"ยะใส" สงสัย "จิ๋ว" แบไพ่แต่หัววัน แนะจับตาเป็นแผน "ลับ ลวง พราง" หรือแค่ปาหี่ดูดเงิน "นช.แม้ว" เชื่อ มีกระบวนการป่วนประเทศอีกหลายระลอก โดยมี "ฮุนเซน" ผสมโรง ช่วยถล่มไทย เพราะเห็นนโยบายต่างประเทศของไทยอ่อน จึงเป็นเป้าโจมตีได้ง่าย ด้าน "น้าชัช" ให้ราคา ตท.10 แค่ฝนตกขี้มูกไหล เป็นเพียงภาพหลอนที่ "นช.แม้ว" สร้างขึ้น ไว้ลบภาพโกงจนถูกทหารปฏิวัติ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”
รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 23 ตุลาคม มี น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ วันนี้ได้มีการเชิญ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในฐานะเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ และนายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย พิธีกรรายการ เคาะข่าวริมโขง ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” มาร่วมพูดคุยกรณี พล.อ.ชวลิต ยงยุทธใจ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยอมเป็นหมากเดินเกมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ป่วนการเมืองไทย รวมทั้งท่าที่ของ เตรียมทหารรุ่น 10 ที่ตบเท้าเข้าร่วมพรรคเพื่อไทยเป็นจำนวนมาก
น.ส.สโรชา กล่าวเปิดประเด็นถึงกรณี พล.อ.ชวลิต เดินทางไปพบ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยนายชัชวาลย์ กล่าวกรณีนี้ว่า ตนคิดว่า พล.อ.ชวลิตและ พ.ต.ท.ทักษิณ ฉลาดกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและคนในรัฐบาลประชาธิปัตย์ เนื่องจาก พล.อ.ชวลิต เป็นทหารและเป็นนักการเมืองที่เจรจาผลประโยชน์ได้เก่ง ไม่ว่าจะเป็นแบบเปิดเผยหรือหลบๆซ่อนๆ โดยเรื่องนี้ เมื่อได้ยินข่าว ตนไม่ได้รู้สึกตกใจที่ พล.อ.ชวลิต เดินทางไปพบ สมเด็จฯ ฮุนเซน เพราะทั้งคู่สนิทกันมาก่อน ซึ่งตนเห็นว่าการไปครั้งนี้มีนัยยะทางการเมือง เพื่อต้องการข่มขู่รัฐบาล ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ชวลิต ออกมาชี้แจงว่า เหตุที่เล่นการเมืองอีกครั้ง เพราะต้องการเป็นโซ่ข้อกลางมาแก้ปัญหาบ้านเมือง โดยเวลานี้ ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ชวลิต ไม่ได้ทำอย่างที่เคยพูด เนื่องจากมีความพยายามช่วยเหลือด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่าทำเพื่อผลประโยชน์บ้านเมือง
นายชัชวาลย์กล่าวต่อว่า สิ่งที่ พล.อ.ชวลิต ต้องการ คือ อาจจะเป็นแผนให้ สมเด็จฯ ฮุนเซน เดินทางไปป่วนในการประชุมอาเซียน เพื่อสร้างกระแสให้แรงขึ้น เพื่อกดดัน 3 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายสถาบันเบื้องสูง ฝ่ายพันธมิตรฯ และฝ่ายรัฐบาล โดยถ้าหาก พล.อ.ชวลิต ทำสำเร็จ สิ่งตอบแทนจะเป็นรายได้เสริมให้แก่ตัวเอง ซึ่งตนเชื่อว่าการเดินทางไปกัมพูชาครั้งนี้ พล.อ.ชวลิต ได้เจอกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย
นายสุริยะใส กล่าวเสริมว่า สำหรับตนแล้วมองว่าเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ อาจกำลังจะมีไม้เด็ดออกมาแก้ไขสถานการณ์ เนื่องจากมองว่าการกลับมาของ พล.อ.ชวลิต ครั้งนี้ ถือเป็นเงื่อนไขทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลง ยิ่งในเวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ชวลิต และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ดูเหมือนจะร้าวฉานกันอยู่ ดังนั้น เชื่อว่าต่อไปจะมีปฏิบัติการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกเยอะ แต่ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า ทำไม พล.อ.ชวลิต ถึงกล้าสารภาพว่าเดินทางไปช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่เคยบอกว่า เข้ามาทำงานทางการเมืองเพื่อความสมานฉันท์ของบ้านเมือง หรือว่าเรื่องนี้ อาจเป็นแค่แผนต้องการให้ สมเด็จฯ ฮุนเซน ไปป่วนประชุมอาเซียน เพื่อสร้างความร้าวฉานระดับประเทศ และฉีกหน้ารัฐบาลไทย แต่ยังไงตนก็ถือว่า การที่ พล.อ.ชวลิต ไปพบผู้นำกัมพูชา ก็เป็นเกมการเมืองที่ดึงเอาเพื่อนบ้านมาทำร้ายประเทศตัวเอง ซึ่งตนอยากเตือน พล.อ.ชวลิต ว่าการกระทำดังกล่าว อาจจะตรงกับที่ พล.อ.เปรม ออกมาเตือนว่า ระวังเป็นการกระทำที่เท่ากับทรยศชาติ โดยเรื่องนี้ แกนนำพันธมิตรฯ จะทำการหารือและแถลงข่าวต่อกรณีดังกล่าว ในวันที่ 27 ตุลาคมนี้ เพราะดูเหมือนมีแนวโน้มว่า พล.อ.ชวลิต ไปเจรจาลับอะไรบางอย่างกับ สมเด็จฯ ฮุนเซน
นายชัชวาลย์ กล่าวประเด็นเดียวกันว่า การกระทำ พล.อ.ชวลิต ถือเป็นการส่งสัญญาณบีบให้รัฐบาลเปิดการเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เช่นนั้น กัมพูชาอาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีประเทศไทยแห่งใหม่ ซึ่งเป็นที่ทราบอยู่แล้วว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน พร้อมสนับสนุน เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยทำตัวเป็นมิตรกับประเทศไทย โดยการที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพวก ทำให้ฝ่ายผู้นำกัมพูชามีแต่ได้กับได้ ซึ่งตนมองว่า พฤติกรรมของ พล.อ.ชวลิต เปรียบเหมือนเด็กที่พอสู้ใครไม่ได้ ก็ก้าวร้าว ยุให้คนอื่นเขาแตกแยกกัน แต่เรื่องนี้ต้องโทษรัฐบาลไทยด้วยที่แสดงท่าทีไม่เข้มแข็ง
นายสุริยะใส กล่าวว่า ตอนแรกที่ได้ยินข่าว พล.อ.ชวลิต ประกาศร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และจะเดินทางไปพบ สมเด็จฯ ฮุนเซน ตนยอมรับว่า ไม่คิดว่า พล.อ.ชวลิต จะกล้าทำเช่นนี้ ที่ทำตัวเหมือนคนไปคาบข่าวจากกัมพูชามาบอกคนไทย อีกทั้ง ตนคาดเดาผิด ตอนแรกคิดว่า พล.อ.ชวลิต จะกลับมาบอกเรื่องเขาพระวิหาร ทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาว แต่จริงๆ กลับพูดแต่เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ หากไม่มีแผนอำพราง ตนถือว่าเป็นกระทำที่เริ่มต้นด้วยความผิดพลาด เพราะตอนนี้สังคมเริ่มระแวงแล้ว ว่าเป็นอัศวินม้าขาวจริง หรือเป็นทาส พ.ต.ท.ทักษิณ
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า เวลานี้คนบางคนทำตัวเป็นพญาละแวก คอยช่วยกัมพูชา ย่ำยี่ประเทศไทย ทั้งที่ ประเทศเพื่อนบ้านและไทยควรมีความสัมพันธ์กันด้วยความจริงใจ แต่ไทยกับกัมพูชาไม่ใช่แบบนั้น ไทยเลิกรบหรือเปิดศึกกับประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากต้องการอยู่ด้วยความสงบ แต่ฝ่ายกัมพูชา ไม่เคยลดราวาศอก เวลานี้ยังคอยทำตัวเป็นกองกำลังสนับสนุนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถล่มประเทศไทย ก็เหมือนกับเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เงินอุดหนุนกลุ่มคนเสื้อแดงและ พล.อ.ชวลิต
นายสุริยะใส กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยดำเนินสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นรองประเทศเพื่อนบ้านตลอด เพราะตั้งธงว่าต้องพึ่งคนอื่น ไม่คิดว่าจะต้องพึ่งตัวเองบ้าง เพราะสมัยที่ พล.อ.ชวลิต เป็นใหญ่เป็นโต ก็เคยกำหนดนโยบายระหว่างประเทศที่เกื้อหนุนผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง ถ้าถามว่าเรื่องนี้ จบได้หรือไม่ ก็สามารถทำได้ ถ้า นายอภิสิทธิ์ มีความเข้มแข็งมากพอ ก็ต้องมีการวางหมากในกระดานใหม่ และต้องปฏิบัติการเชิงรุก ไม่ใช่เป็นฝ่ายตั้งรับตลอด
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า ประเทศไทยโชคร้ายที่มีผู้นำประเทศหลายคน ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับประเทศเพื่อนบ้าน จึงทำให้คนพวกนี้ยึดวิธีสงบ สันติ จัดการปัญหาตลอด มันเหมือนกับว่าไทยไม่มีปากเสียง ปล่อยให้ผู้อื่นกอบโกยผลประโยชน์ เหมือนสมัย พล.อ.ชวลิต เป็นผู้นำก็เกี่ยวข้องกับธุรกิจไม้และน้ำมันในกัมพูชา จึงทำให้ขยิบตาปล่อยให้ประเทศเพื่อนบ้านรุกล้ำพื้นที่ไทยเข้ามา หรือจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ยังมีรัฐมนตรีบางคน ไปแอบเจรจาเพื่อหวังผลประโยชน์บริเวณพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล โดยสิ่งที่ตนแปลกใจ คือ พล.อ.ชวลิต เคยโดน พ.ต.ท.ทักษิณ ทำร้ายทางการเมืองมาแล้ว แต่ก็ยังไม่เข็ด ครั้งนี้ไปยอมเป็นหมาก เข้ากับอดีตนายกรัฐมนตรีที่สมคบคิดกับประเทศเพื่อนบ้านทำร้ายประเทศตัวเอง
นายสุริยะใส กล่าวว่า สำหรับปรากฏการณ์เตรียมทหาร รุ่น 10 ตบเท้าเข้าพรรคเพื่อไทย ตนมองว่าถ้ามองในเชิงลึก อาจเป็นแผน คมช. ส่งมาลับ ลวง พราง หรือไม่ แต่ยังไง ก็มองว่าบุคคลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด ก็คือ พล.อ.ชวลิต แต่การที่กลับจากกัมพูชาแล้วมาเปิดไพ่อย่างโจ่งแจ้ง ทำให้ตนสงสัยว่า ทำไม พล.อ.ชวลิต ถึงแสดงธาตุแท้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น ต้องจับตาดูเรื่องนี้ต่อไป แต่ที่กังวลตอนนี้ คือ เรื่องปฏิบัติการแผนใต้ดินที่มีความเป็นไปได้
"การนำเตรียมทหารรุ่น 10 มาร่วมพรรค เป็นเพียงแต่อุบายเมืองร้าง ที่หลอกให้คนเข้าใจว่า พรรคการเมืองนี้ไม่ธรรมดา แม้แต่ทหารยังอยากเข้าร่วม แต่ถ้าหากพิจารณาดูจริงๆ บางทีเรื่องนี้อาจไม่มีอะไรพิเศษ" นายสุริยะใส กล่าว
นายชัชวาลย์ กล่าวปิดท้ายว่า การนำเตรียมทหารรุ่น 10 ตบเท้าเข้าพรรคเพื่อไทย ถือเป็นการโปรโมตตัวเองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องการล้างภาพทุจริต จนทหารต้องยึดอำนาจปฏิวัติ โดยตอนนี้ต้องการสร้างภาพลักษณ์ว่ายังเป็นคนดีให้คนอื่นเห็น ซึ่งโดยส่วนตนไม่ได้ตื่นเต้นกับการเห็นทหารจำนวนหนึ่งเข้าร่วมงานพรรคเพื่อไทย เพราะมองว่าเป็นแค่ปรากฏการณ์ฝนตกขี้มูลไหลเท่านั้น
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”
รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 23 ตุลาคม มี น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ วันนี้ได้มีการเชิญ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในฐานะเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ และนายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย พิธีกรรายการ เคาะข่าวริมโขง ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” มาร่วมพูดคุยกรณี พล.อ.ชวลิต ยงยุทธใจ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยอมเป็นหมากเดินเกมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ป่วนการเมืองไทย รวมทั้งท่าที่ของ เตรียมทหารรุ่น 10 ที่ตบเท้าเข้าร่วมพรรคเพื่อไทยเป็นจำนวนมาก
น.ส.สโรชา กล่าวเปิดประเด็นถึงกรณี พล.อ.ชวลิต เดินทางไปพบ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยนายชัชวาลย์ กล่าวกรณีนี้ว่า ตนคิดว่า พล.อ.ชวลิตและ พ.ต.ท.ทักษิณ ฉลาดกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและคนในรัฐบาลประชาธิปัตย์ เนื่องจาก พล.อ.ชวลิต เป็นทหารและเป็นนักการเมืองที่เจรจาผลประโยชน์ได้เก่ง ไม่ว่าจะเป็นแบบเปิดเผยหรือหลบๆซ่อนๆ โดยเรื่องนี้ เมื่อได้ยินข่าว ตนไม่ได้รู้สึกตกใจที่ พล.อ.ชวลิต เดินทางไปพบ สมเด็จฯ ฮุนเซน เพราะทั้งคู่สนิทกันมาก่อน ซึ่งตนเห็นว่าการไปครั้งนี้มีนัยยะทางการเมือง เพื่อต้องการข่มขู่รัฐบาล ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ชวลิต ออกมาชี้แจงว่า เหตุที่เล่นการเมืองอีกครั้ง เพราะต้องการเป็นโซ่ข้อกลางมาแก้ปัญหาบ้านเมือง โดยเวลานี้ ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ชวลิต ไม่ได้ทำอย่างที่เคยพูด เนื่องจากมีความพยายามช่วยเหลือด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่าทำเพื่อผลประโยชน์บ้านเมือง
นายชัชวาลย์กล่าวต่อว่า สิ่งที่ พล.อ.ชวลิต ต้องการ คือ อาจจะเป็นแผนให้ สมเด็จฯ ฮุนเซน เดินทางไปป่วนในการประชุมอาเซียน เพื่อสร้างกระแสให้แรงขึ้น เพื่อกดดัน 3 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายสถาบันเบื้องสูง ฝ่ายพันธมิตรฯ และฝ่ายรัฐบาล โดยถ้าหาก พล.อ.ชวลิต ทำสำเร็จ สิ่งตอบแทนจะเป็นรายได้เสริมให้แก่ตัวเอง ซึ่งตนเชื่อว่าการเดินทางไปกัมพูชาครั้งนี้ พล.อ.ชวลิต ได้เจอกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย
นายสุริยะใส กล่าวเสริมว่า สำหรับตนแล้วมองว่าเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ อาจกำลังจะมีไม้เด็ดออกมาแก้ไขสถานการณ์ เนื่องจากมองว่าการกลับมาของ พล.อ.ชวลิต ครั้งนี้ ถือเป็นเงื่อนไขทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลง ยิ่งในเวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ชวลิต และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ดูเหมือนจะร้าวฉานกันอยู่ ดังนั้น เชื่อว่าต่อไปจะมีปฏิบัติการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกเยอะ แต่ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า ทำไม พล.อ.ชวลิต ถึงกล้าสารภาพว่าเดินทางไปช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่เคยบอกว่า เข้ามาทำงานทางการเมืองเพื่อความสมานฉันท์ของบ้านเมือง หรือว่าเรื่องนี้ อาจเป็นแค่แผนต้องการให้ สมเด็จฯ ฮุนเซน ไปป่วนประชุมอาเซียน เพื่อสร้างความร้าวฉานระดับประเทศ และฉีกหน้ารัฐบาลไทย แต่ยังไงตนก็ถือว่า การที่ พล.อ.ชวลิต ไปพบผู้นำกัมพูชา ก็เป็นเกมการเมืองที่ดึงเอาเพื่อนบ้านมาทำร้ายประเทศตัวเอง ซึ่งตนอยากเตือน พล.อ.ชวลิต ว่าการกระทำดังกล่าว อาจจะตรงกับที่ พล.อ.เปรม ออกมาเตือนว่า ระวังเป็นการกระทำที่เท่ากับทรยศชาติ โดยเรื่องนี้ แกนนำพันธมิตรฯ จะทำการหารือและแถลงข่าวต่อกรณีดังกล่าว ในวันที่ 27 ตุลาคมนี้ เพราะดูเหมือนมีแนวโน้มว่า พล.อ.ชวลิต ไปเจรจาลับอะไรบางอย่างกับ สมเด็จฯ ฮุนเซน
นายชัชวาลย์ กล่าวประเด็นเดียวกันว่า การกระทำ พล.อ.ชวลิต ถือเป็นการส่งสัญญาณบีบให้รัฐบาลเปิดการเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เช่นนั้น กัมพูชาอาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีประเทศไทยแห่งใหม่ ซึ่งเป็นที่ทราบอยู่แล้วว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน พร้อมสนับสนุน เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยทำตัวเป็นมิตรกับประเทศไทย โดยการที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพวก ทำให้ฝ่ายผู้นำกัมพูชามีแต่ได้กับได้ ซึ่งตนมองว่า พฤติกรรมของ พล.อ.ชวลิต เปรียบเหมือนเด็กที่พอสู้ใครไม่ได้ ก็ก้าวร้าว ยุให้คนอื่นเขาแตกแยกกัน แต่เรื่องนี้ต้องโทษรัฐบาลไทยด้วยที่แสดงท่าทีไม่เข้มแข็ง
นายสุริยะใส กล่าวว่า ตอนแรกที่ได้ยินข่าว พล.อ.ชวลิต ประกาศร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และจะเดินทางไปพบ สมเด็จฯ ฮุนเซน ตนยอมรับว่า ไม่คิดว่า พล.อ.ชวลิต จะกล้าทำเช่นนี้ ที่ทำตัวเหมือนคนไปคาบข่าวจากกัมพูชามาบอกคนไทย อีกทั้ง ตนคาดเดาผิด ตอนแรกคิดว่า พล.อ.ชวลิต จะกลับมาบอกเรื่องเขาพระวิหาร ทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาว แต่จริงๆ กลับพูดแต่เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ หากไม่มีแผนอำพราง ตนถือว่าเป็นกระทำที่เริ่มต้นด้วยความผิดพลาด เพราะตอนนี้สังคมเริ่มระแวงแล้ว ว่าเป็นอัศวินม้าขาวจริง หรือเป็นทาส พ.ต.ท.ทักษิณ
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า เวลานี้คนบางคนทำตัวเป็นพญาละแวก คอยช่วยกัมพูชา ย่ำยี่ประเทศไทย ทั้งที่ ประเทศเพื่อนบ้านและไทยควรมีความสัมพันธ์กันด้วยความจริงใจ แต่ไทยกับกัมพูชาไม่ใช่แบบนั้น ไทยเลิกรบหรือเปิดศึกกับประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากต้องการอยู่ด้วยความสงบ แต่ฝ่ายกัมพูชา ไม่เคยลดราวาศอก เวลานี้ยังคอยทำตัวเป็นกองกำลังสนับสนุนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถล่มประเทศไทย ก็เหมือนกับเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เงินอุดหนุนกลุ่มคนเสื้อแดงและ พล.อ.ชวลิต
นายสุริยะใส กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยดำเนินสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นรองประเทศเพื่อนบ้านตลอด เพราะตั้งธงว่าต้องพึ่งคนอื่น ไม่คิดว่าจะต้องพึ่งตัวเองบ้าง เพราะสมัยที่ พล.อ.ชวลิต เป็นใหญ่เป็นโต ก็เคยกำหนดนโยบายระหว่างประเทศที่เกื้อหนุนผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง ถ้าถามว่าเรื่องนี้ จบได้หรือไม่ ก็สามารถทำได้ ถ้า นายอภิสิทธิ์ มีความเข้มแข็งมากพอ ก็ต้องมีการวางหมากในกระดานใหม่ และต้องปฏิบัติการเชิงรุก ไม่ใช่เป็นฝ่ายตั้งรับตลอด
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า ประเทศไทยโชคร้ายที่มีผู้นำประเทศหลายคน ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับประเทศเพื่อนบ้าน จึงทำให้คนพวกนี้ยึดวิธีสงบ สันติ จัดการปัญหาตลอด มันเหมือนกับว่าไทยไม่มีปากเสียง ปล่อยให้ผู้อื่นกอบโกยผลประโยชน์ เหมือนสมัย พล.อ.ชวลิต เป็นผู้นำก็เกี่ยวข้องกับธุรกิจไม้และน้ำมันในกัมพูชา จึงทำให้ขยิบตาปล่อยให้ประเทศเพื่อนบ้านรุกล้ำพื้นที่ไทยเข้ามา หรือจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ยังมีรัฐมนตรีบางคน ไปแอบเจรจาเพื่อหวังผลประโยชน์บริเวณพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล โดยสิ่งที่ตนแปลกใจ คือ พล.อ.ชวลิต เคยโดน พ.ต.ท.ทักษิณ ทำร้ายทางการเมืองมาแล้ว แต่ก็ยังไม่เข็ด ครั้งนี้ไปยอมเป็นหมาก เข้ากับอดีตนายกรัฐมนตรีที่สมคบคิดกับประเทศเพื่อนบ้านทำร้ายประเทศตัวเอง
นายสุริยะใส กล่าวว่า สำหรับปรากฏการณ์เตรียมทหาร รุ่น 10 ตบเท้าเข้าพรรคเพื่อไทย ตนมองว่าถ้ามองในเชิงลึก อาจเป็นแผน คมช. ส่งมาลับ ลวง พราง หรือไม่ แต่ยังไง ก็มองว่าบุคคลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด ก็คือ พล.อ.ชวลิต แต่การที่กลับจากกัมพูชาแล้วมาเปิดไพ่อย่างโจ่งแจ้ง ทำให้ตนสงสัยว่า ทำไม พล.อ.ชวลิต ถึงแสดงธาตุแท้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น ต้องจับตาดูเรื่องนี้ต่อไป แต่ที่กังวลตอนนี้ คือ เรื่องปฏิบัติการแผนใต้ดินที่มีความเป็นไปได้
"การนำเตรียมทหารรุ่น 10 มาร่วมพรรค เป็นเพียงแต่อุบายเมืองร้าง ที่หลอกให้คนเข้าใจว่า พรรคการเมืองนี้ไม่ธรรมดา แม้แต่ทหารยังอยากเข้าร่วม แต่ถ้าหากพิจารณาดูจริงๆ บางทีเรื่องนี้อาจไม่มีอะไรพิเศษ" นายสุริยะใส กล่าว
นายชัชวาลย์ กล่าวปิดท้ายว่า การนำเตรียมทหารรุ่น 10 ตบเท้าเข้าพรรคเพื่อไทย ถือเป็นการโปรโมตตัวเองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องการล้างภาพทุจริต จนทหารต้องยึดอำนาจปฏิวัติ โดยตอนนี้ต้องการสร้างภาพลักษณ์ว่ายังเป็นคนดีให้คนอื่นเห็น ซึ่งโดยส่วนตนไม่ได้ตื่นเต้นกับการเห็นทหารจำนวนหนึ่งเข้าร่วมงานพรรคเพื่อไทย เพราะมองว่าเป็นแค่ปรากฏการณ์ฝนตกขี้มูลไหลเท่านั้น