xs
xsm
sm
md
lg

“ฮุนเซน” เป็นเบี้ย หรือเป็น เหยื่อ ของทักษิณ ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พลาดอย่างแรง มหาอำมาตย์แห่งกัมพูชา สมเด็จฮุนเซน ที่หวังจะใช้เวทีประชุมอาเซียนซัมมิต บนแผ่นดินไทย ฉีกหน้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ด้วยการให้สัมภาษณ์ทันที่ทีเดินทางมาถึงว่า จะไม่ส่งตัว นช. ทักษิณ ชินวัตร กลับไทยตามสนธิสัญญา ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ถ้านช.ทักษิณ ขอพักพิงในกัมพูชา จะตั้ง นช.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ และยังวิพากษ์วิจารณ์ กระบวนการยุติธรรมของไทยว่า ไม่ให้ความเป็นธรรมกับ นช. ทักษิณ

แต่ถูกนายอภิสิทธิ์ ตอบโต้อย่างตรงไปตรงมา ด้วยวาทะที่ ต้องนับว่า เป็นวรรคทอง ข้างโต๊ะประชุมอาเซียนซัมมิตครั้งนี้

“ไม่ทราบว่า มีกี่คนในโลกที่คิดว่า กรณีของอองซาน ซูจี เหมือนกับเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ”

“ผมก็เห็นว่า ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีความอาวุโส อย่าไปเป็นเหยื่อและเป็นเบี้ยให้ใครเลย"

“ต้องถามว่า การที่ท่านเดินทางมาประชุมเพื่ออะไร แล้วสิ่งที่พูดและแสดงออกมันสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ในการเดินทางมาหรือไม่”

“การที่สมเด็จฮุนเซนเดินทางมาที่นี้ ก็เพื่อประชุมในเรื่องสร้างความเป็นปึกแผ่น และความเป็นเอกภาพของอาเซียน เราจึงไม่มีเวลาที่จะสนใจคนใดคนหนึ่งที่จะมาทำลายความสัมพันธ์อาเซียน”


เหมือนลูกหลานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ใช้ลีลาแม่ไม้มวยไทย ยกฝ่าเท้าถีบหน้าพระยาละแวก3-4 ครั้งติดๆ กัน ทั้งเจ็บ ทั้งอาย จน นช.ทักษิณ นายนพดล ปัทมะ และลิ่วล้อ ต้องชักแถวออกมาเลียแผลให้ฮุนเซ็น แต่เจ้าตัวปิดปากเงียบไม่กล้าตอบโต้ ขนาดที่นายกษิต ภิรมย์ ตบกบาลซ้ำด้วยประโยคที่ว่า โตๆ กันแล้ว ต้องรู้ว่า อะไรเป็นอะไร ก็ยังเฉย

คนที่เจ็บปวดกว่าฮุนเซ็นคือ นช.ทักษิณ ชินวัตร เพราะคงคาดไม่ถึงว่า นายอภิสิทธ์จะตอบโต้อย่างทันควัน และอย่างแหลมคม ลำพังคำพูดของฮุนเซ็น ก็ทำให้คนไทยที่ได้ฟัง เป็นเดือดเป็นแค้นอยู่แล้ว พอมาได้ฟังนายอภิสิทธิ์พูดโต้ตอบ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ อย่าไปเป็นเหยื่อ และเบี้ยให้ใครเลย” ก็ยิ่งชัดเจนว่า ใครใช้ฮุนเซนมาให้ร้ายแผ่นดินไทย

ข้อกล่าวหา ไม่จงรักภักดี คิดจะล้มล้างสถาบัน ยังแก้ไม่หลุด มาเจอข้อหาใหม่ ยืมมือต่างชาติ มาสร้างความแตกแยก ทำลายชื่อเสียงของแผ่นดินแม่ ในระหว่างที่เป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งสำคัญ ข้อหานี้ไม่ต้องแก้ตัว เพราะคำพูดของฮุน เซ็น และพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ก่อนหน้านี้ เป็นหลักฐานมัดตัว

ลำพังทัศนคติของคนไทยที่มีต่อคนเขมรนั้น ก็รุนแรงอยู่แล้ว ลองนึกดู เขมร+ แม้ว จะเป็นอย่างไรในความรู้สึกของคนไทย ที่ยังไม่ลืมว่า เมื่อเดือนมกราคม ปี2546 ในสมัยที่ นช.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี สถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ ถูกเผาจนราบ

เกมใช้ฮุนเซ็น เป็นเครื่องมือ จึงกลายเป็นมุมเบอแรงย้อนกลับมาเข้าตัวอย่างเต็มๆ


การประชุม อาเซียนซัมมิตที่พัทยาที่ต้องล่มไปเพราะกลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าไปทำลายการประชุม เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ กลุ่มเสื้อแดง และ นช.ทักษิณ พ่ายแพ้อย่างไม่เป็นกระบวนมาจนถึงทุกวันนี้ จนต้องหันมาเล่นกับทวิตเตอร์ เพราะไม่สามารถออกสื่อต่างชาติที่ไหนได้อีกแล้ว มาถึงการประชุมอาเซียนซัมมิตที่หัวหินในครั้งนี้ ที่ นช.ทักษิณ หวังจะใช้เป็นเวทีบ่อนทำลายรัฐบาลและประเทศไทย โดยว่าจ้างพลเอกชวลิต ให้เดินทางไปพบฮุนเซ็น ที่กัมพูชาก่อน แล้วกลับมาให้สัมภาษณ์ว่า ฮุนเซน ยินดีต้อนรับ ทักษิณ จะสร้างบ้านให้อยู่ หลังจากนั้น ก็ให้ฮุนเซ็นมาตอกย้ำในประเด็นนี้ ที่หัวหิน

แต่ดูเหมือนว่า อาถรรพ์อาเซียนซัมมิต จะเกิดกับ นช.ทักษิณอีกครั้งหนึ่ง เพราะความผิดพลาดของฮุนเซนในครั้งนี้ ทำให้แผนการใช้ต่างชาติเป็นเครื่องมือของเขา ถูกเปิดโปง แผนการของพลเอกชวลิต ที่จะเดินทางไปพม่า และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนื้ คงจะทำให้เจ้าบ้านต้องระวังตัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของบิ๊กจิ๋ว และ นช. ทักษิณ

การใช้ฮุนเซน เป็นเครื่องมือในครั้งนี้ ยังเป็นสิ่งที่ฟ้องว่า ทักษิณกำลังดิ้นรนอย่างหนัก เพราะเวลาเหลือน้อยลงทุกทีๆ จนต้องหันมาพึ่งคนอย่างฮุนเซ็น

ในโลกนี้ คงมีแต่กัมพูชา และประเทศไทยเท่านั้น ที่ยกย่อง และให้เครดิตคนอย่างฮุนเซน ความขัดแย้งทางการเมืองในบ้านเรา ทำให้คนอย่างฮุนเซ็น ดูมีราคา กลุ่มเสื้อแดงมักจะโจมตีนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า ทำให้ฮุนเซนไม่พอใจ หรือไม่ก็ปล่อยข่าวว่า ฮุนเซนจะไม่มาประชุมอาเซียน ทำราวกับว่า ฮุนเซนนั้น มีบารมี เป็นที่ยอมรับในเวทีการเมืองระหว่งประเทศ และในระดับภูมิภาค

สิ่งที่ฮุนเซน มีเหนือกว่าผู้นำคนอื่นๆในอาเซียนคือ อยู่ในตำแหน่งนานกว่าใคร คือ 24 ปี นอกจากนั้นแล้ว ไม่มีเกียรติประวัติใดๆ มีแต่เรื่องราวของการแปรพักตร์ เป็นหุ่นเชิด เป็นเผด็จการ และคอร์รัปชั่น

ฮุนเซนเดิมเป็นพวกเขมรแดงมาก่อน แต่แปรพักตร์ไปเข้ากับเวียดนาม เมื่อเวียดนามส่งกองทัพโค่นล้มรัฐบาลเขมรแดง และตั้งรัฐบาลหุ่นที่มีเฮง สัมริน เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2522 ฮุนเซนได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2528 แต่ก็ต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเวียดนาม ซึ่งคงกองกำลังอยู่ในเวียดนาม จึงได้ชื่อว่า เป็นนายกฯ หุ่นเชิดของเวียดนาม

ฮุนเซน เป็นนายกฯ จนถึงปี 2536 เมื่อเวียดนามถอนกำลังออกไป ภายหลังมีการเจรจาสันติภาพ ระหว่างเขมร 3 ฝ่าย จนนำไปสู่การเลือกตั้ง โดยสหประชาชาติ พรรคประชาชนแห่งกัมพูชาของฮุนเซน แพ้พรรคฟุนซินเปค ของเจ้านโรดม รณฤทธิ์ แต่ฮุนเซนขู่ว่า ถ้าไม่ให้เขาเป็นนายกฯ อาจจะเกิดสงคราม
เมือง จึงทำให้ กัมพูชา มีนายกฯ 2 คน นายกฯ คนที่ 1 คือ เจ้านโรดม รณฤทธิ์ นายกฯ คนที่ 2 คือ ฮุนเซน แต่อำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือของฮุนเซ็น เพราะว่า เป็นหุ่นเชิดของเวียดนามมานานเกือบ10 ปี จึงคุมกำลังและข้าราชการได้ทั้งหมด

ฮุนเซน กล่าวหาว่า ความขัดแย้งทางการเมืองของไทย เกิดขึ้นเพราะ การยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 แต่ตัวฮุนเซนเองก็มาจากการรัฐประหารเหมือนกัน โดยยึดอำนาจจากเจ้ารณฤทธิ์ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2540 เพราะเจ้ารณฤทธิ์ จะรับทหารเขมรแดงมาประจำในกองทัพ ฮุนเซนกลัวว่า เจ้ารณฤทธิ์จะมีกำลังมากขึ้น จึงชิงลงมือทำรัฐประหารที่นองเลือด มีคนตายอย่างน้อย 58 คน และบาดเจ็บนับร้อย เจ้ารณฤทธิ์ต้องหนีออกนอกประเทศ

หลังยึดอำนาจได้ ฮุนเซนทำการกวาดล้างคนของเจ้ารณฤทธิ์ มีทั้งการจับกุมคุมขัง ทรมาน และฆ่า ทหารของฮุนเซนปล้นร้านค้าในกรุงพนมเปญ แม้แต่โรงพยาบาลก็ไม่เว้น

ปีถัดมา เขาจัดให้มีการเลือกตั้ง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง และได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว พรรคประชาชนของเขาชนะการเลือกตั้งอีก 2 ครั้งต่อมา ทำให้ฮุนเซนครองอำนาจมาอย่างยาวนาน

ฮุนเซนได้ชื่อว่า เป็นนักการเมืองที่เฉลียวฉลาด แต่โหดร้าย และคอร์รัปชั่น นักการเมืองฝ่ายค้าน นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน สื่อมวลชนจำนวนมากที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ถูกจับและลงโทษจำคุก ด้วยกฎหมายหมิ่นประมาท

กัมพูชา เป็นประเทศที่มีรายได้จาก เงินบริจาคจากนานาชาติ แต่คนกัมพูชา ส่วนใหญ่ มีความเป็นอยู่ที่ยากจน เพราะการคอร์รัปชั่นในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐบาล กัมพูชามีทรัพยากรธรรมชาติที่อุมดมสมบูรณ์ ทั้งป่าไม้ และแหล่งน้ำมัน แก๊สธรรมชาติ จนทำให้หลายๆ ประเทศ ในตะวันตก ยอมหลิ่วตาให้กับ ปัญหาสิทธิมนุษยชน อย่างเช่น สหรัฐฯ เคยตัดความช่วยเหลือ เพื่อลงโทษกัมพูชา แต่เมื่อ เชฟรอน ได้รับสัมปทานน้ำมันในอ่าวไทย รัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับมารื้อฟิ้นความสัมพันธ์กับกัมพูชาใหม่

แต่รายได้จากทรัพยากรธรรมชาตินี้ ตกอยู่ในมือของฮุนเซนกับครอบครัว และคนใกล้ชิดเท่านั้น ไม่ใช่รายได้ของแผ่นดิน

เมื่อ 2 ปีก่อน ฮุนเซน เปิดปฎิบัติการขายชาติครั้งใหญ่ โดยแก้กฏหมายให้ต่างชาติเข้ามาถือครองที่ดินได้นานถึง 90 ปี ที่ดินกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ถูกขายให้กับต่างชาติไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดินในแถบชายฝั่งทะเลตะวันตก อย่างเมืองสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว และเกาะในอ่าวไทย

ที่ดินจำนวนมาก เป็นกรรมสิทธิ์ของชาวกัมพูชา ที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง เมื่อเขมรแดงมีอำนาจ มีคนเขมรจำนวนมากอพยพหนีออกนอกประเทศ ส่วนใหญ่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทย เมื่ออพยพกลับมาหลังสงครามกลางเมืองยุติ วันดีคืนดี ก็ถูกขับไล่ออกจากที่ดิน เพราะฮุนเซน ยึดที่ดินไปแล้ว

แน่นอนว่า รายได้จากการขายแผ่นดินเหล่านี้ ส่วนใหญ่ตกอยู่กับฮุนเซ็นและคนใกล้ชิด

พฤติกรรมของฮุนเซ็น ดูๆ ไปแล้ว ก็ไม่ต่างจาก นช.ทักษิณ คือ ขึ้นสู่อำนาจด้วยพิธีกรรมแบบประชาธิปไตย แต่ปกครองบ้านเมืองแบบเผด็จการ ปิดปากฝ่ายตรงข้าม ทำลายกระบวนการตรวจสอบ แสวงหาประโยชน์เข้าตัวและขายชาติ

แต่ประเทศไทยไม่ใช่กัมพูชา คนไทยไม่ใช่คนเขมร ความฝันของ นช.ทักษิณที่จะเดินตามรอยของฮุนเซ็นจึงพังทลายลง

คนอย่างฮุนเซน ที่ฉลาดแกมโกง ไม่มีทางเป็นเหยื่อของใครง่ายๆ การที่เขายอมเป็นเบี้ยให้กับ นช. ทักษิณในครั้งนี้ ก็เพื่อดิสเครดิตประเทศไทย อันเป็นนิสัยที่สืบทอดมาจากพระยาละแวก ยังดีที่นายอภิสิทธิ์ ไม่บ้าจี้ ทำอะไรที่เข้าทางให้ฮุนเซ็น และ นช.ทักษิณ นำไปขยายเป็นประเด็นความขัดแย้งต่อไป เพราะแค่การตอบโต้ด้วยวาจาก็เพียงพอแล้ว ที่จะสยบความเหิมเกริมของฮุนเซน

กำลังโหลดความคิดเห็น