xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.วุฒิฯ ชี้มาบตาพุด ถือเป็นพื้นที่มลพิษพิเศษ ผู้ป่วยมะเร็งพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กมธ.สิ่งแวดล้อม-เอ็นจีโอเฝ้าระวังสารพิษ ร่วมกันแถลง พบโรงงานนิคมมาบตาพุด-เอเชีย ปล่อยสารพิษ สูงกว่ามาตรฐานกว่า 30 เท่า ถือเป็นพื้นที่มลพิษพิเศษระดับโลก ด้าน กมธ.สาธารณสุข เผยประชากรผู้ใหญ่ในเขตเมืองระยองร้อยละ 50 เซลล์มีการแบ่งตัวผิดปกติ และมีอัตราป่วยด้วยโรคมะเร็งสูงสุด

วันนี้ (26 ต.ค.) ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ตัวแทน กมธ.5 คณะที่ร่วมกันตรวจสอบปัญหา 76 โครงการในมาบตาพุด จ.ระยอง ร่วมกับมูลนิธิบูรณะนิเวศและองค์กรเฝ้าระวังมลพิษ Global Community Monitor สหรัฐอเมริกา ร่วมกันแถลงผลการตรวจสอบค่ามลพิษในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด

นางเพชรโฉม แซ่ตั้ง ผอ.มูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวว่า ได้เข้าไปตรวจสอบสารมลพิษในอากาศบริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 52 พบการปนเปื้อนของสารอินทรีย์ระเหยง่ายในอากาศบริเวณที่มีการตรวจสอบในปริมาณที่สูงเกินค่ามาตรฐานการเฝ้าระวังของกรมคุมมลพิษหลายเท่า เช่น สาร 1, 3 บิวทาไดอีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ณ เวลา 18.49 น.มีค่าสูง 146 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร บริเวณทิศใต้ลมระหว่างที่ตั้งของบริษัทไบเออร์และโรงงานกลั่นน้ำมันเออาร์ซีโรงใต้ และมีโรงงานเคมีของบริษัทบางกอกซินเทติกส์ตั้งอยู่ใกล้เคียง ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งสูงเกินค่าเฝ้าระวังของกรมคุมมลพิษที่กำหนดไว้ถึง 27.5 เท่า ของค่ามาตรฐานที่ 5.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ยังพบสารดังกล่าวสูง 179 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เวลา 22.5 น. ในนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย ทางทิศใต้ลมบริเวณที่ตั้งของบริษัทชินเอ็ตสึ ซึ่งสูงกว่าค่าเฝ้าระวังของกรมควบคุมมลพิษ 33.7 เท่า

นางเพชรโฉมกล่าวว่า ยังตรวจพบสารอื่นที่กรมควบคุมมลพิษไม่ได้กำหนดค่าเฝ้าระวังไว้ ได้แก่ พีไซลีน 93.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โทลลีน 77.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ 69.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ไนตริกออกไซด์ 29.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ อากาศในบริเวณมาบตาพุด ปนเปื้อนสารมลพิษหลายชนิด กระทบสุขภาพทั้งระยะสั้นและยาว เป็นพื้นที่มลพิษพิเศษระดับโลก ดังนั้น ควรใช้มาตรการร่วมกันหลายด้านในการแก้ปัญหา และป้องกัน เช่น รัฐต้องสร้างระบบเปิดเผยข้อมูลพิษ โดยบังคับให้โรงงานเป็นผู้รายงานและรัฐเปิดเผย ให้ประชาชนเข้าถึง

นางพรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา กมธ.สาธารณสุข วุฒิสภา กล่าวว่า นิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก เริ่มเมื่อปี 2525 ซึ่ง 5 กมธ.ได้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า สารพิษที่ปล่อยออกมาไปสะสมเรื้อรังในร่างกายของผู้ที่อยู่บริเวณนั้น จนเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับเซล ซึ่งพบความผิดปกติ โดยตั้งแต่ปี 31-41 กรมอนามัยตรวจพบอัตราการป่วยเป็นวัณโรค ระบบทางเดินหายใจ ระบบผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเพิ่มมากขึ้น และยังพบอัตราเด็กพิการตั้งแต่กำเนิดเพิ่มสูงขึ้น 40 เท่า ปี 42-43 พบคนเทศบาลมาบตาพุด ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจและโรคเกี่ยวกับผิวหนัง เพิ่มขึ้น 3 เท่า เมื่อเทียบกับพื้นที่ปกติ ส่วนผลกระทบแบบเฉียบพลัน ปี 42-52 พบสารเคมีรั่ว 10 ครั้ง ผู้ได้รับผลกระทบ 1,299 ราย เสียชีวิต 2 ราย นอกจากนี้ ประชากรผู้ใหญ่ร้อยละ 50 เซลมีการแบ่งตัวผิดปกติ หมายความว่า เสี่ยงต่อมะเร็ง ส่วนสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ปี 41-43 พบอัตราการป่วยเป็นมะเร็งในเขตเมืองระยอง สูงกว่าทุกจังหวัดและทุกเขตในประเทศ และตลอดมายังพบสารเคมีในบรรยากาศ ดินน้ำ ที่สะสมเพิ่มขึ้น ฉะนั้นการปล่อยสารพิษจึงเชื่อมโยงกับสุขภาพประชาชนโดยตรง

นายสุรชัยกล่าวว่า 5 กมธ.จะนัดพิจารณาข้อมูลอีกครั้งโดยเฉพาะเรื่องสารพิษ เพราะตัวเลขมีนัยสำคัญมาก ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษต้องทบทวนค่ามาตรฐานสารพิษใหม่ เพราะรายงานการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ค่ามาตรฐานของไทยอ่อนมาก นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการควบคุมมลพิษที่ผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบพบว่ามีการปล่อยในอัตราที่สูงกว่าค่ามาตรฐานมากเป็น 20-30 เท่า นอกจากนี้ เหตุใดผลการตรวจสอบขององค์กรเอกชน และผลสอบของส่วนราชการยังต่างกันมาก ขณะที่ส่วนราชการพยายามออกข่าวว่าค่าที่ตรวจพบต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ค่าที่องค์กรเอกชนตรวจพบ กลับพบค่าสูงกว่ามาตรฐาน 30 เท่า ซึ่ง กมธ.จะนัดประชุมและพิจารณาเสนอทางแก้ไขต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น