xs
xsm
sm
md
lg

งัด พ.ร.บ.ความมั่นคง สกัดระเบิดป่วนเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายงาน โดย แสงตะวัน

ทำขึงขังกันเต็มที่ทั้งฝ่ายรัฐบาลโดยสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝายความมั่นคง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล หลังเห็นสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจกับเหตุการณ์วางระเบิดตามจุดสำคัญๆ ที่เป็นสถานที่ราชการ และมีความหมายทางการเมืองเกิดขึ้นอย่างถี่ยิบ และผิดปกติในช่วงนี้

ทำให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา เห็นชอบอย่างรวดเร็วเมื่อสุเทพเสนอต่อที่ประชุมเพื่อให้ครม.เห็นชอบในการประกาศใช้พ.ร.บ.มั่นคงในพื้นที่กรุงเทพมหานครระหว่างวันที่ 15 -25 ตุลาคม 2552

กทม.กลายเป็นจุดที่ 3 ต่อจากหัวหินและชะอำ สถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่มีการใช้ พ.ร.บ.มั่นคง ปลายเดือนนี้

เหตุผลในการประกาศให้กทม.เป็นพื้นที่จับตามองเฝ้าระวังเป็นพิเศษ 10 วัน ปฏิเสธไม่ได้ว่านอกเหนือจากเหตุผลที่ว่า กทม.คือจุดศูนย์กลางในการเดินทางของผู้นำประเทศต่างๆรวมถึงผู้ติดตามและสื่อมวลชนจากทั่วโลกก่อนเดินทางไปยังหัวหิน

เป็นห่วงว่า หากมีเหตุอะไรไม่คาดคิดขึ้นในกรุงเทพฯ เพราะเจ้าหน้าที่ขาดการตรวจตราและดูแลอย่างเข้มงวด อาทิมีเหตุระเบิดตูมตามใจกลางกรุงเทพมหานครขึ้นก่อนการประชุมอาเซียนซัมมิต ย่อมทำให้ต้องมีข่าวเสนอไปทั่วโลก และผู้นำหลายประเทศอาจเกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัย จนไม่ยอมมาร่วมประชุม

สิ่งที่ตามมาก็คือ ความเสียหายของชาติอย่างยับเยิน และมันเป็นเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ หลังจากพลาดมาแล้วกับการล้มประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซัมมิตที่พัทยาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

อีกเหตุผลก็คือ รัฐบาลเริ่มเห็นสัญญาณไม่ดีหลายอย่างว่าอาจเกิดสถานการณ์แทรกซ้อนขึ้นในช่วงการประชุมอาเซียนซัมมิต ทั้งการนัดชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดงวันที่ 17 ตุลาคม 52 และเหตุคนร้ายนำระเบิดไปไว้ตามสถานที่สำคัญๆ ทางการเมืองหลายจุด

แสดงให้เห็นว่า กำลังมีความพยายามป่วนบ้านป่วนเมืองขึ้นเพื่อหวังผลในการดิสเครดิตรัฐบาล

ไล่ตั้งแต่เหตุลอบวางระเบิดบริเวณด้านหน้าอาคารสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล ใกล้กับซอยลิขิต ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งในที่เกิดเหตุพบท่อ PVC ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ยาว 1 ฟุต ข้างในมีระเบิดแสวงเครื่องบรรจุอยู่ภายในพร้อมกับตั้งเวลาระเบิดไว้

ที่น่าสนใจเพราะวันดังกล่าวเป็นวัดนัดชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินและมีการวีดีโอลิงค์จากต่างประเทศของ นช.(พ.ต.ท.)ทักษิณ ชินวัตร โดยมีการพบระเบิดก่อนการวีดีโอลิงค์ไม่กี่ชั่วโมง และจุดที่ก่อเหตุจะว่าไปก็อยู่ห่างจากเวทีคนเสื้อแดงไม่กี่ป้ายรถเมล์

อีกทั้งก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เพิ่งมีกลุ่มคนร้ายปาระเบิดเข้าบ้านพักหลังเก่าย่านฝั่งธนบุรีของนาย วิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช.ซึ่งมีบทบาทสำคัญในคดีสอบสวน 7 ตุลาทมิฬ จนนำมาสู่การเอาผิดทั้งสมชาย วงศ์สวัสดิ์ –พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ-พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ

ทั้งการลอบวางระเบิดบ้านหลังเก่าของวิชา มหาคุณและการวางระเบิดข้างที่ทำการป.ป.ช. เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมืองล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนเสื้อแดงเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่คนที่ลงมือน่าจะหวังผลในเรื่องการข่มขู่และทำให้สังคมตระหนกตกใจว่า

สถานการณ์การเมืองพร้อมจะเข้าสู่ช่วงรุนแรงได้ทุกเมื่อ

ย้อนหลังกลับมาก่อนหน้านี้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์คือเมื่อ 5 ตุลาคม ก็เกิดเหตุ ไอ้โม่งนำระเบิดมาวางไว้ที่สวนสันติชัยปราการ ติดกับรั้วบ้านเจ้าพระยา สถานที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ซึ่งตำรวจตรวจพบว่าวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวอยู่ในถุงพลาสติกข้างในมีท่อพีวีซีต่อสายไฟ จึงต้องใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงฉีกน้ำเข้าทำลายวัตถุสงสัย

จนเกิดเสียงระเบิดดังทั่วบริเวณ และพบในเวลาต่อมาว่าข้างในเป็นอุปกรณ์ระเบิดแบบทำเองที่ นำมาวางไว้ข้าง เอเอสทีวี ในวันที่แกนนำพันธมิตรฯกำลังจะมีการประชุมใหญ่เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ในวันรุ่งขึ้นที่เมืองทองธานีและการเตรียมจัดงานใหญ่รำลึก 7 ตุลาคม 51 ที่ธรรมศาสตร์

แปลความได้ง่ายๆ ว่าระเบิดครั้งนั้น กลุ่มผู้ก่อการมุ่งหวังเขย่าขวัญคนเสื้อเหลืองแน่นอน

และย้อนหลังกลับไปก่อนหน้านั้นอีกไม่กี่วันคือวันที่ 30 กันยายน 52 ก็เกิดเหตุพบวัตถุระเบิดบริเวณริมรั้วศาลรัฐธรรมนูญ ถนนจักรเพชร เขตพระนคร ซึ่งวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวพบว่าวางไว้ห่างจากประตูทางเข้าออกศาลประมาณ 30 เมตร ใกล้กับเชิงสะพานพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

และเมื่อมีการตรวจสอบพบว่าเป็นวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่องเป็นระเบิดแสวงเครื่อง “แอมโฟ” (AMFO) ซึ่งใช้ในการระเบิดเหมืองแร่ ลักษณะระเบิดทำจากท่อพีวีซี มีสายไฟโยงต่อกับนาฬิกาปลุก และตั้งเวลาระเบิดไว้โดยภายในท่อบรรจุสารแอมโมเนียไนเตรท และดินปืน น้ำหนัก 1 กิโลกรัม แต่ก็ไม่เกิดเหตุรุนแรงใดๆ เพราะตำรวจใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลายตัดวงจรระเบิดเสียก่อน

อันเป็นการก่อเหตุครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นกับศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากก่อนหน้านี้ในช่วงสงกรานต์เลือด ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้รับลูกหลงไปด้วย และครั้งนั้นรุนแรงยิ่งนัก

เพราะแค่วันเดียวคือ 13 เมษายน 52 กลุ่มคนร้ายได้ใช้เครื่องยิงวัตถุระเบิดเข้าไปในอาคารที่ทำการศาล รธน.3 ครั้งในวันเดียว!

ครั้งแรก เป็นเศษวัตถุระเบิดตกเข้าไปด้านหน้าสำนักงาน ครั้งที่ 2 เป็นลูกระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ยิงตรงไปที่ด้านหน้าป้อมยามรักษาความปลอดภัย ครั้งที่ 3 หนักสุดเพราะเป็นวัตถุระเบิดถูกปาไปที่อาคารสำนักงานศาล รธน. ทำให้ตัวอาคารทั้งภายในและภายนอกเสียหายเป็นบริเวณกว้าง และทหารที่มาดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับศาลรัฐธรรมนูญ บาดเจ็บ 1 นาย

เมื่อพิจารณาจากรูปการการก่อเหตุทั้งหมดโดยเฉพาะการข่มขู่วางระเบิด 3 จุดในช่วงเวลาใกล้เคียงกันคือศาลรัฐธรรมนูญ-เอเอสทีวี-ตึก ป.ป.ช. พบว่าคนร้ายใช้ระเบิดบรรจุไว้ในท่อพีวีซีและใส่ไว้ในถุงพลาสติกโดยให้มีสายไฟฟ้าโผล่ออกมาข้างนอกเพื่อให้พบเห็นได้ง่าย จะได้เรียกตำรวจมายิงทำลายระเบิดได้

เห็นได้ชัดว่า ทั้งสามครั้งน่าจะเป็นฝีมือของคนกลุ่มกันทั้งหมด

และทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนถึงขณะนี้ ไม่มีวี่แววการสอบสวนที่เป็นความคืบหน้าแห่งคดีของตำรวจมารายงานให้สังคมพออุ่นใจได้แม้แต่คดีเดียว

ที่ผ่านมาถือว่า ยังเป็นการข่มขู่ แต่น่าจะเป็นการเตือนให้เห็นแล้วว่า คนร้ายหวังผลทางการเมืองแน่นอน และไม่มีหลักประกันว่าครั้งต่อๆไป อาจมีการเพิ่มความรุนแรงขึ้นเหนือกว่าการข่มขู่ก็ได้

แบบนี้ ตำรวจจะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนได้อย่างไร?
กำลังโหลดความคิดเห็น