xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : “ทหาร” การันตีความจงรักภักดีของ “เพื่อไทย” ได้หรือ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี อดีตหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการ รมว.กลาโหม นำทีม ตท.10 จำนวนหนึ่ง สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย(20 ต.ค.)
อมรรัตน์ ล้อถิรธร....รายงาน

ขณะนี้ พรรคเพื่อไทยของนายใหญ่ทักษิณ เร่งตีปี๊บเป็นการใหญ่ว่า อดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ต่างแห่เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคจำนวนมาก ไม่ว่า พล.อ.ชวลิต หรือ “บิ๊กจิ๋ว” และอดีตนายทหารคนอื่นๆ ที่พาเหรดเข้าพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ ตท.10 เพื่อนร่วมรุ่นทักษิณ จะโดดลงมาเล่นการเมืองด้วยความสมัครใจเพื่อช่วยเหลือนักโทษหนีคดีอย่างทักษิณ หรือมีปัจจัยอื่นมาเป็นแม่เหล็กดึงดูดก็ตาม เชื่อแน่ว่าเป้าประสงค์ของพรรคนี้ไม่ได้อยู่แค่การสร้างภาพว่าพรรคได้รับความสนใจ จนผู้คนหลั่งไหลไปอยู่ด้วย แต่ทักษิณและแกนนำพรรคยังหวังผลล้างภาพ “ความไม่จงรักภักดี”และการเป็น “ผู้ทรยศชาติ”ด้วย แต่แน่ใจหรือว่า ความจงรักภักดีสามารถการันตีได้ด้วยคำพูดเท่านั้น

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ

คำพูดที่ว่า “อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้” เห็นทีจะจริง เพราะจู่ๆ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรองนายกฯ ยุครัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เคยสร้างภาพว่าอยู่ตรงกลางด้วยแนวคิดพร้อมเป็น “โซ่ข้อกลาง” สร้างความสมานฉันท์ในบ้านเมือง กลับทำเหมือนเติมเชื้อไฟให้สังคมแตกแยกมากขึ้น ด้วยการออกมาเลือกข้างสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 2 ต.ค. โดยอ้างคำพูดที่สวยหรูว่า ก่อนเข้าพรรคเพื่อไทย ได้สอบถามคนยากคนจนคนด้อยโอกาสแล้ว ทุกคนต่างชี้ให้มาอยู่ที่นี่ (ล่าสุด อ้างอีกว่า คน 5 จังหวัดภาคใต้ก็บอกให้ตนมาอยู่พรรคเพื่อไทยเช่นกัน) พล.อ.ชวลิต ออกตัวด้วยว่า “วันนี้ไม่ใช่โซ่ข้อกลาง แต่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคู่ขัดแย้ง แล้วก็แก้ไขจากจุดนี้ จะง่ายกว่าการเป็นโซ่ข้อกลาง”

พล.อ.ชวลิต ยังประกาศด้วยว่า จะทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองหลักของประเทศอย่างแท้จริง โดยพรรคจะไม่ไปแย่งชิงอะไรกับใคร แต่จะร่วมมือกันช่วยเหลือบ้านเมือง...ไม่รู้ว่า คำพูดของ พล.อ.ชวลิตจะขัดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะพรรคเพื่อไทยล้วนเป็นเนื้อเดียวกับกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งแกนนำพรรคบางคนก็เป็นทั้งแกนนำเสื้อแดงและ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ปลุกระดมมวลชนสร้างความเสียหายให้บ้านเมืองมาหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งล่าสุดยังออกมาทวงถามความคืบหน้าเรื่องฎีกาที่ขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้ปากจะอ้างว่า ไม่ได้ทวงกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ทวงกับรัฐบาล แต่การทวงในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรอยู่นี้ ถือเป็นเรื่องที่บังควรแล้วหรือ? แถมแกนนำเสื้อแดงยังร่ำๆ จะบุกไปหัวหิน-ชะอำ ป่วนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในวันที่ 23-25 ต.ค.นี้อีก นี่หรือคือการกระทำที่ช่วยเหลือบ้านเมืองอย่างที่ พล.อ.ชวลิตป่าวประกาศ!?!

เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จะได้เตือนสติ พล.อ.ชวลิต ซึ่งเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ พล.อ.เปรมรักและห่วงใยเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง โดยให้ พล.อ.ชวลิตคิดให้ดี ไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นการกระทำที่เป็นการทรยศต่อชาติ แต่ พล.อ.ชวลิตก็หาได้สนใจคำเตือนไม่ ขณะที่แกนนำพรรคเพื่อไทยเหมือนถูกจี้ใจดำด้วยคำว่า “ทรยศชาติ” จึงเรียงหน้าออกมาตอบโต้ พล.อ.เปรมกันยกใหญ่ แถมส่งคนไปแจ้งความดำเนินคดี พล.อ.เปรมฐานหมิ่นประมาทด้วย

หลัง พล.อ.ชวลิตเข้าพรรคเพื่อไทย นายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร ก็เริ่มสั่งให้พรรคดึงอดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่ให้มาอยู่กับพรรคมากๆ โดยเฉพาะอดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10(ตท.10) เพื่อนร่วมรุ่นของทักษิณ จากนั้น ภาพอดีตนายทหารแห่เข้าพรรคเพื่อไทยก็เริ่มเปิดฉากขึ้น เริ่มด้วย พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก(รอง ผบ.ทบ.) ซึ่งพรรคเพื่อไทยแถลงเปิดตัวเมื่อวันที่ 16 ต.ค. ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รีบการันตีว่า “พรรครักชาติ รักสถาบัน ไม่มีใครคิดทรยศต่อชาติแม้ผงธุลีเดียว ยืนยันว่า ผู้ที่เข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ผู้ทรยศต่อชาติ” ขณะที่ พล.อ.จิรเดช ก็ยืนยันเช่นกันว่า “ผมมีความจงรักภักดี ชีวิตการทำงานของผมมีภารกิจเกี่ยวกับสถาบันมาโดยตลอด”

ล่าสุด เมื่อวานนี้(20 ต.ค.) มี ตท.10 พาเหรดเข้าพรรคเพื่อไทยอีก นำโดย พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี อดีตหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และดูเหมือนจะเป็นธรรมเนียมสำหรับผู้ที่จะเข้าพรรคเพื่อไทยไปแล้วว่า นอกจากผู้ที่จะเข้าพรรคจะต้องโฆษณาความจงรักภักดีของตัวเองแล้ว ยังต้องช่วยการันตีความจงรักภักดีให้พรรคเพื่อไทยด้วย ซึ่ง พล.อ.อ.สุเมธ ก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่บกพร่อง โดยยืนยันว่า ตนยังมีเจตนารมณ์เหมือนที่เคยปฏิญาณตนไว้จะจงรักภักดี และทำงานเพื่อประเทศชาติและพระมหากษัตริย์ พร้อมเผยเหตุที่เข้าพรรคเพื่อไทยว่า เพราะนโยบายของพรรคดี หลายส่วนปฏิบัติได้จริง ทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

คงเป็นการฟังความข้างเดียว หากจะฟังคำยืนยันเรื่องความจงรักภักดีของพรรคเพื่อไทยและอดีตนายทหารที่เลือกข้างพรรคเพื่อไทย ลองไปฟังอดีตนายทหารและตำรวจชั้นผู้ใหญ่จากฝ่ายอื่นกันบ้างว่า จะมองปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร และรู้สึกอย่างไรที่ พล.อ.เปรมเตือน พล.อ.ชวลิตให้คิดให้ดีเรื่องเข้าพรรคเพื่อไทย

พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ มองกรณีที่แกนนำพรรคเพื่อไทยคุยโวว่าจะมีอดีตนายทหารและอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคจำนวนมากว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ โดยเฉพาะตำรวจและทหารรุ่น 10 ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะทหารและตำรวจเหล่านี้เคยได้รับการดูแลสนับสนุนจาก พ.ต.ท.ทักษิณอย่างดี อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้ว เชื่อว่า การที่อดีตนายทหารและตำรวจแห่เข้าพรรคเพื่อไทยจะไม่ทำให้พรรคเพื่อไทยได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าประชาชนรู้ประวัติพรรคเพื่อไทย

“ต้องเข้าใจความสัมพันธ์ของนายทหารหรือนายตำรวจรุ่นเดียวกับทักษิณ คุณทักษิณเนี่ยพอเริ่มเล่นการเมือง แล้วมีธุรกิจด้วย ในรุ่นของเขา เขาให้มีความเป็นอยู่ที่สบายมาก เรียกว่าสนับสนุนทุกอย่าง ทั้งในตำแหน่งราชการ แต่ผมขอเรียนอย่างนี้ว่า ในส่วนตัวผมเนี่ย ผมได้เห็นหลายๆ อย่างตั้งแต่ไอ้หน้าเหลี่ยมเข้ามาเล่นการเมือง ในส่วนตัวผม ผมมาจากโรงเรียนเตรียมนายร้อย เขาสอนให้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ การที่เราต้องพูดอย่างนี้ก่อนทานข้าว หรือเวลาวิ่งไปก็ให้พูดตะโกนอยู่อย่างนี้ และนายทหารก็เหมือนกัน ฉะนั้นสถาบันกษัตริย์เรา เขาถือว่าเป็นจอมทัพไทย สถาบันกษัตริย์ที่ประเทศไทยอยู่ได้ทุกวันนี้ ก็เพราะเรามีสถาบันกษัตริย์ที่ต่อสู้กันมา ต่อสู้กับข้าศึกศัตรูจนมีแผ่นดินอยู่ ตอนที่ต่อสู้กันมานั้น เราอาจไม่เกิด แต่ตอนนี้เราเกิดมาและอยู่ในแผ่นดินสงบร่มเย็นใต้ร่มโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ ทีนี้ปัญหาว่า วันนี้ไอ้นักโทษชายคนนี้มันก็หนีไป แล้วทุกคนก็ พันธมิตรฯ ก็ได้ต่อสู้ว่า ไอ้คนนี้มันนักโทษชาติปล้นแผ่นดินและมีจาบจ้วง องค์กรอิสระต่างๆ ก็เสียหายหมด ในส่วนตัวผม ผมถือว่าเขาได้ทำบาปกรรมให้กับประเทศชาติมาก”

“(ถาม-คิดว่าการที่มีทหารและตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้าพรรคเพื่อไทยจำนวนมาก จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้เปรียบในการเลือกตั้งมั้ย?) ถ้าคนที่ ประชาชนเนี่ยถ้ารู้ประวัติของพรรคนี้แล้ว ผมคิดว่าเขาคงยอมรับไม่ได้ แต่ถ้าคนที่ไม่ได้ศึกษาพรรคนี้ ก็อาจจะมองไปอีกมุมหนึ่ง อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ แต่เราก็คงต้องทำความเข้าใจกับประชาชนต่อๆ ไป ...(ถาม-สื่อมวลชนบางแห่งวิเคราะห์ว่า การที่ทักษิณดึง พล.อ.ชวลิตเข้าพรรค น่าจะเป็นพรรคใบสุดท้ายแล้วที่เอามาสู้ และมองว่างานนี้อาจเป็นการวัดบารมีระหว่าง พล.อ.ชวลิต กับ พล.อ.เปรม?) คืออย่างนี้ ผมก็ไม่ใช่ว่าผมจะเชียร์ พล.อ.เปรมนะ ในประวัติศาสตร์มา เราก็เห็นนายกฯ ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติก็มี พล.อ.เปรมนี่แหละ ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ผมก็เห็นอย่างนี้ มันตรงข้ามกัน ถ้าวัดบารมีอะไรน่ะ”


ด้าน พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ อดีตเสนาธิการฐานทัพเรือสัตหีบ และเหรัญญิกพรรคการเมืองใหม่ มองกรณีที่พรรคเพื่อไทยดึงอดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่เข้าพรรคจำนวนมากว่า เป็นเกมการต่อสู้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พยายามชิงความได้เปรียบทางการเมืองและสร้างภาพความจงรักภักดีให้กับพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วเชื่อว่า แม้ทหารจะเข้าพรรคเพื่อไทยจำนวนมาก แต่ก็จะไม่สามารถสร้างคะแนนเสียงให้พรรคดังกล่าวได้

“กรณีที่ทหารชั้นผู้ใหญ่ได้เดินพาเหรดเข้าพรรคเพื่อไทย ตรงนี้มันให้นัยว่า เกมการต่อสู้ของคุณทักษิณบนเวทีการเมือง จะเห็นว่าบนเวทีเสื้อแดงซึ่งเขาใช้เป็นเครื่องมือในการเดินทางของการเมืองเขา บนเวทีเสื้อแดงเนี่ย หลายๆ ครั้งที่เขาต่อสู้แล้วเขาพลาดพลั้งบนเวที เพราะเขาไม่สามารถจะคุมเกมบนเวทีได้ หรือเขาอาจจะมีเจตนาที่จะให้เกมบนเวทีเดินไปตามที่เขาตั้งใจ เราจะเห็นว่าเกมบนเวทีเป็นเกมที่หมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงสถาบัน โดยเอาตัวประธานองคมนตรีเป็นตัวละครที่เล่น เพราะฉะนั้นในภาพที่ผ่านมา กระแสสังคมจะต้านการคิดจาบจ้วงสถาบัน ซึ่งคุณทักษิณก็รู้ว่า ในหลายๆ เดือนที่ผ่านมา ภาพของเขาถูกกัดเซาะด้วยการหมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงสถาบัน แล้วตัวละครอะไรล่ะที่จะทำให้ภาพลักษณ์ที่เขาจะสามารถแก้ไขว่าเขาน่ะจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ ไม่ใช่แค่คิดจะล้มล้างหรือหมิ่นเหม่หรือจาบจ้วง ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นตัวละครที่เขาควรจะเอาเข้ามาเพื่อแก้ภาพลักษณ์ต่อข้อหาจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ก็คือ นายทหาร ซึ่งนายทหารโดยเฉพาะทหารที่จบจาก จปร. เห็นว่าตัวละครที่เข้ามาเนี่ย จะมีสถานะขณะที่อยู่ในกองทัพ สถานะที่ตัวเด่น เช่น พล.อ.ชวลิต หรือแม้กระทั่งรายหลังสุด พล.อ.จิรเดช เข้ามา ก็เพื่อสร้างภาพให้เห็นว่า แม้กระทั่งนายทหารที่เพิ่งจะเกษียณในตำแหน่งสำคัญของกองทัพ เป็นถึงรอง ผบ.ทบ.ทันทีที่ถอดเครื่องแบบ ก็ก้าวเข้ามาสังกัดพรรคเพื่อไทยทันที มันส่อให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่จงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์นะ แม้กระทั่งรองผู้บัญชาการยังก้าวเข้ามาเลย”

“ทีนี้ถามว่า มันมีนัยอย่างอื่นอีกมั้ย ผมมองว่านัยเพื่อให้แต้มคูทางการเมือง คงจะให้นัยนี้เป็นสำคัญ ส่วนว่ามาแล้วจะเพิ่มคะแนน ค่านิยม คะแนนเสียงให้คุณทักษิณนั้น ผมว่าไม่ใช่ เพราะนายทหารที่เกษียณเหล่านี้ โดยเฉพาะ พล.อ.จิรเดช เป็นตัวละครเข้ามาเนี่ย เขาไม่สามารถจะสร้างคะแนนเสียงจากประชาชนโดยตรงได้ เพราะคนที่อยู่ในระบบราชการ เป็นคนที่ไม่ได้สัมผัสกับชีวิตของประชาชน การยอมรับจากประชาชนจะแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง เพราะฉะนั้นผมให้ความสำคัญว่า เพื่อลบล้างภาพของการไม่เลื่อมใสศรัทธาในสถาบันกษัตริย์ของระบอบทักษิณมากกว่า”


พล.ร.ท.ประทีป พูดถึงกรณีที่ พล.อ.เปรมเตือน พล.อ.ชวลิตเรื่องเข้าพรรคเพื่อไทยด้วยว่า น่าจะเป็นเพราะการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณทั้งที่ผ่าน ส.ส.พรรคเพื่อไทยและมวลชนคนเสื้อแดง ต่างจาบจ้วง พล.อ.เปรมมาตลอด ซึ่งเป้าหมายนอกจากจะต้องการโจมตีสถาบันองคมนตรี ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของสถาบันกษัตริย์แล้ว ยังน่าจะต้องการบั่นทอนความน่าเชื่อถือของสถาบันกษัตริย์ด้วย พล.อ.เปรมจึงเป็นห่วงกรณีที่ พล.อ.ชวลิตจะเข้าพรรคเพื่อไทย ส่วนสาเหตุที่ พล.อ.ชวลิตไม่ฟัง พล.อ.เปรม คิดว่าอาจมาจากแรงกดดัน 2 ทาง 1.พล.อ.ชวลิตหมดเงินไปกับการเมืองจนแทบจะหมดตัวแล้ว ขณะนี้บ้านปิ่นประภาคม พล.อ.ชวลิตก็ไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไปอยู่ที่คอนโดมิเนียมแทน พล.ร.ท.ประทีป บอกด้วยว่า ก่อนที่ พล.อ.ชวลิตจะตัดสินใจเข้าพรรคเพื่อไทย ได้มีทหารคนสนิทของ พล.อ.ชวลิตเดินทางไปที่เมืองดูไบด้วย 2.แรงกดดันจากกรณีที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญาในคดี 7 ตุลาฯ พล.อ.ชวลิตอาจกลัวว่าจะต้องติดคุกยามชรา จึงต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง จึงต้องกลับเข้าสู่เวทีการเมืองอีกครั้ง

ด้าน พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ อดีตผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีกลาโหม และกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ พูดถึงกรณีที่อดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่แห่เข้าพรรคเพื่อไทยจำนวนมากว่า เป็นการสร้างกระแสของพรรคเพื่อไทย โดยชูจุดขายเรื่องความจงรักภักดี แต่คิดว่าพรรคเพื่อไทยอาจคิดผิดที่ทำเช่นนี้ เพราะหากอนาคตพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะเกิดปัญหาเรื่องการวางตัวรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ได้ พล.อ.กิตติศักดิ์ ยังเตือนสติอดีตนายทหารที่คิดเข้ามาเล่นการเมืองด้วยว่า ถ้าคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องของการเสียสละ ก็ควรเลือกเข้าพรรคการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ แต่ถ้าคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ก็ควรเลือกเข้าพรรคเพื่อไทย

“เป็นการสร้างกระแส โดยคิดว่าประชาชนจะหลงเชื่อ และมองว่า วันนี้สิ่งที่น่าจะขายได้ก็คงจะเอาขายให้กับคนที่มีความจงรักภักดี ก็มองว่าทหารซึ่งอาจจะเป็นทหารในหน่วยรักษาพระองค์ก็ดี หรือเคยเป็นทหารราชองครักษ์ก็ดี ถ้าเขาดึงคนเหล่านี้เข้ามา ในการที่เขาจะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ แต่เขาลืมไปอย่างหนึ่งว่า สิ่งที่เขาทำขณะนี้ ถ้าลองคิดให้ดีนะ ต่อไปจะเป็นปัญหา เพราะอะไรรู้มั้ย เป็นปัญหาเพราะว่าหน่วยงานที่ทหารจะไปดูแลเนี่ยมันมีกระทรวงเดียว กระทรวงกลาโหม แล้วถามว่า ทหารที่เข้าไปเยอะแยะเนี่ย สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นมหาดไทย เกษตรฯ พาณิชย์ ยุติธรรม สาธารณสุข วิทยาศาสตร์ พลังงาน กระทรวงแรงงาน สิ่งเหล่านั้นทหารคนไหนจะไปทำให้ มันไม่ใช่หรอก เป็นการคิดที่เดินหมากผิด”

“และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องฝากถึงน้องๆ นายทหารที่กำลังจะตบเท้าเข้าไปสู่พรรคเพื่อไทยด้วยว่า ถ้าน้องคิดว่าอยากจะทำงานการเมือง น้องต้องเข้าใจก่อนว่า การเมืองมันเป็นเรื่องอะไร การเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์หรือการเมืองเป็นเรื่องของการเสียสละ ถ้าคิดว่าจะทำงานเพื่อประเทศชาติเนี่ย น้องจะต้องมาเดินสู่การเมืองใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องของการเสียสละ แต่ถ้าคิดว่าเรื่องผลประโยชน์ โอเคก็คงเลือกไม่ผิดหรอกที่ก้าวไปสู่ตรงนั้น เป็นธุรกิจการเมือง แต่ในสิ่งเหล่านี้ถามว่าทำไมเราถึงจะเอาเกียรติยศชื่อเสียงที่เราสะสมมา รับราชการมาจนกระทั่งเกษียณอายุ เป็นถึงนายพลเอก พล.ท. พล.อ.ท. พล.อ.อ. หรือ พล.ร.อ.อะไรต่างๆ ต้องมองว่าเราจริงๆ เราเป็นทหารของพระราชา แต่วันนี้เรากลับกลายเป็นว่า เราไปรับใช้ใครกันแน่ เราเป็นทหารของแผ่นดิน เราต้องเป็นผู้พิทักษ์แผ่นดิน ผลประโยชน์ของชาติ รักษาสถาบันชาติ ศาสนา โดยเฉพาะสถาบันสูงสุดคือ สถาบันพระมหากษัตริย์ ตรงนี้ต่างหากที่คิดว่า อย่าไปทำตามกระแสหรือไปทดแทนบุญคุณว่า โอเคนะเราเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน ตลอดเวลามาเนี่ย เพื่อนคนนี้เขาก็เอาเงินให้รุ่นเราทุกปี เลี้ยงดูเราอย่างดี เรามีวันนี้ได้เพราะเพื่อนให้การอุดหนุนขึ้นมา มันไม่ใช่ มันเป็นการคิดประโยชน์ตัวเองมากกว่าคิดประโยชน์เพื่อส่วนรวมเพื่อสังคม แล้วอย่าคิดว่าประชาชนสมัยนี้เขาจะโง่ วันนี้ประชาชนรู้เท่าทันแล้ว”


พล.อ.กิตติศักดิ์ ยังให้แง่คิดเรื่องทหารกับการเมืองด้วยว่า ปกติแล้วทหารถูกสร้างขึ้น เพื่อไว้ปกป้องประเทศ ทำสงครามเปิดหรือรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศ มิได้สร้างขึ้นมาเพื่อทำ “สงครามการเมือง” แต่ขณะนี้ประเทศไทยกำลังตกอยู่ในสงครามการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งสงครามการเมืองมีองค์ประกอบอยู่ 6 ตัว 1. อุดมการณ์ ซึ่งก็คือความคิดหรือความเชื่อ คนที่มีความเชื่อเดียวกันก็จะอยู่ด้วยกัน 2.มวลชน เมื่อคนมีความคิดเหมือนกันก็จะมาอยู่ด้วยกันเป็นมวลชน 3.การจัดตั้ง เมื่อมีมวลชนก็ต้องมีการจัดตั้ง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถควบคุมมวลชนได้ 4.กุศโลบาย อุบายหรือกลลวงเพื่อหล่อหลอมคนหรือฝ่ายตรงข้าม 5.สงครามจิตวิทยา คือทำอย่างไรก็ได้ให้คนเชื่อ ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จก็ตาม 6.สงครามการข่าว ซึ่งขณะนี้สังคมกำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือข่าวปล่อยที่ทำให้หุ้นตกในช่วงที่ผ่านมา

ดังนั้นการที่อดีตนายทหารจำนวนมากสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ พล.อ.ชวลิต จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า พล.อ.ชวลิตต้องการสร้างความสมานฉันท์ให้คนในชาติจริงหรือไม่ หากหลังจากนี้ การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงมีความสงบเสงี่ยมเรียบร้อย และ พ.ต.ท.ทักษิณหยุดการเคลื่อนไหวได้ ก็ถือว่าเป็นความสามารถของ พล.อ.ชวลิต แต่ถ้าสถานการณ์เป็นไปในทางตรงกันข้าม คือมีเหตุรุนแรงหรือก่อวินาศกรรมกันมากขึ้น พล.อ.ชวลิตก็คงเหมือนเดิมอย่างที่ใครๆ ก็เรียกว่า “พ่อใหญ่ลา” ดังนั้น ครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วสำหรับ พล.อ.ชวลิตว่า จะทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองหรือไม่?
พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีตรอง ผบ.ทบ.สมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเช่นกัน ทั้งที่เคยร่วมอยู่ในคณะ คมช.ที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลทักษิณ
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง  ผบ.รมน.สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว พร้อมตอบโต้ พล.อ.เปรมอย่าผูกขาดความรักชาติไว้แต่ผู้เดียว
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เปิดแถลงข่าวหลังสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย(2 ต.ค.)
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยัน พรรครักชาติ รักสถาบัน พร้อมย้ำ ผู้ที่เข้าพรรคก็ไม่ใช่ผู้ทรยศชาติ(16 ต.ค.)
กำลังโหลดความคิดเห็น