"พล.ต.อ.ประทิน" ป้อง "นายกฯมาร์ค" สง่างาม มีภาวะผู้นำสูง เผย แม้อายุยังน้อย แต่รู้จักใช้อำนาจ จวก พรรคร่วมรบ. ทำราศีผู้นำเสื่อม ดีแต่คอยทำตัวเหมือนปลิงคอยสูบประโยชน์ ทั้งที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อส่วนรวม ขณะที่ "ทนายสุวัตร" แฉ "พล.ต.ท." คนสนิท "นช.แม้ว" เคยเสนอเงินก้อนโต แลกกับเลิกว่าความให้พันธมิตรฯ แต่พอบอกปัดอีกฝ่ายเกิดผูกใจเจ็บ หันไปรวมหัวกับ "บิ๊กสีเขียว" วางแผนยิง "สนธิ" รอบสอง แต่ความลับแตก จึงเปลี่ยนมาสังหารทนายพันธมิตรฯ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “รู้ทันประเทศไทย”
วันนี้ (29 ก.ย.) รายการ “รู้ทันประเทศไทย” ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในเครือเอเอสทีวี มี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายแสงธรรม ชุนชฎาธาร เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้มีการเชิญ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจมาร่วมพูดคุยในรายการ ถึงกรณี การที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทำการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ขึ้นเป็นรักษาการแทน ผบ.ตร.
พล.ต.อ.ประทิน กล่าวกรณีนี้ ว่า เรื่องการแต่งตั้งรักษาการแทน ผบ.ตร. ตนไม่อยากให้ใครมองถึงภาวะความเป็นผู้นำในตัวนายอภิสิทธิ์ ซึ่งสำหรับตนแล้วมองว่า ถึงแม้ นายอภิสิทธิ์ จะอายุยังน้อย แต่ก็มีความเป็นผู้นำสูงมาก เพราะเวลาจะทำอะไรมีการคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ ฉะนั้น จะเห็นว่าที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ต้องใช้ความอดทนสูงมาก ในการฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ทำให้คนที่ไม่เข้าใจมองว่า นายอภิสิทธิ์ ขาดภาวะความเป็นผู้นำ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ โดยในส่วนการแต่งตั้งรักษาการแทน ผบ.ตร. ด้วยสิทธิตามกฏหมายแล้วสามารถกระทำ เช่นเดียวกับการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ซึ่งเป็นสิทธิ์ขาดนายกรัฐมนตรีตัดสินใจเลือกบุคคลที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งดังกล่าวเช่นกัน
"เวลานี้ตนอยากให้ความเป็นธรรมแก่นายอภิสิทธิ์ หลังจากถูกสื่อมวลชนประโคมข่าวว่า การที่ นายอภิสิทธิ์ ทำเช่นนี้ เพื่อสกัดไม่ให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ขึ้นเป็น ผบ.ตร. ซึ่งตนถือการที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวเช่นนี้นับว่าผิดไปจากความจริงมาก โดยแท้จริงแล้ว นายอภิสิทธิ์ เสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป มาตั้งแต่แรก ดังนั้น ถ้าหากเวลานี้ จะเสนอขึ้นเป็นรักษาการแทน ผบ.ตร. ก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่แสดงให้เห็นจิตใจที่แน่วแน่ของนายรัฐมนตรี ที่ตัดสินใจไปแล้วว่า พล.ต.อ.ปทีป มีความเหมาะสม ซึ่งตนขอต่อว่าคนในคณะกรรมการ ก.ต.ช. บางคน รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล ที่ชอบขัดขาเวลา นายอภิสิทธิ์ จะตัดสินใจทำอะไร
"ผมรู้สึกเสียใจมากที่รัฐมนตรีบางคน และพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งแกนนำถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้ว ยังออกมาเรียกร้องและร้องขอผลประโยชน์ต่างๆ ซึ่งผมเห็นว่า ในส่วนของรัฐมนตรีบางคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ ควรลาออกจากตำแหน่ง สำหรับแกนนำพรรคร่วม ก็ควรอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ควรออกมาเสนอหน้าต่อรองอะไรกับทางรัฐบาล" พล.ต.อ.ประทิน กล่าว
เมื่อ ดร.เจิมศักดิ์ ถามว่า มีคนพูดว่า หากตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็น นายอภิสิทธิ์ คงทุบโต๊ะ ใช้ความเด็ดขาดในการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ไปแล้ว พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำเช่นนั้นบ่อย จึงอยู่ในประเทศไทยไม่ได้ ซึ่งการจะเป็นผู้นำที่ดี ต้องมีศิลปะในการบริหารประเทศ ไม่ใช่แต่อำนาจ คิดจะทำอะไรก็ทำ โดยตอนนี้ตนรู้สึกเห็นใจ นายอภิสิทธิ์ ที่ต้องตกมาอยู่ระบบการเมืองไทยที่ยึดถือเสียงในสภาเป็นสิ่งสำคัญ แต่ต้องยอมรับว่าในบรรดา ส.ส.ทั้งหลาย ก็มีทั้งคนชั่วและคนดี ซึ่งคนชั่วที่กลับใจเป็นคนดี มาร่วมทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง ตนก็พร้อมจะให้อภัย ส่วนพวกคนชั่วที่ทำตัวเหมือนจะกลับใจ แต่แล้วก็มาโกงกินบ้านเมือง เข้ามาปะปนกับคนดี และคอยขัดขารัฐบาลตลอดเวลา ตนถือว่าเป็นพวกมีพฤติกรรมชั่วยิ่งกว่าเดิม
ดร.เจิมศักดิ์ ถามต่อว่า มีข่าวว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองออกใบสั่งพิเศษให้ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ขึ้นเป็น ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นเรื่องการแอบอ้าง เพื่ออยากให้คนของตัวเองได้เป็น ผบ.ตร. ซึ่งต้องพิจารณาตามความจริงว่า พล.ต.อ.จุมพล หลุดจากวงจรตำรวจไปตั้งแต่ประมาณปี 2545-2546 โดยไปทำงานในหน่วยสำนักข่าวกรองแห่งชาติถึง 5 ปี จากนั้นเพิ่งกลับเข้าวงการตำรวจอีกครั้งเมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าห่างจากวงการตำรวจ ไม่เหมือนกับ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงดังกล่าวมาตลอด จึงทำให้ความรู้ ความสามารถมากกว่า อีกทั้งเป็นนายตำรวจที่มีประวัติการทำงานดีมาก
ดร.เจิมศักดิ์ ถามอีกว่า ถ้าหากต่อไป นายอภิสิทธิ์ เกิดเปลี่ยนใจเลือก พล.ต.อ.จุมพล เป็น ผบ.ตร. แสดงว่าข่าวลือดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า ตนคิดว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน โดยต้องขอชื่นชมนายกรัฐมนตรี ว่ารู้จักใช้อำนาจในเวลาที่เหมาะสม รวมทั้ง อยากชื่นชมความอดทนและยกย่องให้เป็นผู้นำที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งใครคิดอย่างไร ตนไม่ทราบ แต่สำหรับตนรู้สึกภาคภูมิใจมากเวลาที่ได้เห็น นายอภิสิทธิ์ ไปเยือนเวทีการประชุมสมัชชาแห่งชาติ ที่สหรัฐฯ และได้รับการชื่นชมของสื่อต่างประเทศ ว่าเป็นผู้นำที่อายุน้อย แต่ได้รับการยอมรับในเวทีระดับนานาชาติ
"ผมอยากเห็น นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ครบวาระ 4 ปี เพราะเห็นว่ามีความเหมาะสมทุกด้าน และจากการที่ได้รับฟังเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ก็ชื่นชมในตัวผู้นำประเทศว่าอายุน้อย แต่บริหารบ้านเมืองดี พูดจามีเหตุผล แต่ติดอยู่ตรงที่ถูกพรรคร่วมรัฐบาลคอยขัดขาตลอด ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องพวกที่ร้องขอผลประโยชน์ต่างๆ ให้กลับมาทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติบ้าง" พล.ต.อ.ประทิน
ดร.เจิมศักดิ์ ถามอีกว่า มีคนติติงถึงความไม่เด็ดขาด นายอภิสิทธิ์ ที่ไม่เด็ดขาดพอที่จะจัดการ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. หลังจากที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคดีสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า ตนเข้าใจ นายอภิสิทธิ์ เพราะอยู่ในแวดวงราชการ รู้ดีว่าการจะทำอะไรต้องรอหนังสือลายลักษณ์อักษรก่อนตัดสินใจ โดยตนไม่ทราบว่าขณะนี้หนังสือของทาง ป.ป.ช. ถึงมือนายกรัฐมนตรีแล้วหรือยัง แต่การที่นายอภิสิทธิ์ สั่งย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท ไปช่วยงานยังสำนักปลัดนายกรัฐมนตรี ถือว่ามีความเหมาะสมแล้ว เป็นการตัดสินใจเบื้องต้นที่ดี ส่วนต่อจากนี้ หากนายอภิสิทธิ์ ได้รับหนังสือชี้มูลความผิดจากทาง ป.ป.ช. จะจัดการความผิด พล.ต.อ.พัชรวาท อย่างไร ก็สุดแล้วแต่การตัดสินใจ ซึ่งสำหรับตนเห็นว่า เมื่อเป็นการทำผิดทางวินัยและเป็นอาญาร้ายแรง สมควรได้รับบทลงโทษสูงสุด
ดร.เจิมศักดิ์ ถามต่อว่า ท่าทีของนายอภิสิทธิ์ ดูเกรงอกเกรงใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และพรรคร่วมรัฐบาล จึงไม่กล้าจัดการ พล.ต.อ.พัชรวาท ด้วยความเด็ดขาด พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า เรื่องนี้แล้วแต่คนจะคิด ซึ่งตนเห็นว่า เป็นเพราะระเบียบราชการมากกว่า
ดร.เจิมศักดิ์ ถามอีกว่า การที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรักษาการแทน ผบ.ตร. ที่จะเกษียณในช่วงสิ้นเดือนนี้ เคยรับปากไว้ว่าจะสางคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้จบ พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ก็มีการออกหมายจับไประลอกหนึ่งแล้ว แต่ไม่ทราบว่าทำไมถึงไม่ออกหมายจับอีกระลอก ซึ่งโดยส่วนตัวตนคิดว่าคดีนี้ มวยไม่ล้ม แต่ต้องเข้าใจว่าคดีนี้ละเอียด ทำให้มีอุปสรรคมาก ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า คดีนี้ต้องพบอุปสรรคบางอย่าง ทำให้ไม่สามารถออกหมายจับระลอกสองได้ แต่ตนกล้ายืนยันความซื่อสัตย์ และความกล้าของ พล.ต.อ.ธานี ว่ามีอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งถ้าให้คิดต่อว่า อุปสรรคของการทำคดีนี้ คืออะไร ตนคิดว่ามาจากทีมงาน ที่เห็นว่า พล.ต.อ.ธานี จะเกษียณอายุแล้ว จึงอยากขอดูว่าใครหรือฝ่ายใดจะมาทำคดีนี้ต่อ เสมือนดูทิศทางลมก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำงานเต็มที่หรือเปล่า โดยถือเป็นธรรมชาติของข้าราชการไทยที่คิดเช่นนี้
ดร.เจิมศักดิ์ ถามถึงกรณี การสั่งย้าย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จากรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปเป็นรองเลขาธิการ ป.ป.ส. โดย พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า การสั่งย้ายข้าราชการต้องมีเหตุผล ซึ่งเรื่องนี้ตนเห็นว่า การสั่งย้ายอาจเพราะเห็นว่าข้าราชการคนดังกล่าวตกเป็นผู้ต้องหาคดีลอบยิง นายสนธิ ซึ่ง พ.ต.ท.ทวี มีส่วนร่วมรู้เห็นให้นำรถของกลางไปใช้ก่อเหตุ ทั้งนี้ ถ้าหากตนเป็นผู้บังคับบัญชาต้องจัดการเรื่องนี้ให้สิ้นซากช่วงต่อมามีการต่อสายสัมภาษณ์สด นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ ต่อกรณี ถูกข่มขู่เอาชีวิต
โดยนายสุวัตร กล่าวว่า ตอนนี้ตนยังอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังการสั่งฆ่า โดยมีผู้หวังดีโทรมาเตือนตนว่า ทหารได้มีการประชุมลับเพื่อวางแผนลอบสังหารตน เพราะเข้าใจผิดว่าตนอยู่เบื้องหลังแผนการที่ทำให้ นายสนธิ หลุดพ้นจากคดีความต่างๆทั้ง 58 คดี ดังนั้น จึงคิดว่า การสั่งเก็บตนก็ถือเป็นการตัดกุนซือของนายสนธิ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18-19 กันยายนที่ผ่านมา ก็มีความพยายามจะยิง นายสนธิ รอบสอง จากนั้น ก็จะถึงคิวยิงตน ดังนั้น ตนจึงแนะนำให้ นายสนธิ เดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ จึงทำให้พวกที่รับจ้างงานมา คิดว่าเมื่อลงมือกับนายสนธิ ไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้าจัดการกับตน
นายสุวัตร กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องความคืบหน้าการสอบสวนคดีลอบยิง นายสนธิ ตนรู้สึกปลงกับเรื่องนี้ เพราะคนที่ตำรวจออกหมายจับทั้งหมด ฝังตัวอยู่ในค่ายทหาร ทำให้ไม่มีใครกล้าออกหมายจับ ทั้งๆที่รู้ว่า ปลอกกระสุนปืนที่ยิง นายสนธิ เป็นของกองทัพบก ซึ่ง ฉก. 90 เป็นผู้เบิกไป จะมาอ้างว่ามีการลักลอบเอาไปขายให้คนนอก ก็ถือว่าเหตุผลฟังไม่ขึ้น
"ที่ผ่านมาผมถูกข่มขู่มาตลอด แต่ก็ไม่กลัวตาย ถ้าหากทำให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้น ก็พร้อมยอมตาย โดยเริ่มต้นเรื่องนี้ มี พล.ต.ท. ที่เกษียณไปแล้วและเป็นคนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเสนอเงินให้ตนเลิกคดีให้พันธมิตรฯจำนวน 20 ล้านบาท จากนั้นก็มาเสนออีก 2500 ล้านบาท เพื่อให้วางแผนดึงเอาเงิน 76,000 ล้านบาทที่ถูกยึดไปกลับคืนมาให้ได้ ซึ่งผมได้ปฏิเสธไป ดังนั้น เมื่อไม่เอาเงิน ก็เลยจะเจอกระสุนแทน" นายสุวัตร กล่าว
นายสุวัตร กล่าวต่อว่า หลังจากถูกข่มขู่ ตนได้โทรหานายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายท่าน ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำให้ทำหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ ตนกำลังเตรียมหนังสืออยู่ แต่ติดภารกิจหลายอย่างทั้งเรื่องร่างหนังสือให้แก่ นายวีระ สมความคิด กรณีเรียกร้องพื้นที่ 4.6 ตร.กม.จากกัมพูชา หรือจะเป็นคดีความของ นายสนธิ ซึ่งวันที่ 2 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ นายสนธิ หมิ่นประมาท นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ โดยเปรียบเทียบกับคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว