัดอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ทางพรรคเพื่อไทยพยายามโจมตีว่ารัฐบาลไทยกับมาเลเซียไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน นายกฯ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่จริง นายกรัฐมนตรีมาเลเซียให้สัมภาษณ์ตนฟังอย่างน้อย 2 ครั้งแล้วที่ให้การสนับสนุนทิศทางนโยบายรัฐบาลชุดปัจจุบัน
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้าใจอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ในพื้นที่ทาง ส.ส.ดำเนินการกันอยู่ก็ต้องทำความเข้าใจกันไป เมื่อถามต่อว่า ส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ก็มีการเสนอให้มีล่ามประจำอยู่ที่โรงพักในพื้นที่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ใช่ ก็เป็นหนึ่งในนโยบายในการอำนวยความสะดวกในเรื่องของภาษา เมื่อถามต่อว่า คดีความต่างๆ ที่ยังเกิดความล่าช้า จะทำให้เกิดความคืบหน้าได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ครั้งที่แล้วได้มีการเสนอต่ออายุพระราชกฤษฎีกาการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็ได้มีการรายและกำลังหามาตรการในการเร่งรัดแก้ไขในแง่ของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทางกระทรวงยุติธรรมก็กังวลในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ส่วนนี้หรือไม่ที่จะให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรอง ผบ.ตร.เข้ามาช่วยเสริมเพื่อให้มีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของ พล.ต.อ.ธานีก็กำลังคุยกันอยู่ มีหลายเรื่อง เมื่อถามต่อว่า พล.ต.อ.ธานีตอบรับแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ยังขอเวลาอยู่
ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวคิดเขตปกครองพิเศษ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พูดกันมานานแล้ว พิเศษอย่างไร นี้คือความสับสน ตนเห็นว่าคนที่พูดเขตปกครองพิเศษ 2 คนหมายความกันคนละอย่าง รัฐบาลขณะนี้กำลังทำระบบกลไก การบริหารราชกการจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นมาเป็นกฎหมายใหม่ นั้นเป็นการยอมรับอยู่แล้วว่า พื้นที่ตรงนี้จะมีกลไกพิเศษในการบริหารราชการ แต่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ นอกจากนั้นการที่รัฐบาลพูดถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งมีมาตรการที่กำลังดำเนินการอยู่ ก็เป็นการยอมรับอีกเช่นเดียวกันว่า เรากำลังตอบสนองพื้นที่นี้ที่มีความต้องการพิเศษขึ้นมา อันนี้คือหัวใจ
“หัวใจของมันคือ เราตอบสนองในเรื่องความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ทั้งในเรื่องสิทธิ โอกาส แต่ถ้าเราไปนั่งเถียงกันในเรื่องของโครงสร้างไม่จบหรอก ถามว่าเป็นนครขึ้นมา ก็ต้องถามว่า กี่จังหวัด ตกลงนครปัตตานีรวมนราธิวาส ยะลา ด้วยหรือเปล่า ตกลงคนที่มาบริหารนครไม่ยิ่งห่างไกลไปจากคนยะลา คนนราธิวาสหรือ” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่นายแวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน ออกมาระบุว่า นายกรัฐมนตรีของไทยได้ตอบตกลงกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เรื่องขอให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เป็นเขตปกครองพิเศษ นายกฯ กล่าวว่า ตนบอกว่าที่นายกฯมาเลเซียให้สัมภาษณ์ในเรื่องของ AUTONOMY ตนบอกว่าหลักคิดในการที่จะให้เขามีความสามารถในการมีส่วนร่วม ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของพื้นที่ เป็นหลักการที่รัฐบาลสนับสนุน แต่ตนพูดทุกครั้งคำว่า AUTONOMY ก็ดี ปกครองพิเศษก็ดี ตนไม่อยากให้ใช้กัน เพราะแต่ละคนใช้ก็คนละความหมาย ทำให้เกิดความสับสน เอาสาระของมันดีกว่า เรามีหน้าที่ในการที่จะช่วยเพื่อนร่วมชาติของเราในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เขามีโอกาส และให้เขาสามารถที่จะคงอัตลักษณ์ของเขาไว้ได้ นั้นเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย